วิวัฒนาการของโลก
วิวัฒนาการของ (นาย)โลก
อายุ |
อายุของโลก |
ระยะเวลา |
เหตุการณ์สำคัญ |
0 |
0 |
4600 |
โลกได้ก่อกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของฝุ่นละออง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ อุกกาบาตที่พุ่งเข้าชนในขณะที่โลกมีขนาดประมาณ 80% ของปัจจุบัน ทำให้เศษวัตถุที่หลุดออกมารวมตัวกันเป็นดวงจันทร์ |
1 |
100 |
4500 |
วัสดุโลหะหนักรวมตัวกันในศูนย์กลางของโลกเกิด เป็นแกนโลก ต่อมาผิวโลกมีการเย็นตัวและแข็งตัวกลายเป็นเปลือกโลก ข้อมูลในช่วงเวลานี้มีน้อยมาก (ยังไม่พบหินในอายุนี้) |
2 |
200 |
4400 |
แร่อายุแก่ที่สุดในโลกคือผลึกแร่ zircon ในประเทศออสเตรเลีย หลักฐานจากแร่นี้บ่งบอกว่ามีมหาสมุทรในช่วงเวลานี้ แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ |
5 |
500 |
4100 |
สิ้นสุดของช่วงเวลา HadeanHadean: ฮาเดียน : ดูคำอธิบายใน Priscoan (ชื่อที่ใช้เรียกช่วงเวลาที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโลก และไม่มีหลักฐานของหินใดๆ) |
6 |
600 |
4000 |
หิน Ancaster Gneiss จากกรีนแลนด์คือหินที่มีอายุแก่ที่สุดในโลก (สี่พันล้านปี) |
8 |
800 |
3800 |
หิน Akilia Gneiss (3850 ล้านปี) บ่งบอกหลักฐานคาร์บอนของสิ่งมีชีวิต แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ |
9 |
900 |
3700 |
หมวดหิน Banded Ironstoneironstone: หินเหล็ก : หินทุกชนิดที่มีแร่เหล็กเป็นองค์ประกอบหลัก โดยเฉพาะตะกอนที่มีแร่เหล็กประกอบอยู่ในปริมาณสูง ประยุกต์ใช้เรียกหินตะกอนปลายยุคพรีแคมเบรียนที่ไม่มี เชิร์ตปน อาจมีลักษณ์เป็นชั้น ๆ หรือไร้ชั้น ผิดกับหินตะกอนในหมวดหินแร่เหล็กซึ่งมี เชิร์ตปน โดยมากประกอบด้วยแร่เหล็กแบบเม็ดไข่ปลา Formations (BIFs) สันนิษฐานว่าเกิดจากแบคทีเรีย โดยออกซิเจนที่แบคทีเรียสร้างขึ้นทำปฏิกิริยาออกซิเดชันกับเหล็กไอออนในน้ำ ทะเลและตกตะกอนเป็นชั้นสีแดงของสนิมเหล็กบนพื้นมหาสมุทร เมื่อไม่มีการสร้างออกซิเจนทำให้เกิดการสะสมตัวของหินเชิร์ตสีเทาแทน ซึ่งชั้นหินทั้งสองนี้ก็คือลักษณะของหมวดหิน BIFs นอกจากนี้แล้วหมวดหินนี้ยังบ่งถึงการสังเคราะห์แสงในยุคแรกเมื่อประมาณ 3700 ล้านปีก่อน แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานของซากดึกดำบรรพ์ |
11 |
1100 |
3500 |
หิน Apex Chertchert: ๑. หินเชิร์ต : หินชั้นเนื้อแน่น แข็ง เหนียว ผิวด้านถึงวาวเกือบคล้ายแก้ว มีรอยแตกแบบก้นหอยหรือคล้ายเสี้ยนไม้ ประกอบด้วยควอตซ์เนื้อจุรณผลึกหรือจุลผลึกประสานกัน อาจมีซิลิกาอสัณฐาน (โอพอล) ปนอยู่ด้วย บางครั้งมีสารมลทิน เช่น แคลไซต์ เหล็กออกไซด์ และซากสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วย มีสีต่าง ๆ ถ้าสีเข้มเรียกว่า หินเหล็กไฟ สีแดงเรียกว่า แจสเพอร์ ลักษณะด้านคล้ายดินเผาเรียกว่า พอร์เซลลาไนต์ (porcellanite) ถ้ามีลักษณะด้าน สีเขียว เรียกว่า เพรส ๒. เชิร์ต : แร่ควอตซ์เนื้อจุรณผลึกชนิดหนึ่ง (ตะวันตกของออสเตรเลีย) อายุ 3465 ล้านปี ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่ามีซากดึกดำบรรพ์ที่แก่ที่สุดอยู่ภายในหิน แต่ปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ Pilbara ทางตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย พบหินที่มีองค์ประกอบเป็นซิลิกามากอายุ 3500 ล้านปี มีร่องรอยของรูขนาดเล็กจำนวนมากยาวประมาณ 40 ไมครอน และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าเส้นผม แม้ว่าบางรอยอาจเกิดจากกระบวนการอนินทรีย์ แต่ก็มีนักธรณีวิทยาบางคนเชื่อว่าเกิดขึ้นจากแบคทีเรียชนิดกินหิน (rock-eating bacteria) แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ |
16 |
1600 |
3000 |
สโตรมาโทไลต์ (stromatolites) เกิดขึ้นจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวขนาดเล็ก และสังเคราะห์แสงได้ โดยการดึงแร่แคลไซต์จากน้ำทะเลสร้างขึ้นเป็นโดม ปัจจุบันสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินยังคงมีการสร้างโดมสโตรมาโทไลต์ใน Shark Bay ประเทศออสเตรเลีย |
25 |
2500 |
2100 |
ออกซิเจนซึ่งเป็นผลผลิตของเสียจากแบคทีเรีย ได้กลายเป็นสารพิษสำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ในยุคแรกๆ เริ่มแรกออกซิเจนจะถูกกักเก็บไว้ในหิน เช่น BIFs และหินปูน แต่ต่อมาปริมาณออกซิเจนนั้นมีมากเกินกว่าที่จะกักเก็บไว้ในหินเช่นเดิมจึง ได้แพร่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ หินภาคพื้นทวีปสีแดง (Terrestrial Red Beds) จึงได้กำเนิดขึ้นเมื่อ 2100 ล้านปีก่อน โดยกระบวนการออกซิเดชันของเหล็ก ต่อมาออกซิเจนที่หลงเหลืออยู่ก็สะสมตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ |
31 |
3100 |
1500 |
ในบรรยากาศมีออกซิเจนน้อยยูคาริโอต (eukaryote) ซึ่งเป็นเซลล์พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดบนโลก เช่น โปรโตซัว เห็ดรา พืช และสัตว์ทั้งหลายได้ถือกำเนิดขึ้น (เฉพาะแบคทีเรีย และสิ่งมีชีวิตในอาณาจักร Monera เท่านั้นที่ประกอบด้วยเซลล์แบบโปรคาริโอต (prokaryote) ยูคาริโอตใช้ออกซิเจนในกระบวนการ metabolism นอกจากนี้พบว่ากระบวนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศยังถูกวิวัฒนาการขึ้น และซากโปรโตซัวที่พบในหินอายุ 1000 ล้านปี นั้นสามารถบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนและความหลากหลายของยูคาริโอตแรก เริ่มชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี |
39 |
3900 |
700 |
นักพันธุศาสตร์คาดการณ์ว่าสิ่งมีชีวิตใน อาณาจักรสัตว์ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 1000 ล้านปีก่อน แต่ไม่พบหลักฐานในบันทึกทางธรณีวิทยา การศึกษา Choanoflagellate ซึ่งเป็นโปรติสที่มีส่วนประกอบทางพันธุกรรมแบบเดียวกับที่พบในสัตว์ ทำให้สัญนิษฐานได้ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์น่าจะมีวิวัฒนาการมาจากสิ่ง มีชีวิตเหล่านี้ ซากดึกดำบรรพ์ร่องรอยที่เก่าแก่ที่สุดพบในออสเตรเลีย และแอฟริกามีอายุ 700 ล้านปีก่อน |
40 |
4000 |
600 |
พบซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์หลายเซลล์ชนิดแรกอายุ 600 ล้านปี ได้แก่Charnia หรือ sea pen หนอนต่างๆ สัตว์คล้ายเม่นทะเล และแมงกะพรุน จำนวนเล็กน้อย นอกจากนี้ยังพบ fecal pellet ในหินที่ สก็อตแลนด์อันเป็นผลิตผลของสัตว์ที่มีลำไส้อีกด้วย |
41 |
4100 |
500 |
สัตว์ที่มีโครงร่างแข็ง (เปลือกและโครงกระดูก) เช่น ไตรโลไบท์ หรือสัตว์จำพวกหอยและปลาหมึกถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 545 ล้านปีก่อน (เริ่มต้นยุคแคมเบรียน) หลังจากนั้นไม่นานสัตว์ที่มีโครงร่างแข็งทุกชนิด ได้แก่ ปะการัง ไครนอยด์ แบรคิโอพอด นอติลอยด์ แกรบโตไลท์ และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่น ฟอแรมมินิเฟอรา ก็ได้มีวิวัฒนาการตามมา กระดูกสันหลังของปลาชนิดแรกที่เกิดในยุคแคมเบรียนตอนต้นประกอบด้วยแคลเซียม ซึ่งต่อมามีวิวัฒนาการอีกเล็กน้อยและสามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับสัตว์ที่มี กระดูกสันหลังชนิดอื่นรวมถึงมนุษย์เราด้วย |
42 |
4200 |
400 |
ปริมาณโอโซนในบรรยากาศมีมากเพียงพอ พืชเกิดวิวัฒนาการจากสาหร่ายและครอบครองพื้นที่บนบก โดยเริ่มจากพวก bryophyte พืชไม่มีท่อลำเลียงในยุคออโดวิเชียนตอนกลาง (ประมาณ 450 ล้านปีก่อน) และ Cooksonia พืชมีท่อลำเลียงชนิดแรกในยุคไซลูเรียน ตอนปลาย (420 ล้านปีก่อน) ต่อมาไม่นานสัตว์บกจึงค่อยๆปรากฏขึ้น |
43 |
4300 |
300 |
ยุคดีโวเนียนตอนปลาย (ประมาณ 350 ล้านปีก่อน) พบการดำรงชีวิตของสัตว์ในที่ลุ่มชื้นแฉะได้แก่ หนอน และหอยทากร่วมกับซากดึกดำบรรพ์ของพืชยุคแรก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเริ่มใช้ชีวิตบนบกและในเวลาอันสั้นเกิดวิวัฒนาการเป็น สัตว์เลื้อยคลานที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำเพื่อรักษาร่างกายให้ เปียกชื้นอีกต่อไป เริ่มมีการเกิดและขยายตัวของป่าฝนเขตร้อนประมาณ 320 ล้านปีก่อน |
44 |
4400 |
200 |
225 ล้านปีก่อน สัตว์เลื้อนคลานพวกจิ้งจก กิ้งก่า หรือจระเข้ เกิดวิวัฒนา การเป็นไดโนเสาร์ โครงสร้างของกระดูกสะโพกที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนทำให้พวกมันสามารถยืน อยู่บนขาที่เหยียดตรงได้ ไดโนเสาร์บางชนิดเป็นสัตว์สองเท้าและได้วิวัฒนาการเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดแรกซึ่งเป็นสัตว์กินแมลงลักษณะคล้ายหนูเมื่อประมาณ 210 ล้านปีก่อน |
45 |
4500 |
100 |
ประมาณ 140 ล้านปีก่อน นกชนิดแรกชื่อว่า Archaeopteryx เกิดวิวัฒนาการมาจากไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดมีขน ตามมาด้วยกำเนิดของพืชดอกชนิดแรกชื่อ Archaefructus (มีรังไข่แต่ไม่มีดอก) เมื่อ 130ล้านปีก่อน และหลังจากนั้นไม่นานก็มีพืชสายพันธุ์เดียวกับ magnolia เกิดขึ้นซึ่งพบเป็นซากดึกดำบรรพ์ดอกไม้ที่เก่าแก่ที่สุด |
8 เดือนก่อน |
4535 |
65 |
เกิด การสูญครั้งใหญ่ของมวลสิ่งมีชีวิตประมาณ 65-70%ของทั้งหมด ได้แก่ แอมโมไนต์ เบลเลมไนท์ สัตว์เลื้อยคลานที่บินได้และไดโนเสาร์ (พวกนกซึ่งอยู่ปลายสุดของสายวิวัฒนาการของไดโนเสาร์มีชีวิตรอดมาได้) |
7 เดือนก่อน |
4550 |
50-60 |
วิวัฒนาการและการแตกสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นไป อย่างรวดเร็วหลังจากการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ โดยเฉพาะในสมัยอีโอซีน (ประมาณ 40-55 ล้านปีก่อน) พวกมันครอบครองอาณาเขตทั้งบนบก ในน้ำและอากาศ |
4 เดือนก่อน |
4565 |
35 |
ไพรเมตชนิดแรกที่มีสายพันธุ์เดียวกับตัวลีเมอร์เกิดขึ้นปลาย ยุคครีเตเชียสก่อนการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เล็กน้อย พวกลิงมีกำเนิดเมื่อ 35ล้านปีก่อน แล้ววิวัฒนาการอย่างรวดเร็วเป็น dryopithecine เมื่อ 25 ล้านปีก่อน ตามด้วยเอปหรือลิงไม่มีหางเมื่อ 17 ล้านปีก่อน |
2 เดือนก่อน |
4585 |
15 |
ทุ่ง หญ้าปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างช่วงเวลาอันยาวนานที่อากาศค่อยๆเย็นตัวลง พืชดอกชนิดนี้ถือว่ามีความสำคัญกับมนุษย์มากที่สุดเพราะเป็นแหล่งอาหารอัน ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด และข้าว เป็นต้น สัตว์จำนวนมากอาศัยประโยชน์จากทุ่งหญ้า โดยเฉพาะพวกที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน |
ประมาณ 3 อาทิตย์ก่อน |
เกือบ 4600 |
5-6 |
เกิด hominid (สิ่งมีชีวิตที่เหมือนแต่ไมใช่มนุษย์) สกุล Australopithecus ซึ่งเชื่อว่ามีหลากหลายสปีชีส์ ล่าสุดค้นพบกะโหลกศีรษะอายุ 7 ล้านปีที่ถูกสัญนิษฐานว่าเป็นของ hominid ชนิดแรกแต่บางคนเชื่อว่าน่าจะเป็นกระดูกของเอปมากกว่า Australopithecus afarensis (Lucy) วิวัฒนาการขึ้นเมื่อ 5 ล้านปีก่อน และ Australopithecus boisei (Nutcraker Man) สปีชีส์สุดท้ายมีชีวิตอยู่ในช่วง 2.3-1.4 ล้านปีก่อน |
ประมาณ 7-8 วันก่อน |
|
2-2.5 |
เกิดวิวัฒนาการของมนุษย์ชนิดแรก Homo habilis ในแอฟริกา ซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งที่ห่อหุ้มสมองบ่งบอกว่าส่วนกลางที่ควบคุมการพูดหรือ ออกเสียงเพิ่งจะเริ่มพัฒนาขึ้น |
6-7 วันก่อน |
|
2-1.6 |
Homo erectus วิวัฒนาการขึ้น ประมาณ 1.6 ล้านปีก่อนในแอฟริกา ประกอบด้วย 2 สปีชีส์คือ H. ergaster และ H. erectus ถือว่าเป็นมนุษย์สปีชีส์แรกที่มีการย้ายถิ่นไปยุโรปและเอเชีย |
5 วัน ก่อนจนกระทั่ง คืนสุดท้าย |
|
1.3 |
จุดเริ่มต้นของยุคน้ำแข็ง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่อากาศมีความแปรปรวนอย่างมาก บางครั้งเกาะอังกฤษถูกปกคลุมด้วยพืดน้ำแข็งหนาร่วม 1 กิโลเมตร บางครั้งเกิดทุนดรา และบางครั้งมีอากาศอบอุ่นยิ่งกว่าในปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่นจะพบสิงโต ฮิปโป และแร็ดอยู่บนเกาะอังกฤษ แต่เมื่อเป็นที่ราบทุนดราสิ่งมีชีวิตกลับเป็น ช้างแมมมอธ หมาป่า และกวางเอ็ลคขนาดใหญ่ ยุคน้ำแข็งบนเกาะนี้สิ้นสุดเมื่อประมาณ 10000 ปีก่อน |
2 วันก่อน |
|
0.5 |
เกิดHomo heidelbergensis หรือ 'Heidelberg Man' หรือในเกาะอังกฤษรู้จักในชื่อ 'Swanscombe Man' และ 'Boxgrove Man' ซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดอายุ 500000 ปี |
อายุสมมุติ (ปี) |
อายุของ โลก(ล้านปี) |
ระยะเวลาก่อนถึงปัจจุบัน (ปี) |
เหตุการณ์สำคัญ |
|
46 |
13ชั่วโมงก่อน |
4600 |
150000 |
Homo neanderthalensis วิวัฒนาการ ขึ้น (คาดว่ามาจาก Homo heidelbergensis) และแพร่กระจายทั่วยุโรประหว่างยุคน้ำแข็ง พบซากดึกดำบรรพ์ส่วนมากที่ประเทศแถบเมดิเตอเรเนียน และบางพื้นที่ในเยอรมันและอังกฤษ |
12 ชั่วโมงก่อน |
130000 |
มนุษย์ปัจจุบัน (Homo sapiens) วิวัฒนาการขึ้นในแอฟริกาคาดว่าจากสายพันธุ์ของ Rhodesia Man หรือ Homo rhodesiensis อย่างไรก็ตามวิวัฒนาการของ Homo นั้นมีหลายทฤษฎีพยายามอธิบายและยังเป็นที่โต้แย้งกันอยู่ และแนวคิดที่ว่าเรามีวิวัฒนาการมาจาก Homo neanderthalensis นั้นถือว่ามีข้อบกพร่องอยู่มาก |
||
3.5 ชั่วโมง ก่อน |
35000 |
มนุษย์ละทิ้งแอฟริกาแล้วมาอาศัยอยู่ทั่วยุโรปและเอเชีย เมื่อ 35000 ปีก่อน และมนุษย์ Neanderthal สูญพันธุ์ไปใน 5000 ปีต่อมา |
||
1 ชั่วโมงก่อน |
11000 |
มนุษย์เริ่มทำเกษตรกรรม |
||
1 นาทีก่อน |
250 |
เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม ในช่วงเวลา 60 วินาทีสุดท้ายนี้เราทำให้เกิดมลภาวะ ขยะกัมมันตรังสี รูในชั้นโอโซน ฝนกรด การสูญพันธุ์จำนวนมาก และอื่นๆ |
||
อนาคต |
4600-9000 |
4600 ปีต่อไป |
สิ่ง ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้น ใครจะสามารถทำนายได้ ในเมื่อโลกเปลี่ยน แปลงไปอย่างมากในช่วง 4600 ล้านปีที่ผ่านมา ในเบื้องต้นเราอาจจะนึกถึงการเพิ่มขึ้นของมลภาวะหรือการสูญพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศ ภาวะโลกร้อนที่นำไปสู่การเอ่อล้นของน้ำทะเลเข้าท้วมภาคพื้นทวีป ต่อจากนั้นเล่า การสูญสิ้นของมวลมนุษยชาติ ล่ะหรือ แล้วอะไรที่จะวิวัฒนาการขึ้นเพื่อครองโลกต่อจากเรา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังต้องรอให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ก่อนจึงเริ่มมี วิวัฒนาการแบบก้าวกระโดด แล้วอะไรที่กำลังรอให้เราสูญพันธุ์อยู่ อาจจะเป็นโอกาสของพวกแมลง หรือสิ่งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ในระยะยาว อาจเกิดการจะระบบใหม่ของแผ่นทวีปต่างๆ โลกในภาวะเรือนกระจก และยุคน้ำแข็ง ท้ายที่สุดดวงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นดาวยักษ์สีแดง เกิดซุปเปอร์โนวาทำลายล้างดาวเคราะห์ทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างจึงจบสิ้นสูญสลายไป |
อ้าง อิง: http://www.bgs.ac.uk/scripts/downloads/start.cfm?id=312
ข้อมูล เพิ่มเติม
http://www.ucmp.berkeley.edu/help/timeform.html
http://www.ucmp.berkeley.edu/exhibits/geologictime.php
http://www.bgs.ac.uk/Education/britstrat/timecharts/phaner.html
โหลด แผนภาพประกอบ
http://www.chronos.org/downloads/timetowerparis_highres.png
http://www.emc.maricopa.edu/faculty/farabee/BIOBK/geotime_usgs.gif
http://www.geo.ucalgary.ca/~macrae/timescale/time_scale.gif
ซ้ำขออภัยค่ะ