นางแก้วคู่พระบารมีพระเจ้าจักรพรรดิ
นางแก้วคู่พระบารมีพระเจ้าจักรพรรดิ
นางแก้ว
ตามคัมภีร์เก่าของอินเดียประเทศ กล่าวว่าพระราชาพระองค์ใดก็ตาม ถ้าได้ทรงมีแก้ว ๗ ประการแล้ว จึงจะทรงสามารถขึ้นเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้ แก้ว ๗ ประการนั้นคือ
๑. นางแก้ว คือ พระมเหสีที่ดีเลิศ
๒. ขุนพลแก้ว คือ แม่ทัพที่ดีเลิศ
๓. ขุนคลังแก้ว คือ เสนาบดีคลังที่ดีเลิศ
๔. จักรแก้ว คือ ราชศาสตราวุธที่ดีเลิศ
๕. ศฤงคารแก้ว คือ ความสมบูรณ์ที่ดีเลิศ
๖. ม้าแก้ว คือ ม้าที่ดีเลิศ
๗. ช้างแก้ว คือ ช้างที่ดีเลิศ (อันเนื่องไปถึงช้างเผือก)
ในประเทศใดมีความสัมพันธ์ติดต่อถึงกัน ด้วยเป็นเพื่อนบ้านก็ดี เป็นมิตรกันก็ดี ย่อมจะต้องมีคติอันเห็นชอบและรับเอามาเป็นคติของตนตามสมควรด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าประเทศใดๆ ไทยเราเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเป็นมิตรกับประเทศอินเดียมาแต่ดึกดำบรรพ์ ทั้งในทางพราหมณ์และพุทธ จึงจำต้องมีคติธรรมหลายประการที่คล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตามเรารับคติแก้ว ๗ ประการที่กล่าวมาแล้วข้างบนนี้ ว่าเป็นสิ่งที่ควรเป็นจริงได้เช่นนั้นด้วยเหตุและผล ในที่นี้เราจึงกล่าวถึงแต่คำว่า นางแก้ว คือ พระมเหสีที่ดีเลิศ
โดยถูกต้องตามคติธรรมของแก้ว ๗ ประการ ถ้าเราพยายามพิเคราะห์เหตุและผลว่าทอย่างไร จึงจะเรียกว่านางแก้วได้แล้ว ก็น่าจะยกหลักในทางพุทธศาสนาขึ้นเป็นบรรทัดฐานว่าภรรยาดี ๔ สถานนั้นถ้านับตามทางโลก ก็คือ
๑. ภรรยาผู้เป็นแม่ได้ (หมายถึงในเวลาเจ็บไข้)
๒. ภรรยาผู้เป็นน้องได้ (หมายว่าเพื่อนสุขและทุกข์ได้)
๓. ภรรยาผู้เป็นเมียได้ (หมายว่าในทางสืบพันธุ์)
๔. ภรรยาผู้เป็นบ่าวได้ (หมายว่าปฏิบัติรับใช้)
ทั้งนี้ เป็นเพราะปุถุชนย่อมมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตามธรรมดา ไม่มีผู้ใดปรารถนาจะอยู่แต่ชนิดหนึ่งใดใน ๔ ประเภทนี้โดยเฉพาะตลอดกาล ฉะนั้นหญิงใดที่มีครบทั้ง ๔ ประการในตัวคนเดียวแล้ว จึงควรเรียกว่า นางแก้ว
โดยนางแก้วนั้นชาติที่เด่นๆที่สุดนอกจากชาติที่มาสร้าง
มหาบารมีพิเศษร่วมกับพระโพธิสัตว์คู่บารมีแล้ว
ชาติที่สำคัญๆที่ขาดนางแก้วไม่ได้คือชาติที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ
เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ(พระบรมกษัตริย์ซึ่งเกิดขึ้นในบางยุคเพื่อ
ปกครองโลกทั้งใบให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข)และพระเจ้าจักรพรรดิจะมีของวิเศษอยู่ 7 ประการ
ซึ่งหนึงในนั้นคือนางแก้ว(อัครมเหสีนั้นเอง)ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างพระเจ้าจักรพรรดิในการสร้างพระบารมี
(สำหรับพระโพธิสัตว์แล้วชาติที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดินับว่าเป็นการสร้างบารมีได้
ยิ่งใหญ่และมากที่สุดชาติหนึงกำลังจักรพรรดิจึงมากและน้อมนำมา
เป็นบารมีของพระพุทธเจ้าด้วยจึงมีพระพุทธเจ้าปาง
ทรงเครื่องจักรพรรดินั้นเองซึ่งมีกำลังสูงมากครอบจักรวาล)
ดวงแก้วมณีของนางแก้วมีสามระดับ ระดับที่มีฤทธินุภาพสูงสุด คือ "มณีเจ็ดแสง"
นางแก้วคู่บารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ
จะบำเพ็ญ "พรหมจรรย์" ยิ่งยวดจน
ก่อเกิดบารมีได้อาวุธทิพย์เป็นดวงมณี
ซึ่งมีสามระดับ ที่มีฤทธานุภาพต่างกัน
ดังจะกล่าวนี้
ดวงแก้วมณีทั้งสามประเภท
๑) ดวงแก้วมณีทั่วไป
ดวงแก้วมณีทั่วไป จะมี "หนึ่งสี" ขึ้นอยู่กับการบำเพ็ญนั้นๆ
เช่น ดวงแก้วสีแดง เป็นธาตุไฟ มีฤทธิ์มาก ดวงแก้วสีทอง
เป็นธาตุทอง มีคุณธรรมสูง ดวงแก้วสีขาว มีตบะสุขสงบ
มาก เป็นต้น ดวงแก้วมณีเหล่านี้ เกิดจากการบำเพ็ญพลัง
จิต, ปราณ ประสานเป็นดวงแก้ว ด้วยผลของเนกขัมบารมี
๒) ดวงแก้วมณีวัชระ
เป็นดวงแก้วที่พิเศษ เป็นวัชรธาตุ เหมือนเพชร มีประกาย ๗ สี
เหมือนดวงมณีของนางมณีเมขลา เปี่ยมด้วยปัญญาและความ
สามารถต่างๆ มากมาย พลิกแพลงได้สารพัน แต่ไม่มีด้ามถือจึง
หลุดมือง่าย (เสียดวงแก้ว ถูกชิงดวงแก้วได้ง่าย) จึงมักแต่งงาน
ออกเรือนในท้ายที่สุดของการบำเพ็ญพรหมจรรย์
๓) ดวงแก้วมณีเจ็ดแสง
เป็นดวงแก้วมณีเหมือนดวงแก้วมณีวัชระ เป็นธาตุเพชร
มีแสงประกายรุ้งเจ็ดสี ทว่า ต่างกันตรงที่ "มีด้ามถือ" อยู่
บ้างเรียกว่า "วัชรคทา" หรือ "คทาหัวเพชร" ก็มี (เรียก
โดยดูภาพรวม แต่ถ้าดูแต่ดวงแก้วมณีที่หัวคทา ก็เรียกแค่
มณีเจ็ดแสง ก็ได้) ซึ่งคนไทยบันทึกไว้ในตำนานโบราณ
หรือในภาพ "ท้าวมหาพรหม ชินปัญจระ" ก็ปรากฏให้เห็น
(คทาที่ท่านถืออยู่นั้น ก็คือ "วัชรคทา หรือ มณีเจ็ดแสง")
บำเพ็ญบารมีได้ด้วยการรักษาพรหมจรรย์ยิ่งชีวิต คือ ยอม
ตายดีกว่ายอมเสียพรหมจรรย์ (เช่น พระอรหันต์ชินปัญจระ
ได้กระทำมาแล้ว)
อาวุธคู่ปรับของ "มณีเจ็ดแสง" คือ "ดาบเจ็ดสี"
ผู้บำเพ็ญบารมี "ชายหญิง" คู่หนึ่ง จะบำเพ็ญบารมีหยินหยางกัน
ก่อเกิด "ดาบเจ็ดสี" (ฝ่ายชาย) และ "มณีเจ็ดแสง" (ฝ่ายหญิง)
โดยฝ่ายชายจะรักสันโดษ, รักอิสระ, เร่ร่อนไปอย่างโดดเดี่ยวและ
"ไม่ยอมแต่งงาน" แต่กลับตัดกามไม่ได้ จึงยังเสพกามอยู่ คือ ได้
แล้วละทิ้งจากไป พรากพรหมจรรย์หญิงอื่นไปเรื่อยๆ ทำลายดวง
แก้วมณีของนางแก้วอื่นไปเรื่อยๆ จนถึงที่สุด จะพบกับ "มณีเจ็ดแสง"
ซึ่ง ไม่อาจถูกทำลายได้ด้วยดาบเจ็ดสี ฝ่ายชายจะไม่อาจพรากเอา
พรหมจรรย์ของหญิงนั้นได้ จะพ่ายแพ้ด้วยรัก และยอม "วางดาบ"
สยบลง (ด้วยกำลังเนกขัมบารมีของฝ่ายชายด้อยกว่าฝ่ายหญิงนั้น)
เขียนฝากไว้ให้สำหรับผู้บำเพ็ญบารมีเป็นนางแก้วทั้งหลาย...
สังเกตุคทาที่ท่านท้าวฯ ทรงถืออยู่ ที่หัวคทาจะ
มีแสงสว่างออกมา ซึ่งเป็นแสงสว่างจากดวงมณี
เจ็ดแสง นั่นเอง (ขนาดเล็กมาก ภาพไม่ได้แสดง)
จาก board.palungjit.com/f2/ดวงแก้วมณีของนางแก้วมีสามระดับ-ระดับที่มีฤทธินุภาพสูงสุด-คือ-มณีเจ็ดแสง-290372.htmlhttp://board.palungjit.com/f2/%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%87-290372.html
และ board.palungjit.com/f3/นางแก้วคู่บารมีพระโพธิสัตว์-166772.html
คุณอยากได้อะไร!