เบื่องหลังองค์กรแสงอุษา
ประวัติ โทบิ หรือ อุจิวะ มาดาระ
& รูปภาพ โทบิ
นับตั้งแต่โทบิปรากฏตัวครั้งแรก ก็มีการคาดเดาว่าเค้าคนนี้คือคนในตระกูลอุจิวะ และในที่สุดความจริงก็ได้เปิดเผยแล้วว่าโทบิเป็นอุจิวะจริงๆ
เพียงโทบิเป็นใครในตระกูลอุจิวะ เท่านั้น
-เป็น อุจิวะ โอบิโตะ คนที่ให้เนตรวงแหวนกับ ฮาตาเกะคาคาชิ เพราะ TOBI = T_OBITO_BI
-เป็น อุจิวะ มาดาระ ผู้น่าหวาดหวั่นที่แม้แต่ จิ้งจอกเก้าหางยังรู้จัก เพราะ มีคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นออก อ่านว่ามาดาระ
-เป็น อุจิวะ คนอื่น ที่เหลือรอดจากฆาตรกรรมหมู่ เพราะ...
-เป็น อุจิวะ โอบิโตะ +มาดาระ ทั้งสองคน ที่รวมร่างกันแบบเดียวกับที่ คาบูโตะโดนโอโรจิมารุสิงสู่ เพราะ ขนาด คนอื่นยังมีหลายสิ่งมีชีวิตในตัวได้เลย ทำไมตระกูลอัจฉิริยะ ถึงจะมีมั่งไม่ได้
ก็คงต้องรอดูกันต่อไป
เข้ามาเป็นคู่หูกับเดอิดาระแทนซาโซริ และในตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเค้าคือ...อุจิฮะ มาดาระ !!!...
(สามารถดูข้อมูลของมาดาระเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์โคะโนะฮะหน้าหลักนะค่ะ~ข้อมูลเพียบเลย ^O^
ตระกูล"ฮิวงะ"เป็นหนึ่งในตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดใน "โคโนะฮะ" ซึ่งอยู่มาตั้งแต่การก่อตั้งหมู่บ้าน หลายปีก่อนหน้านี้มี"สาวฮิวงะ"คนนึงได้ตกหลุมรักกับชาย นอกตระกูลคนนึง เธอตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเขาแม้ว่าจะถูกคัดค้านจากคนหลายคนและผู้ใหญ่ในตระกูลก็ตาม ชายคนที่สาวฮิวงะตกลงปลงใจด้วยนั้นไม่ใช่ผู้ชายที่เป็นคนปรกติ แท้จริงแล้วเขาไม่ใช่คนเลยด้วยซ้ำ เขามีนามว่า "โซโจโบ" กษัตริย์ของ"เท็นงู"อย่างไรก็ตาม เด็กสาวตระกูล"ฮิวงะ"ก็หลงรักกับ "โซโจโบ" ในร่างมนุษย์ โดยที่ไม่รู้ถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของเขา เธอแต่งงานกับเขาหลังจากที่เจอกันแค่ไม่นาน จากนั้นเพียง 1 หรือ 2 ปี เธอก็ตั้งครรภ์ และได้ให้กำเนิดบุตรชาย คนแรก "โซโจโบ"ตั้งชื่อให้บุตรชายคนนี้ว่า "อุจิวะ" "อุจิวะ มาดาระ" อุจิวะ ซึ่ง แปลว่า "พัด" และอย่างที่เรารู้กัน "พัด" นี้ต่อมาได้กลายเป็นเครื่องหมายประจำตระกูล ของตระกูลใหม่ที่มีนามว่า "อุจิวะ" ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี "อุจิวะ มาดาระ" ตอนนี้ได้เติบโตและกลายเป็นนินจาที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เขาไม่ได้รับอำนาจ"ขีดจำกัดทางสาย"เลือดจากแม่เท่านั้น แต่ด้วยสายเลือดของ"เท็นงู"ในตัวเค้า เนตรจาก"ฮิวงะ"ก็ได้ผสมผสานไปสู่เนตรอีกแบบที่น่ากลัวยิ่งกว่า" เนตรวงแหวน" "ขีดจำกัดสายเลือดใหม่"นี้ มี 2 ระดับ คือ "เนตรวงแหวนธรรมดา" และ "เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา"เช่นเดียวกับพ่อของเขา "มาดาระ"มีพลังและความสามารถที่ยิ่งใหญ่ เขาสามารถเข้าแทรกซึม เจาะไปในจิตใจของผู้อื่น หรือเคลื่อนย้ายตัวเองข้ามระยะทางสั้นๆ เมื่อเค้าเบิก"เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา"[เขามีเนตรวงแหวนตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เหมือนพี่น้อง"ฮิวงะ"ของเขา] ดวงตาของเค้าจะเพิ่มพลังให้เขาอีกมาก และทำให้ร่างกายของเค้าเปลี่ยนแปลงจนใกล้เคียงรูปร่างของเท็นงู เขามี คาถา 3 อย่างคือ[1.] Tsukiyomi ซึคิโยมิ [ควบคุมจิตใจของคน และบงการพวกเค้า] [2.]Amaterasu อมาเทราซึ [เคลื่อนย้ายวัตถุไปสู่มิติอื่น]และ[3.]ซูซาโนโอะ [สร้างพายุเหมือนที่สร้างจากพัดของเท็นงู]เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา "อามาเทราซึ "เคลื่อนย้ายบางสิ่งไปสู่อีกมิตินึง โดยการบิดเบือนมิติเวลา โดยจะทิ้งเปลวเพลิงสีที่จะเผาไหม้อยู่ 7วัน 7 คืน เพื่อทำลายบริเวณรอบๆ [ตอนที่อิทาจิเผาพุงกบ จิไรยะ] และการที่"คาคาชิ"ใช้ตา"ซ้าย"เพื่อร่ายคาถาเนตรและ"อามาเทราซึ"นั้น ในตำนานญี่ปุ่น เกิดจากตาซ้ายของ "Inazagi อินาซากิ" [และ คาคาชิได้ตาซ้ายมาจาก "โอบิโตะ"[คนสายเลือด"อุจิวะ"]ดังที่กล่าวไว้ตอนต้น] เหตุผลที่คาถาเนตรของ"คาคาชิ"ไม่ทำให้เกิดเปลวไฟ"สีดำ" เพราะว่าเขาไม่ใช่คน
"อุจิวะ" [ไม่ได้มีสายเลือดของ"อุจิวะ"] และไม่มีพลังของ"จิ้งจอกเก้าหาง"ที่ต้องการเพื่อจะใช้ร่ายมัน
จากความกล้าหาญและพลังอำนาจที่ไม่เที่ยบเคียงใคร "มาดาระ"กลายเป็นวีรบุรุษในสายตาของผู้คน แม้ว่าความจริงแล้วในเวลานั้นเค้าเป็นเพียงแรักนะรุ่นเท่านั้น เค้ากลายมาเป็น"เพื่อนสนิทของรุ่นที่ 1" และพวกเขาก็ยังรับความรับผิดชอบในการปกป้องคุ้มครองหมู่บ้าน "มาดาระ"ได้ก่อตั้งกองกำลัง"ตำรวจ"หน่วยแรกขึ้นในโคโนฮะ และสาบานที่จะปกป้องคนของเขาด้วยชีวิตของเขาเอง แต่แล้วสิ่งดีๆก็เกิดขึ้นอยุ่ได้ไม่นาน เมื่อ"มาดาระ"ใกล้ที่จะ"บรรลุนิติภาวะ" "โซโจโบ"ก็ได้เริ่มเปิดเผยความต้องการที่แท้จริงของเขา "โซโจโบ" [พ่อของมาดาระ]ไม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงจากตระกุล"ฮิวงะ"เพราะความรัก เขาเพียงแต่มองหาร่างกายที่สมบูรณ์เท่านั้น ภาชนะบรรจุ [อาจจะเพื่อบรรลุพลังอำนาจที่มากขึ้น] [ผมคิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นต้นตอของวิชาที่ "โอโรจิมารุ"ใช้หาร่างเปลี่ยนถ่ายไปเรื่อยๆเพื่อพลังอำนาจนั่นแหละ ครับ]และ"โซโจโบ"ก็คิดได้ว่า ทางที่ดีที่สุดคือการสร้างภาชนะใหม่ขึ้นมาโดยใช้สายเลือดของเขาเอง เขาวางแผนที่จะเข้ายึดเอาร่างกายของ"มาดาระ"เมื่อมาดาระนั้น"บรรลุนิติภาวะ"แล้วมันใช้เวลาไม่นานนักที่ "อุจิวะ มาดาระ "จะค้นพบเกี่ยวกับความจริงที่น่าตื่นตระหนกนี้ เขาตกใจและโกรธมาก เขารู้สึกว่าเขานั้นถูกหลอกใช้แต่เขาก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นง่ายๆ อย่างน้อยๆก็ต้องต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง แต่"มาดาระ"นั้นรู้ดีว่าไม่ว่าเขานั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ไม่มีโอกาสเลยที่จะชนะ "The King of Tengu" กษัตริย์ของเท็นงู[โซโจโบ] ด้วยความสิ้นหวัง เขาก็เริ่มค้นหา 9 หางในตำนานนั้นก็คือ"จิ้งจอกเก้าหาง" [เจ้าแห่งเปลวเพลิง] และเมื่อ"มาดาระ"ได้พมกับ"จิ้งจอกเก้าหาง""จิ้งจอกเก้าหาง"ประทับใจในความสามารถของ"มาดาระ"มากๆ จึงมีข้อตกลงลับๆเกิดขึ้น "จิ้งจอกเก้าหาง"ได้ตกลงที่จะให้"มาดาระ"ยืมพลังและจักระ ของมัน [ในข้อความหลังๆจากนี้ มีการให้ข้อความที่น่าสนใจว่า การที่"จิ้งจอกเก้าหาง"บุก"โคโนฮะ" อาจมาจากการที่"มาดาระ"ไม่สามารถทำตามที่ได้ให้สัญญาไว้กับ"จิ้งจอกเก้าหางเก้า"ได้ หลังจากที่"มาดาระ"สำเร็จการฝึก"คาถาไฟ"เสร็จ และทำได้แม้กระทั่งการสร้างเปลวไฟ"สีดำ"ที่สามารถเผาไหม้เป็นเวลา 7 วัน 7 คืนหลังจากการใช้"อามาเทราซึ" แต่ถึงแม้เขาจะได้รับพลังใหม่และจักระมหาศาลจาก"จิ้งจอกเก้าหาง"นี้ "อุจิวะ มาดาระ" ก็ทำได้เพียงชนะพ่อปีศาจของเค้า[โซโจโบ]อย่างเฉียดฉิวเท่านั้น เขาไม่สามารถจัดการ "โซโจโบ" ได้อย่างเด็ดขาด และก็ทำได้เพียงทำการปิดผนึกพ่อของเค้า[โซโจโบ]เอาไว้ อย่างไรก็ตาม ผนึกที่เค้าใช้นั้นเป็นผนึกที่มีความพิเศษอยู่อย่าง คือ เพื่อที่จะทำลายผนึกอันนี้ มันจะใช้จักระของ"จิ้งจอกเก้าหาง" และไม่เพียงและต้องใช้คนจากตระกุล"อุจิวะ"ผู้ซึ่งสามารถใช้เนตร"กระจกเงาหมื่นบุปผา"ถึง *3* คน แต่ละคนนั้นต้องร่ายเนตร"กระจกเงาหมื่นบุปผา"แต่ละแบบในเวลาเดียวกัน["กระจกเงาหมื่นบุปผา"มี 3 แบบ คือ "ซึคิโยมิ""อามาเทราซึ" และ"ซุซาโนโอะ"] และนี่เป็นสาเหตุที่"อิทาจิ"นั้นมาตาล่า "นารุโตะ"เอง เพื่อที่จะได้จักระของ"จิ้งจอกเก้าหาง" เมื่อร่ายคาถา"ซึคิโยมิ" "อามาเทราซึ" และ"ซุซาโนโอะ" พร้อมกัน "โซโจโบ"ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะได้รับการปลดปล่อย มันเป็นเงื่อนไขที่ยากและ"มาดาระ"ก็คิดว่ามันเพียงพอแล้วที่จะปิดผนึก"โซโจโบ"ไปตลอดกาล แต่"มาดาระ"ไม่รู้เลยว่าเจ้าผนึกตัวนี้เองที่จะนำโศกนาฎกรรมฆ่าล้างนองเลือดมาสู่ตระกุล
ส่วนนี้ผมจะบอกความสัมพันธ์ของ"โอคาเงะรุ่นที่ 1"และ" มาดาระ"หลังจากนั้นไม่นาน "โอคาเงะรุ่นที่ 1" ก็ค้นพบข้อตกลงระหว่าง "มาดาระ"กับ"จิ้งจอกเก้าหาง"ซึ่งทำให้เขาโกรธมาก "โอคาเงะรุ่นที่1" เข้าใจผิดนึกว่า"มาดาระ"โหยหาและบ้าพลังถึงขนาดหันไปหา พลังจาก"จิ้งจอกเก้าหาง" แต่"มาดาระ"ก็ไม่ได้อธิบายความจริงที่เกิดขึ้นเพราะว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าแท้จริงแล้ว เขาเป็น "ครึ่งคนครึ่งอีกา" และเขาก็ยังมีภารกิจที่จะชนะพ่อของเขาคือ "โซโจโบ"และ"มาดาระ" สู้กับ "โอคาเงะรุ่นที่ 1" ก่อนไปหา"จิ้งจอกหาง" "โอคาเงะรุ่นที่ 1"พยายามหยุด "มาดาระ"แล้วแต่ไม่สำเร็จ ซึ่งก็จะอธิบายได้ว่า"ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย"ที่ "นารูโตะ"พยายามหยุด"ซาซึเกะ"ไม่ให้ไปเอาพลังจาก "โอโรจิมารุ" และความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่าง"เพื่อน 2คน"ที่ทำให้การต่อสู้เกิดขึ้นที่ "Valley Of end หุบเขาแห่งความตาย" [บางคนอาจจะสงสัยว่า "มาดาระ" เก่งขนาดนั้นแล้วถ้าเกิดว่า "มาดาระ"ได้พลังของ"จิ้งจอกเก้าหาง"มา แล้วทำไม "โอคาเงะรุ่นที่ 1" ถึงสู้"มาดาระ"ไหว *อย่าลืมว่า* "โอคาเงะรุ่นที่ 1" มีคาถาที่จะคุมพลังของ"จิ้งจอกหาง"ได้ ซึ่งเราได้เห็นตอนที่ "ยามาโตะ"หลานของ"โอคาเงะรุ่นที่ 1" ใช้มาแล้ว "คาถาน้ำ" และ"คาถาความมืด"ของ"โอคาเงะรุ่นที่ 1" ก็เป็นการโต้กลับของ "คาถาไฟ"และ"เนตรวงแหวน"ของ "มาดาระ"ได้
กลับมาที่เรื่องเดิม เวลาผ่านไปหลังจากที่"โซโจโบ"ถูกผนึกไว้ สายเลือด"เท็นงู"ใน"อุจิวะ" ก็ไม่ได้เข้มข้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สายเลือดค่อยๆจางลงไปเรื่อยๆจากการแต่งงานกับคนที่ไม่ใช่"อุจิวะ"เป็นรุ่นต่อๆมา ตอนนี้แม้แต่"เนตรวงแหวนธรรมดา"ก็มีได้เพียงคน"พิเศษ"ไม่กี่คนใน"อุจิวะ"เท่านั้น สำหรับ"เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา"ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ แต่เรื่องราวดำมืดของตระกุลนั้นก็ไม่มีอะไรไปกว่าการถูกลืมเลือน แท่นบูชา"เท็นงู"ถูกสร้างขึ้นภายใต้"วัดนากาโนะ"โดยกลุ่มคนบางคนในตระกุล"อุจิวะ" รุ่นแรกๆที่ต้องการจะเก็บความลับของตระกูลเอาไว ้ [รวมไปถึงการฆ่าคนที่เรารัก ที่เป็นวิธีการเบิก"เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา"ซึ่งถูกค้นพบโดย"อุจิวะ"รุ่นต่อๆมา]เมื่อสมาชิกของ"อุจิวะ"คนใดคนนึงมีความน่าเชื่อถือมากเพียงพอ เขาก็รับได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับสถานที่นัดพบลับแห่งนี้และหลังจากนั้นมันก็จะมาเป็นภาระหน้าที่ชั่วชีวิตของเขา ที่จะปกป้องความลับนี้จากคนภายนอก เหล่า"อุจิวะ"ถือว่าเรื่องราวประวัติดำมืดนี้จะทำให้สูญเสียชื่อเสียงอย่างมาก และพวกเขาสาบานว่าจะปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตระกูลของพวกเขาไว้ด้วยชีวิตของพวกเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
อีก 20 ปีต่อมา มีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นในตระกูล "อุจิวะ" และไม่นานเขาก็ได้พิสูจน์ตนเองว่าเขาเป็นคนที่"พิเศษ"มากกว่าคนอื่นแม้กระทั่งเทียบกับมาตรฐานระดับสูงของยอดฝีมือแห่ง "อุจิวะ" ด้วยกันเอง *เขาจบโรงเรียนนินจาเมื่ออายุ 7 ขวบ *ใช้เนตรวงแหวนอย่างคล่องแคล่ว ตอนอายุ 8 ขวบ *เป็นจูนินตอน 10 ขวบ และ*เข้าหน่วยลับ ANBU ตอนอายุ 13 ชื่อของคนๆนั้นคือ "อุจิวะ อิทาจิ" เมื่อ "อิทาจิ"ถูกเลือกเข้าไปใน "หน่วยลับ ANBU" พ่อของเขา"ฟูกาคุ"ก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะบอก"อิทาจิ"เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง "อิทาจิ"ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ"เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา"และต้นกำเนิดของตระกูลจากพ่อของเค้า ลึกลงไปในจิดใจของเค้า บางสิ่งที่ชั่วร้ายก็ได้ก่อตัวขึ้น
คืนนึงในเวลาที่ผู้ชายของ"อุจิวะ"ทุกคนถูกนัดหมายไปนัดพบกันในที่ลับ มี"อุจิวะ"2คนที่ไม่ได้ไป "อิทาจิ"ล่อเพื่อนสนิทของเขา "ชิซุย"ไปที่แม่น้ำ "นากาโนะ" และก็เริ่มแผนการที่ชั่วร้ายของเขา เขาฆ่า"ชิซุย"ในคืนนั้นและก็ได้พลังเนตรอันชั่วร้ายต้องสาป "เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผา" วันต่อมาตอนที่ผู้คนพบร่างของ "อุจิวะ ชิซุย" พวกเขาก็เจอ"จดหมาย"ลาตายในมือของเขา แต่แน่นอน"จดหมาย"นี้ไม่ได้ถูกเขียนโดย"ชิซุย" "อิทาจิ"ปลอมลายมือด้วย"เนตรวงแหวน"และทำให้ดูเหมือนว่า "ชิซุย"ฆ่าตัวตาย สิ่งที่ถูกเขียนในแผ่นกระดาษนั้น สำคัญตรงที่มันบอกถึงความคิดที่อยู่ในตัวอิทาจิตอนนั้น อิทาจิเหนื่อยหน่ายกับกฏของตระกูลเหล่านี้ เขามองไม่เห็นอนาคตของตระกูล "อิทาจิ"ไม่เข้าใจว่าทำไมคนของตระกูลถึงอับอายเกี่ยวกับเรื่องราวของตระกูลในอดีต เขาไม่เข้าใจว่าทำไม คน"อุจิวะ"ไม่มองว่า พวกเขาพิเศษกว่าคนปรกติ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคน"อุจิวะ"ถึงตัดสินใจที่จะผนึกปิดกั้นพลังอันยิ่งใหญ่ไว้และไม่เอามันออกมาใช้ "อิทาจิ"หมดศรัทธาและความหวังกับตระกูล"อุจิวะ" หลังจากที่ "อิทาจิ"ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับต้นตอของตระกูล เขามีรู้สึกที่ดีใจในทางที่แปลก และรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น "อิทาจิ"รู้สึกว่าตัวเองพิเศษ แล้วต่อมาจิตวิปลาศและความคิดแปลกๆของเขาก็ทำให้เขายิ่งอาการหนักขึ้น "อิทาจิ"ต้องการที่จะปล่อย "เท็นงู[โซโจโบ]"ให้เป็นอิสระ เขาพร้อมที่จะเสียสละชีวิตตนเองเพื่อแลกกับพลังที่อาจจะแข็งแกร่งที่สุดที่โลกของนินจาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาตั้งใจที่จะยกร่างให้กับ "กษัตริย์ เท็นงู [โซโจโบ]"และไม่นาน "อิทาจิ"ก็เริ่มคิดแผนการที่จะเอาออกมาใช้ ตอนที่เขารู้ว่า "แสงอุษา"นั้นมีแผนการที่จะรวบรวมสัตว์หางทั้งหมด เขาก็ตัดสินใจที่จะไปร่วมด้วย เขาต้องการที่จะใช้ความช่วยเหลือของพวกเขาเพื่อเข้าหา จักระของ"จิ้งจอกเก้าหาง" แต่นั่นไม่ทั้งหมด "อิทาจิ"ยังต้องหาผู้ใช้เนตร"กระจกเงาหมื่นบุปผา"อีก *3*คน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มาเจอผู้ใช้เนตรคนที่ *2*[ยังไม่มีการเปิดเผยจาก"อิทาจิ"ว่าเป็นใคร]ที่ซึ่งยอมที่จะทำแผนการที่ว่านี่ และสุดท้ายเขาต้องการผู้ใช้เนตรคนที่*3* "อิทาจิ"รู้ว่าคนในตระกูลไม่มีทางที่จะฆ่าคนที่เขารักเพื่อเบิกเนตร"กระจกเงาหมื่นบุปผา"ได้แน่ๆ แต่ในที่สุด"อิทาจิ"ก็ได้ความคิดขึ้นมาว่า เขาสามารถใช้คนในตระกูลเพื่อบังคับให้น้องชายตัวเล็กของเขา เป็นผู้ใช้เนตรกระจกเงาหมื่นบุปผาคนที่*3*นั้นก็คือ "อุจิวะ ซาสึเกะ" ดังนั้นในคืนจันทร์เต็มดวงคืนนึง สายเลือดที่เก่าแก่ในตัว"อิทาจิ"ก็ตื่นขึ้นมาและเขาก็เสียสติ ไม่ได้มีความคิดเหมือนคนปรกติ "อิทาจิ"ฆ่าคนทั้งตระกูลรวมถึง"พ่อแม่"เขาด้วย และเขาก็รอให้"ซาสึเกะ"ผู้เป็นน้องชายกลับมาที่บ้าน เขาอยากให้"ซาสึเกะ"รู้ว่าเขาเป็นคนฆ่า "อิทาจิ"ใช้ "ซึคิโยมิ" อ่านจันทรากับ"ซาสึเกะ"เพื่อที่จะแน่ใจว่าภาพที่น่าสยดสยองขวัญผวานั้นจะติดอยู่ในหัวของ"ซาสึเกะ"ไปตลอดชีวิต เขาอยากให้"ซาสึเกะ"เกลียดเขาพอที่จะฆ่าเพื่อนของเขาเพื่อเบิกเนตร "กระจกเงาหมื่นบุปผา"[แต่บางคนอาจคิดว่า แล้ว"คาคาชิ"หละ เค้าก็มีเนตรเหมือนกันนี่ ผมขออธิบายตรงนี้ว่า ในส่วนของ"คาคาชิ"มีเฉพาะเนตร แต่ไม่ใช่คนในสายเลือด"อุจิวะ"อย่างแท้จริง จึงไม่สามารถทำพิธืคลายผนึกได้ครับ