อีดี้ อามิน(Idi Amin)ฮิตเลอร์แห่งแอฟริกาใต้(Uganda's Hitler)ภาคแรก
ผู้นำแห่งอูกานดา เชื้อสายชนเผ่า*แค็กวา*(Kakwa) หนึ่งในชนกลุ่มน้อยแห่งอูกานดา ไข่มุกแห่งแอฟริกา(The Pearl of Africa )
หนึ่งในจอมเผด็จการไปในทางที่ชั่วร้ายผู้ลือชื่ออีกคนหนึ่งของโลก ผู้มีลีลาและการสังหารมนุษย์ที่ไม่ต่างไปเลยกับปิศาจร้าย
แม้การเวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี ภาพการสังหารหมู่ผู้คน รวมถึงการบอกเล่าเหตุการณ์ยังคงสามารถเรียกรอยความแค้นและน้ำตา และความพยาบาทจากบรรดาญาติมิตรผู้สูญเสียไปเพราะเขาและเหล่าลูกทีม ซึ่งสรรหาวิธีการสังหารผู้คนได้อย่างสุดเหี้ยมเกรียมนัก
แม้กระทั่งการย่ำยีศพของภรรยาต่อหน้าบุตรสาวของเขาซึ่งเป็นมารดาของเธออย่างไร้มนุษยธรรม
และเขาคือ ผู้นับถือลัทธิและแนวคิดของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อย่างแท้จริงจนถึงขั้นประกาศ รับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นปรมาจารย์ของเขาที่เดียว
เขาคือ *อีดี้ อามิน* ฮิตเลอร์แห่งไข่มุกทวีปมืด อูกานดาหรืออีกหนึ่งฉายานั่นคือ "Butcher of Africa"
ภูมิหลังทรราชย์
อีดี้ อามิน ดาดา โอมี เกิดในระหว่าง ค.ศ.1923 เขาเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คน ในครอบครัวที่เรียบง่ายและไม่มีปัญหาภายในครอบครัวเลยซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ระหว่าง ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอูกานดา แต่ทว่า...เวลาผ่านไปไม่นานนัก ครอบครัวของเขาเริ่มแตกแยก บิดาของ อีดี้ ได้นำตัวของเขาไปยังบ้านเกิดในภาคใต้ของอูกานดา ซึ่งในช่วงนั้น อูกานดา ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
ไม่นานนัก บิดาของเขาก็ได้เปลี่ยนศาสนาของตนเองและอีดี้ ให้กลายเป็นนับถือมุสลิมจากเดิม และให้เขาเข้าโรงเรียนเพื่อฝึกฝนตนเองให้เรียนจบชั้นสูงสูงเสมือนพ่อแม่ของทุกคนที่ต้องการให้บุตรของตนเรียนสูงๆ แต่นั้นไม่ใช่เขา อีดี้ อามิน
เขาเป็นผู้หนึ่งที่ไม่มีมันสมองที่จะพอต่อสู้ด้านการเรียนกับผู้อื่น ไม่ช้านักก็ต้องออกจากโรงเรียนเพื่อไปเข้ารับราชการทหารตามที่ตนเองชอบยิ่ง
จนกระทั่งในปี 1946 เขาได้รับราชการกับ พันตรี โคโลเนล (colonial) แห่งกองทัพอังกฤษซึ่งประจำฐานอยู่ โดยพันตรีท่านนี้ต้องชะตาที่จะเจอกับ อีดี้ อามิน ในระหว่างที่เขาเดินตรวจฐานอยู่ ปรากฏชายหนุ่มซึ่งกำลังเข้าปะทะกันด้วยการชกมวย พันตรี โคโลเนลแห่งกองทัพอังกฤษซึ่งได้พิศมัยต่อคู่ชกคนหนึ่ง ศีรษะล้านเกรียนผิวดำคล้ำรูปร่างสูงใหญ่ถึง 6 ฟุตซึ่งทำร้ายคู่ต่อสู้จนสภาพเละเทะ แต่กระนั้นเลย เขายังซ้ำไปเรื่อยๆ แสดงถึงสันดานดิบของชายหนุ่มเลือดร้อนจน พันตรี โคโลเนล อดไม่ได้ที่จะชวนเขาเข้าในกองร้อยของ โคโลเนล
จนกระทั่งปี 1961 อี้ดี้ อามินได้รับการบรรจุด้วย ยศ lieutenant หรือ สิบโท ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ King African Rifles ของโคโลเนล จากการสนับสนุนในด้านการกีฬาเนื่องจากเขาเป็นแชมป์เปี้ยนโลกมวยรุ่น HeavyWeight และ การแข่งขันว่ายน้ำ จนพันตรี โคโลเนล อดที่จะเอ่ยชม อีดี้ อามินไม่ได้เลยว่า *เป็นไอ้ร่างยักษ์ที่จะสามารถอารักขาเจ้านายได้สักคน*
โดยที่พันตรี โคโลเนลมิอาจได้รับรู้เลยว่า เขาได้บ่มเพาะพันธุ์จอมเผด็จการผู้นำประเทศไปสู่ความโหดร้าย
ต่อมาในปี 1962 อังกฤษได้ถอนกำลังออกจากอูกานดา นั่นหมายถึงการได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรและในปีเดียวกันนี้ อูกานดาได้มีนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ นั่นคือ นาย มิลตัน โอโบต (Milton Obote) ซึ่งเป็นนักกฏหมายที่มีฝีมือฉกาจ และยังมีความรู้ด้านรัฐศาสตร์ดีเยี่ยม จึงแทบจะไม่มีข้อกังขาเลยว่า ทำไม มิลตัน โอโบต สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกเสียจากว่า นายกรัฐมนตรีท่านนี้ มาจากชนเผ่า แลนจี(Lanji Tribe) ซึ่งถือว่าเป็นชนเผ่าเล็กๆใน อูกานดา
ไม่แปลกเลยที่จะมีการต่อต้าน เพราะชนกลุ่มใหญ่ต่างๆไม่ให้การยอมรับในตัวนายกรัฐมนตรีจากชนเผ่าเล็กๆที่จะมามีอำนาจในการควบคุมประชากรทั้งประเทศกว่า 14 ล้านคนเศษ ทำให้เส้นทางในการดำเนินนโยบายไม่ราบรื่นนัก
กษัตริย์ เฟรดดี้ (Freddy King) แห่งบูกานดา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ มิลตัน โอโบต ต้องเลือกเขาเพื่อเสริมความเเข็งแกร่งในตำแหน่งของตน เนื่องจาก กษัตริย์ เฟรดดี้ เป็นผู้เรืองอำนาจแห่งเผ่าบูกานดาวึ่งเป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุด เป็นเหตุให้ นาย มิลตัน โอโบต จึงยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้แก่ กษัตริย์ เฟรดดี้ เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก เพื่อเป็นกันชนระหว่างชนกลุ่มน้อย-ใหญ่ที่มีต่อเขา และคอยเชิดกษัตริย์ เฟรดดี้ไว้ในเบื้องหลัง ในขณะเดียวกันกับที่เขาต้องการลดบารมีของกษัตริย์ เฟรดดี้โดยการให้เขาเล่นการเมือง
ทว่า...เหล่าผู้ทรงความรู้ของเผ่า บูกานดา หลายๆคนต่างเข้าใจในแผนการของ มิลตัน จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แกมต่อต้านจากเหล่า ผู้มีความรู้ของเผ่าบูกานดา ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่มิลตัน โอโบตไม่ต้องการเลย จนปี 1966 มิลตัน โอโบต จึงได้เลือกเฟ้นขุนทหารที่เข้มแข็งพอจะมาเสริมเขี้ยวเล็บเขาให้ได้ อีดี้ อามิน จึงได้ใบเบิกทางเพื่อเข้าสู่เส้นทางในการเมืองจาก มิลตัน โอโบตแล้ว จากนายสิบทหาร เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นทหารอารักขา
เริ่มงานแรกของอีดี้ อามิน ประสบความสำเร็จอย่างจะแจ้งนัก เมื่อเขาได้รับงานที่ถนัดจากมิลตัน นั่นคือ การทำลายขวัญและกำลังใจของชาวบูกานดาด้วยการยิงถล่มพระราชวังของกษัตริย์ เฟรดดี้ จนข้าราชบริพารชาวบูกานดา ขวัญหนีดีฝ่อ ด้วยปืนกลหนัก ขนาด 122 มม. ซึ่งใช้ติดตั้งรถถัง แต่ขนส่งมาด้วยรถจี๊บ
แม้ว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิตสักราย แต่นั่นคือการทำลายขวัญกำลังใจชาวบูกานดาอย่างบ้าเลือดที่สุด ขณะเดียวกับที่ กษัตริย์ เฟรดดี้นั้นถึงขนาดที่ต้องย้ายที่ประทับไปถึง สหราชอาณาจักร ด้วยเกรงว่าจะถูกลอบปลงพระชนม์จนต้องสิ้นพระชนม์ที่ประเทศอังกฤษนั่นเอง
ศัตรูทางการเมืองคนสำคัญของมิลตัน โอโบตถูกกำจัดไปแล้ว นั่คือผลงานชิ้นเอกของ นายสิบทหารรุ่นHeavyWeight องครักษ์ข้างกายของมิลตัน ที่มีลีลาในการข่มขู่ได้มุทะลุมากที่สุดคนหนึ่งของยุค
เป็นธรรมดาที่ใน 4 ปีช่วงหลังนี้ มิลตัน จะไม่มองใครสำคัญ อีดี้ อามิน เพราะ นายกรัฐมนตรีคนแรกของอูกานดาก็สามารถทำงานได้อย่างสะดวกและไม่มีใครมาขัดแย้งไประยะหนึ่ง เมื่อปราศจากการคุกคามของเผ่าบูกานดา
แต่ทว่า....มิลตันยังลืมสิ่งที่สำคัญไปหนึ่งเรื่อง แม้แต่กษัตริย์ เฟรดดี้ผู้ทรงบารมียังถูกข่มขู่จนต้องระเห็จออกจากตำแหน่งถึงขนาดนี้ มิลตัน โอโบต ยังลืมสิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือ *กรรม*ที่เขาจะได้รับซึ่งก็มาจากบุคคลที่เขาใช้ไปทำงานซึ่งมีแผนทำตนเป็นศิษย์คิดล้างครูซะแล้ว
การยึดอำนาจ
เดือนมกราคม 1971 มิลตัน โอโบต ต้องเดินทางไปยัต่างประเทศเพื่อร่วมงานชุมนุมประเทศในเคลือจักรภพอันเป็นเมืองขึ้นเก่าของอังกฤษ ในประเทศสิงห์โปร์ โดยที่ไม่มีใครทราบเลยว่า อีดี้ อามินวางแผนปลดนายกรัฐมนตรีคนแรก ซึ่งเป็นนายเหนือหัวของเขาอย่างหน้าตาเฉย โดยที่ไม่มีผู้ใดขัดขวาง เนื่องจาก อี้ดี้ อามินระดมกำลังบุกยึดส่วนสำคัญต่างๆ เช่นการสื่อสารมวลชน กระทรวงกลาโหมและต่างประเทศ พร้อมกับสถาปนาตนเองให้นานาชาติรู้ว่า อูกานดา เปลี่ยนผู้นำคนใหม่แล้ว
ปรากฏการณ์ครั้งนี้ทำให้ มิลตัน โอโบต อดีต นายกรัฐมนตรีต้องกล้ำกลืนฝืนทนแค้น เนื่องจากการกระทำของอีดี้ อามิน อดีตคนสนิทของเขาทำให้เขาต้องกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและอยู่ในสภาพที่ถฟูกเนรเทศโดยสมบูรณ์แบบ นั่นคือความเจ็บปวดที่ตราตรึงใจ มิลตัน โอโบต ตราบชั่วชีวิต
อีดี้ อามิน รับรู้ว่า แม้จะไม่มีผู้ใดขัดขวางเส้นทางการเมืองของเขา แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นนัก เพราะอาจมีการรัฐประหารเงียบเกิดขึ้นก็ได้ จึงเริ่มต้นการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับชนเผ่าบูกานดาว่า ตัวเขาเองนับถือกษัตริย์เฟรดดี้ที่ต้องเนรเทศตนเองไปต่างแดนจนสิ้นพระชนม์(ทั้งที่ตนเองขู่เขาแท้ๆเลยนะนี่) แม้วันที่นำพระศพของกษัตริย์เฟรดดี้กลับมายังยูกานดา เขาก็ให้ความสะดวกในการขนพระศพกลับมา เพื่อเรียกคะแนนความชื่นชมกับชาวบูกานดา
ไม่เพียงเท่านั้น อีดี้ อามิน ยังมีคำสั่งให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองของอุกานดา ที่เคยตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับอดีตนายกรัฐมนตรี มิลตัน โอโบต เป็นจำนวนมาก
ดังที่เห็นนี้คือฉากหน้าอันแสนสวยหรูของผู้นำผิลหมึก ร่างยักษ์ ที่จะแสดงให้นานาอารยะได้เห็นถึงความใจกว้างของเขา แต่แท้ที่จริงแล้ว ของขวัญเหล่านี้ที่เขาปรนปรือให้ผู้นำชาวบูกานดาและผู้นำเผ่าต่างๆนี้มีราคาที่แพงแสนแพงมาก เพื่อมัดใจให้พวกเขาเหล่าผู้นำเผ่าภักดีต่อตัวของอีดี้ อามินเอง และทั้งหมดก็เป็นการเริ่มต้นของแผนการอันแสนโฉดชั่วที่สุดที่ต้องจาลึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์โลก
http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=138659&chapter=31