Lenisna ดีไหม ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน

Lenisna ดีไหม ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน
ทำความรู้จัก Lenisna สารกระตุ้นคอลลาเจนจากเกาหลี ช่วยยกกระชับ ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิว เหมาะกับใคร อ่านก่อนตัดสินใจ
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ปัญหาผิวที่หลายคนเริ่มสังเกตเห็นได้ชัดคือ ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ใบหน้าดูอ่อนล้า ขาดความสดใส รวมถึงริ้วรอยและร่องลึกที่ค่อย ๆ ปรากฏมากขึ้น สาเหตุสำคัญมาจาก “คอลลาเจน” และ “อีลาสติน” ในผิวลดลงตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักที่ช่วยพยุงผิวให้เต่งตึงและยืดหยุ่น

 

ในปัจจุบัน หัตถการด้านความงามไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติมเต็มให้ดูอิ่มฟูแบบฉาบฉวย แต่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ Lenisna สารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) รุ่นใหม่จากประเทศเกาหลี ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การยกกระชับและฟื้นฟูผิวอย่างดูเป็นธรรมชาติในระยะยาว

 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Lenisna แบบละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงาน จุดเด่น ผลลัพธ์ที่ได้ ตำแหน่งที่สามารถฉีดได้ ข้อดี ข้อจำกัด การเตรียมตัวก่อนทำ ไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

 

Lenisna คืออะไร ทำไมช่วยกระตุ้นคอลลาเจน

Lenisna คือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การฟื้นฟูผิวในระยะยาว โดยไม่เน้นการเพิ่มปริมาตรแบบฟิลเลอร์ทั่วไป จุดเด่นของ Lenisna คือการออกแบบให้เป็น Hybrid Biostimulator ที่รวมข้อดีของการเติมเต็มผิวระยะสั้น และการฟื้นฟูโครงสร้างผิวระยะยาวเข้าไว้ด้วยกัน

 

โครงสร้างหลักของ Lenisna ประกอบด้วย

1. PDLLA (Poly D,L-lactic acid) อนุภาคขนาดเล็กที่ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว
2. Hyaluronic Acid (HA) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เติมเต็มผิว และทำให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้นทันทีหลังฉีด

 

ด้วยการทำงานร่วมกันของสองส่วนนี้ Lenisna จึงให้ผลลัพธ์ที่ผิวดูดีขึ้นตั้งแต่ช่วงแรก และค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจนในระยะยาวเมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น

 

Lenisna มีหลักการทำงานฟื้นฟูผิวได้อย่างไร

Lenisna ไม่ได้ทำงานแบบเติมแล้วจบ แต่เป็นการกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติของร่างกาย

 

บทบาทของ Hyaluronic Acid (HA)
หลังฉีด Lenisna จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีจาก HA ที่ช่วยเติมเต็มผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยตื้น ๆ จะดูจางลง ผิวดูอิ่มน้ำและสดใสขึ้นตั้งแต่ช่วงแรก

 

บทบาทของ PDLLA
PDLLA จะค่อย ๆ สลายตัวในชั้นผิว พร้อมกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวมีความแน่น แข็งแรง และยืดหยุ่นมากขึ้นในระยะยาว

ผลลัพธ์จึงไม่ได้เกิดจากตัวยาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากผิวใหม่ที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง ซึ่งช่วยให้ผิวดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่เป็นก้อน และคงผลลัพธ์ได้นาน

 

Lenisna ช่วยแก้ปัญหาผิวด้านใดบ้าง

Lenisna ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวที่เกิดจากการเสื่อมของโครงสร้างผิวเป็นหลัก โดยสามารถช่วยได้ในหลายด้าน ได้แก่

 

1. ยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย
เมื่อคอลลาเจนในผิวเพิ่มขึ้น ผิวจะค่อย ๆ แน่นและกระชับมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาแก้มหย่อน หน้าไหล หรือกรอบหน้าไม่ชัด

 

2. ลดริ้วรอยและร่องลึกจากความหย่อน
เช่น ร่องแก้ม ร่องมุมปาก หรือร่องน้ำหมาก Lenisna จะช่วยให้ผิวบริเวณนั้นหนาแน่นขึ้น ทำให้ร่องดูตื้นลงอย่างเป็นธรรมชาติ

 

3. ฟื้นฟูผิวบางและผิวโทรม
ผู้ที่มีผิวบาง แพ้ง่าย หรือผิวดูอ่อนล้า Lenisna จะช่วยเสริมโครงสร้างผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและทนต่อปัจจัยภายนอกมากขึ้น

 

4. ปรับรูปหน้าให้ดูสมดุล
แม้จะไม่ใช่สารเติมเต็ม แต่ Lenisna ช่วยให้ใบหน้าดูยกและได้สัดส่วนมากขึ้น โดยไม่เพิ่มวอลลุ่มเกินความจำเป็น

 

5. ชะลอวัยและฟื้นฟูผิวในระยะยาว
การกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดี และชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต

 

Lenisna ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

Lenisna สามารถใช้ได้ในหลายตำแหน่งที่ต้องการฟื้นฟูคอลลาเจนและยกกระชับผิว ได้แก่

1. กรอบหน้า ช่วยให้กรอบหน้าคมชัด ลดแก้มห้อย
2. แก้มส้มและแก้มส่วนกลาง เพิ่มความยกกระชับให้ใบหน้าดูสดใส
3. ร่องแก้ม ลดความลึกของร่องที่เกิดจากผิวหย่อน
4. ขมับ ฟื้นฟูผิวบริเวณที่ดูแบนหรือตอบ
5. ใต้ตา ช่วยให้ผิวใต้ตาดูแน่นและสดใสขึ้น
6. มุมปากและร่องน้ำหมาก ลดความตกของใบหน้า
7. ลำคอ ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวคอ

 

Lenisna สามารถใชัฉีดใต้ตาได้ไหม

Lenisna สามารถฉีดใต้ตาได้ในเคสที่เหมาะสม เนื่องจากมีอนุภาคขนาดเล็กและออกแบบมาให้กระจายตัวดี ช่วยลดการระคายเคือง เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวใต้ตาที่บาง มีริ้วรอย หรือดูอ่อนล้า

อย่างไรก็ตาม การฉีดใต้ตาจำเป็นต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพราะเป็นบริเวณที่มีโครงสร้างละเอียดอ่อน และต้องประเมินสาเหตุของปัญหาใต้ตาอย่างละเอียดก่อนทำทุกครั้ง

 

Lenisna ต้องฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล และอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังฉีด Lenisna จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีจาก HA แต่ผลลัพธ์จากการสร้างคอลลาเจนจะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในช่วง 1–3 เดือน โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีด ประมาณ 2–3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4–6 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ซึ่งผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ ประมาณ 12–24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล

 

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Lenisna

1. ผู้ที่มีอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป
2. ผู้ที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อย ผิวบาง หรือดูโทรม
3. ผู้ที่ไม่ต้องการเติมฟิลเลอร์ให้ดูบวม
4. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
5. ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและชะลอวัยในระยะยาว

 

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีด Lenisna

1. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเห็นชัดทันที
2. ผู้ที่มีถุงใต้ตาจากไขมันเด่นชัด
3. ผู้ที่มีโรคผิวหนังอักเสบในบริเวณที่จะฉีด
4. ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
5. ผู้ที่มีประวัติแพ้สารในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

 

คำแนะนำการเตรียมตัวก่อนฉีด Lenisna

1. งดยา/อาหารเสริมที่ทำให้ช้ำง่าย 3–7 วัน (ถ้าไม่ใช่ยาจำเป็นตามแพทย์สั่ง) เช่น Aspirin, Ibuprofen, Naproxen, วิตามินอี, น้ำมันปลา/โอเมก้า 3, โสม, กระเทียมสกัด, แปะก๊วย
2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24–48 ชม. เพื่อลดบวมช้ำ
3. งดเลเซอร์/ทรีตเมนต์แรง ๆ 5–7 วัน (เช่น RF, HIFU, สครับแรง, AHA/BHA, เรตินอลเข้มข้น)
4. แจ้งแพทย์ให้ครบ เรื่องโรคประจำตัว ยาที่กินประจำ ประวัติแพ้ยา และประวัติคีลอยด์
5. เลื่อนทำหัตถการถ้ามีสิวอักเสบ/ผื่น/แผล/ติดเชื้อ บริเวณที่จะฉีด
6. พักผ่อนให้พอ และ งดแต่งหน้าในวันทำ
7. ทำความเข้าใจว่าผลลัพธ์ค่อย ๆ ชัดขึ้น เพราะเป็นกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน

 

คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีด Lenisna

1. เลี่ยงความร้อน 48 ชม. (ซาวน่า อบไอน้ำ โยคะร้อน อาบน้ำร้อนจัด)
2. งดออกกำลังกายหนัก 24–48 ชม.
3. งดแอลกอฮอล์ 24–48 ชม.
4. งดนวด/กด/จับแรง ๆ บริเวณที่ฉีด 5–7 วัน
5. งดเลเซอร์/ทรีตเมนต์แรง ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือทำเมื่อแพทย์ประเมินว่าเหมาะสม
6. ทามอยส์เจอร์ + กันแดด SPF 30–50+ ทุกวัน เพื่อรักษาคอลลาเจนและลดระคายเคือง
7. ประคบเย็นใน 24 ชม.แรก หากบวม (หลีกเลี่ยงการกดแรง)

 

สรุป Lenisna ตัวช่วยฟื้นฟูผิวที่เน้นผลลัพธ์ระยะยาว

Lenisna เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและยกกระชับอย่างดูเป็นธรรมชาติ โดยเน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายใน มากกว่าการเติมเต็มแบบชั่วคราว เหมาะกับผู้ที่มองหาการดูแลผิวในระยะยาว ให้ผิวดูแข็งแรง อ่อนเยาว์ และมีคุณภาพมากขึ้นในทุกมิติ