แนะนำ 6 ซีรีส์เกาหลีน่าดู 🎭 พลิกบทบาทครั้งใหญ่: โด คยอง-ซู (D.O.) จากไอดอลสู่จอมบงการผู้เยือกเย็นใน The Manipulated

แนะนำ 6 ซีรีส์เกาหลีน่าดู

🎭 พลิกบทบาทครั้งใหญ่: โด คยอง-ซู (D.O.)

จากไอดอลสู่จอมบงการผู้เยือกเย็นใน The Manipulated

     โด คยอง-ซู หรือ D.O. แห่งวง EXO ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะนักแสดงผู้มีความสามารถรอบด้าน ด้วยดวงตาที่สามารถสื่อสารอารมณ์ได้ลึกซึ้ง และความกล้าที่จะรับบทบาทที่ท้าทาย ความสามารถของเขาได้รับการการันตีด้วยรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย อาทิ รางวัล Best Actor จาก 2022 KBS Drama Awards (จากเรื่อง Bad Prosecutor) และรางวัล Best New Actor จาก 38th Blue Dragon Film Awards (จากเรื่อง My Annoying Brother) รวมถึงรางวัล Most Popular Actor จากเวที Baeksang Arts Awards ถึง 3 ปีซ้อน!

     แต่ในซีรีส์ใหม่ "The Manipulated" ดีโอได้สร้างความประหลาดใจครั้งสำคัญด้วยการสวมบทบาทเป็น อัน โย-ฮัน "จอมบงการอัจฉริยะ" ผู้ใช้ความเหนือกว่าทางสติปัญญาควบคุมชีวิตผู้อื่น บทบาทนี้คือการเปลี่ยนผ่านสู่ด้านมืดอย่างสมบูรณ์แบบ เรามาย้อนดู 6 ผลงานสุดโดดเด่นที่สร้างรากฐานความสามารถอันหลากหลายของเขากันค่ะ

1. Cart (2014) 🛒: จุดเริ่มต้นบนจอเงินและดราม่าเชิงสังคม

บทบาท: แท-ยอง (ลูกชายของพนักงานที่ต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงาน)

เรื่องย่อ: Cart (มรสุมชีวิตของคนทำงาน)

     "Cart" เป็นภาพยนตร์ดราม่าที่ทรงพลังและสะเทือนอารมณ์ ซึ่งสร้างจากเรื่องจริง เป็นเรื่องราวการต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงานของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม

📝 หมายเหตุจากเรื่องจริง

     ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริง โดยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2007 เมื่อพนักงานแคชเชียร์ของห้างค้าปลีก E.Land Mart ถูกไล่ออก ทำให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้างรวมตัวกัน ประท้วงหยุดงานและปักหลักอยู่ในสถานที่ทำงานนานถึง 510 วัน

     ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนความจริงอันเจ็บปวด ของคนทำงานที่ต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงในชีวิตการทำงาน และการลุกขึ้นต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและสิทธิอันชอบธรรมของตนเองค่ะ

ความโดดเด่น: เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาได้เดบิวต์ในฐานะนักแสดงเต็มตัว และได้รับการยอมรับจากนักวิจารณ์อย่างรวดเร็ว ดีโอ ถ่ายทอดบทบาทลูกชายที่ต้องเผชิญกับความกดดันทางสังคมและความไม่ยุติธรรมที่แม่ต้องเจอ บทนี้พิสูจน์ความสามารถในการแสดงดราม่าที่หนักแน่นทางอารมณ์ ตั้งแต่ก้าวแรก

2. It's Alright, This Is Love (2014) 💭: ภาพหลอนที่บาดลึกและบทบาทพลิกเกม

บทบาท: ฮัน คัง-อู

เรื่องย่อ: It's Alright, This Is Love (ถ้ารักกัน...มันก็โอเค)

     "It's Alright, This Is Love" เป็นซีรีส์โรแมนติก-ดราม่า ที่มุ่งเน้นการสำรวจปัญหาสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของผู้ใหญ่ โดยมีแก่นเรื่องอยู่ที่การเยียวยาบาดแผลทางใจระหว่างกัน

📝 ตัวละครหลักและบาดแผลซ่อนเร้น

     เรื่องราวเริ่มต้นจากการพบกันของคนสองคนที่มีภูมิหลังและความบอบช้ำทางใจซ่อนอยู่:

• จาง แจ-ยอล (นำแสดงโดย โจ อิน-ซอง):

     เขาเป็นนักเขียนนวนิยายแนวลึกลับ (Mystery Writer) และเป็นดีเจรายการวิทยุ (Radio DJ) ที่มีชื่อเสียง แต่เบื้องหลังความสำเร็จ เขาต้องทนทุกข์ทรมานจาก ความผิดปกติที่ย้ำคิดย้ำทำ (an obsession) และมีบาดแผลทางใจในอดีต

• จี แฮ-ซู (นำแสดงโดย กง ฮโย-จิน):

     เธอเป็นแพทย์หญิงที่กำลังฝึกหัดปีแรกในสาขาจิตเวชศาสตร์ (Psychiatry) ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เธอเลือกเรียนด้านจิตเวชเพราะเธอไม่ต้องการทำการผ่าตัด แต่ต้องการทำงานกับจิตใจของมนุษย์ ชีวิตของเธอต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากที่เธอได้มาพบกับ จาง แจ-ยอล

🌟 บทบาทสำคัญของ โด คยอง-ซู: ฮัน คัง-อู

     โด คยอง-ซู รับบทเป็น ฮัน คัง-อู (Han Gang-Woo) บทบาทนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแก่นเรื่อง โดยเขาแสดงเป็น เด็กหนุ่มที่ จาง แจ-ยอล มองเห็น ซึ่งเป็นเหมือนเพื่อนสนิทและมีปมปัญหาในชีวิต

     การแสดงออกถึงความสดใส ความเจ็บปวด และการเป็นตัวแทนของบาดแผลในจิตใจของพระเอก ทำให้บทบาทนี้ โดดเด่นและเป็นที่จดจำอย่างมาก และตอกย้ำความสามารถของ โด คยอง-ซู ในการถ่ายทอดอารมณ์ที่ลึกซึ้งในซีรีส์เรื่องนี้

แก่นของเรื่องคือ: การที่คนทั้งสองคนที่มีบาดแผลทางจิตใจได้เข้ามาอยู่ในวงโคจรของกันและกัน เพื่อเรียนรู้ที่จะยอมรับความบกพร่องและเยียวยาบาดแผลเหล่านั้น โดยมีบทบาทของ ฮัน คัง-อู เป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางจิตใจของพระเอกในท้ายที่สุดค่ะ

ความโดดเด่น: เป็นซีรีส์ที่ พลิกเกมการแสดงของดีโอ อย่างแท้จริง แม้จะเป็นบทบาทที่ดูสดใสในตอนต้น แต่ความจริงของตัวละครกลับเกี่ยวข้องกับ อาการทางจิตวิทยา ที่ซับซ้อนและน่าตกใจอย่างยิ่ง บทนี้ตอกย้ำความสามารถในการใช้สายตาที่ถ่ายทอดได้ทั้งความฝัน ความเจ็บปวด และความแตกสลาย ทำให้เขาได้รับการยอมรับในฐานะ "นักแสดงเต็มตัว" ในวงการโทรทัศน์

3. Unforgettable (2016) 💌: ดราม่าโรแมนติกย้อนอดีต

บทบาท: บอม-ซิล

เรื่องย่อ: Unforgettable (ย้อนอดีตไปหาความทรงจำ)

     "Unforgettable" (หรือชื่อเกาหลี: 순정 - Soonjung) เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ดราม่า ที่พาผู้ชมย้อนกลับไปสู่ความทรงจำอันบริสุทธิ์ของความรักครั้งแรกและมิตรภาพในวัยเยาว์

💌 จดหมายจากอดีต

     เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในรายการวิทยุถ่ายทอดสดเกี่ยวกับเพลง โดยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นคือ มี จดหมายฉบับหนึ่ง ถูกส่งมาถึงรายการ ซึ่งจดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจาก เมื่อ 23 ปีที่แล้ว

💖 ความทรงจำอันบริสุทธิ์

     เนื้อหาภายในจดหมายนั้น ได้เปิดเผยเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสนิท 5 คน ผ่านจดหมายฉบับนั้น ความทรงจำเกี่ยวกับ ความรักครั้งแรก (The First Love) และ มิตรภาพ (Friendships) ของกลุ่มเพื่อนทั้งห้าจึงถูกเปิดเผยขึ้นอีกครั้ง

แก่นของเรื่องคือ: การย้อนรอยอดีตที่งดงามและเจ็บปวด โดยพาผู้ชมไปสัมผัสกับความรู้สึกของการเติบโต ความรักครั้งแรกที่ไม่เคยลืมเลือน และความผูกพันของเพื่อนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงอยู่ในความทรงจำเสมอ (ในเรื่องนี้ โด คยอง-ซู รับบทเป็น บอม-ซิล หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิททั้งห้า ซึ่งเป็นบทบาทที่ถ่ายทอดความรู้สึกรักแรกได้อย่างอ่อนโยนและน่าจดจำค่ะ)

ความโดดเด่น: ภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ดราม่า ที่พาผู้ชมย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความรักบริสุทธิ์ ดีโอ ถ่ายทอดบทบาทชายหนุ่มที่อ่อนโยนและซื่อสัตย์ บทนี้แสดงถึงความสามารถในการแสดงดราม่าในโทนอบอุ่นและชวนฝัน และทำให้เขาได้รับรางวัล Most Popular Actor จากงาน Baeksang Arts Awards 2016 ซึ่งตอกย้ำความนิยมในฐานะนักแสดงจอเงิน

4. My Annoying Brother (2016) 🥊: คอมเมดี้/ดราม่าที่คว้าชัย

บทบาท: โก ดู-ยอง (นักกีฬายูโดทีมชาติที่ตาบอด)

เรื่องย่อ: My Annoying Brother (พี่ชายจอมวุ่น น้องชายคนดี)

     👨‍👦 "My Annoying Brother" เป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้-ดราม่า ที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยอารมณ์ของสองพี่น้องที่กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้น

     เรื่องราวเริ่มต้นด้วยชีวิตที่พลิกผันของสองพี่น้องต่างมารดา:

• ดู-ชิก (โจ จอง-ซอก): พี่ชายที่ถูกจำคุกในข้อหาฉ้อโกง
• ดู-ยอง (โด คยอง-ซู): น้องชายต่างมารดาที่เป็นนักกีฬายูโดดาวรุ่ง

     แต่ชีวิตของ ดู-ยอง ก็ต้องพังทลายลงเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บในการแข่งขัน จนเป็นเหตุให้ สูญเสียการมองเห็น

🤝 ข้ออ้างเพื่ออิสรภาพ

     ดู-ชิก ใช้โอกาสจากอาการบาดเจ็บของน้องชาย เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าคณะกรรมการพิจารณาทัณฑ์บน และใช้การบาดเจ็บของ ดู-ยอง เป็นข้ออ้างเพื่อขอปล่อยตัว ในที่สุด ดู-ชิก ก็ได้รับการปล่อยตัว โดยมี เงื่อนไขว่าเขาต้องดูแล ดู-ยอง เป็นเวลา 1 ปี

🏠 ชีวิตที่ต้องปรับตัว

     ดู-ยอง ที่สูญเสียการมองเห็นได้เก็บตัวอยู่คนเดียวในบ้านของครอบครัว หลังจากที่พ่อแม่ของเขาทั้งคู่ได้เสียชีวิตไปแล้ว มีเพียงโค้ชยูโดคนเก่าอย่าง ซู-ฮยอน (พัค ชิน-ฮเย) เท่านั้นที่ยังติดต่อกับเขาอยู่ หลังจากหายหน้าไป 15 ปี ดู-ชิก ก็กลับมาที่บ้านอีกครั้งอย่างกะทันหัน พี่น้องทั้งสองคนต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะเกลียดชังกันก็ตาม

แก่นของเรื่องคือ: การเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของสองพี่น้องที่ไม่ลงรอยกัน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความโกรธ ความเจ็บปวด และเรียนรู้ที่จะเป็นกำลังใจและพึ่งพาอาศัยกันภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างคาดไม่ถึงค่ะ

ความโดดเด่น: ภาพยนตร์ที่รวมเอาคอมเมดี้และดราม่าครอบครัวเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ดีโอต้องแสดงเป็นนักกีฬาทีมชาติที่ต้องสูญเสียการมองเห็น บทบาทนี้ต้องการความละเอียดอ่อนในการแสดงออกถึงความสิ้นหวัง การยอมรับ และการปรับตัว ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัล Best New Actor (นักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม) จากงาน Blue Dragon Film Awards 2017 ซึ่งเป็นรางวัลภาพยนตร์ระดับประเทศที่สำคัญมาก

5. Swing Kids (2018) 👞: ทุ่มเททั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

บทบาท: โน กี-ซู (เชลยศึกชาวเกาหลีเหนือผู้หลงใหลการเต้นแท็ป)

เรื่องย่อ: 

     "Swing Kids" เป็นภาพยนตร์ดราม่า-ดนตรี ที่มีฉากหลังเป็นความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์อย่างเข้มข้น โดยนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มเชลยศึกที่ค้นพบความสุขในการเต้นแท็ป (Tap Dance) ท่ามกลางความขัดแย้งของสงคราม

⚔️ ค่ายเชลยศึกและความขัดแย้ง

     เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วง สงครามเกาหลี โดยมีฉากหลังที่ค่ายเชลยศึกบนเกาะคอเจ (Geoje Island) เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นที่รวมของเชลยศึกชาวเกาหลีเหนือและจีน ค่ายเชลยศึกแห่งนี้ตกอยู่ในความขัดแย้งอย่างรุนแรง ระหว่างกลุ่มเชลยที่สนับสนุนคอมมิวนิสต์ และกลุ่มที่ต่อต้านคอมมิวนิสต์ โร กี-ซู (โด คยอง-ซู) เป็นทหารหนุ่มชาวเกาหลีเหนือที่ถูกกักตัวไว้ในค่ายเชลยศึกคอเจ

🎶 การรวมตัวของ "Swing Kids"

     ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด จ่าสิบเอกแจ็คสัน (จาเร็ด กริมส์) ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ จัดตั้งทีมเต้นแท็ปจากภายในค่ายเชลยศึก เขาจัดให้มีการออดิชั่นในค่าย และคัดเลือกสมาชิกที่หลากหลาย:

• เสี่ยวฟาง (คิม มิน-โฮ): ทหารชาวจีน
• คัง บยอง-ซัม (โอ จอง-เซ): ชาวเกาหลีใต้ที่ถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ ว่าเป็นผู้เห็นอกเห็นใจคอมมิวนิสต์
• ยัง พัน-แร (พัค ฮเย-ซู): พลเรือนที่ต้องการสนับสนุนครอบครัวของเธอ

     จ่าสิบเอกแจ็คสันยังได้ตระหนักถึง พรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ในการเต้น ของ โร กี-ซู อีกด้วย ไม่นานนัก "Swing Kids" ก็ได้ก่อตั้งขึ้น คำถามคือ ความฝันในการเต้นของพวกเขาจะเป็นจริงได้หรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์สงครามและความขัดแย้งในอุดมการณ์?

📚 หมายเหตุ

     ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากละครเพลงของเกาหลีเรื่อง "Rho Ki-Soo" ซึ่งเขียนบทโดย จาง อู-ซอง และกำกับโดย คิม แท-ฮยอง

แก่นของเรื่องคือ: การใช้ศิลปะ (การเต้นแท็ป) เป็นสื่อกลางที่สามารถเชื่อมโยยผู้คนที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเข้าไว้ด้วยกัน โดยถ่ายทอดทั้งความสนุกสนาน ความปรารถนา และโศกนาฏกรรมของสงครามค่ะ

ความโดดเด่น: ดีโอ ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเรียนรู้การเต้นแท็ปสำหรับบทบาทนี้ เขาถ่ายทอดความขัดแย้งระหว่างอุดมการณ์ของสงครามกับความหลงใหลในศิลปะได้อย่างลึกซึ้ง บทนี้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเททางกายภาพ (Physicality) และความสามารถในการแสดงอารมณ์ที่ซับซ้อน ในบริบททางประวัติศาสตร์

6. Bad Prosecutor (2022) 🔪: บทบาทอัยการฮีโร่สายมืดที่คว้า "นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม"

บทบาท: จิน จอง

เรื่องย่อ: Bad Prosecutor (อัยการบ้าดีเดือด)

     "Bad Prosecutor" เป็นซีรีส์แนวแอ็กชัน-กฎหมาย ที่มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับการทวงคืนความยุติธรรมด้วยวิธีการที่ไม่เหมือนใคร โดยเน้นไปที่บทบาทของอัยการที่กล้าแหกกฎเกณฑ์เพื่อผดุงคุณธรรม

⚖️ อัยการผู้ไม่ยึดติดกฎ

     เรื่องราวศูนย์กลางอยู่ที่ จิน จอง (โด คยอง-ซู) ผู้ซึ่งทำงานในตำแหน่งอัยการ แต่มีวิธีการทำงานที่แหกคอกและโดดเด่นไม่เหมือนใคร บางครั้งก็เลือกใช้ การกระทำที่รวดเร็วทันใจ (expedient action) และ กลอุบาย (trickery) แทนที่จะยึดติดกับขั้นตอนและหลักปฏิบัติทางกฎหมายที่เป็นมาตรฐานทั่วไป

👊 ความยุติธรรมแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน

     แม้ว่าวิธีการของเขาจะดูนอกคอก แต่ จิน จอง ก็มี สำนึกในความยุติธรรมและจิตสำนึกที่ดีอย่างลึกซึ้ง

• จุดยืน: เขาพร้อมที่จะ ยืนหยัดอยู่ข้างผู้ที่อ่อนแอ และต่อสู้กับผู้ที่ชั่วร้าย
• การลงทัณฑ์: เป้าหมายของเขาคือการทวงคืนความยุติธรรมในแบบ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" (eye for an eye justice) เพื่อให้คนชั่วได้รับการลงโทษอย่างสาสมและทันใจ

     ซีรีส์นี้จึงเป็นเรื่องราวของ ฮีโร่สายดาร์ก ในคราบอัยการ ที่ใช้ความฉลาดแกมโกงและความบ้าบิ่นในการท้าทายอำนาจมืดและระบบที่อยุติธรรมค่ะ

ความโดดเด่น: เป็นผลงานที่สำคัญที่สุดในด้านซีรีส์ เพราะทำให้เขาได้รับรางวัล Best Actor (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม) จากงาน KBS Drama Awards 2022 รวมถึงรางวัล Best Couple Award และ Netizen Award จิน จอง เป็นอัยการที่ใช้ "กลอุบาย" และ "ความบ้าดีเดือด" ในการทวงคืนความยุติธรรมแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน บทนี้เป็นการแสดงออกถึงพลังงานที่แปลกใหม่และเต็มไปด้วยคาริสม่าที่แตกต่างจากบทบาทอื่น ๆ ของเขา

🖤 บทสรุป: การเปลี่ยนผ่านสู่ความมืดใน The Manipulated

     ผลงานทั้ง 6 ชิ้นนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า โด คยอง-ซู สามารถเป็นได้ทั้งพระเอกผู้อ่อนโยน, นักกีฬาผู้สิ้นหวัง, และอัยการผู้บ้าดีเดือด แต่บท อัน โย-ฮัน ใน "The Manipulated" คือการก้าวเข้าสู่ด้านมืดอย่างสมบูรณ์แบบ:

• การรวมพลังอัจฉริยะ: บทบาทนี้ใช้ความสามารถในการสื่อสารทางสายตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน (แบบ It's Alright, This Is Love) แต่เปลี่ยนจากความเจ็บปวดเป็นการ เยือกเย็น และ ความเหนือกว่า
• วายร้ายในคราบผู้ดี: อัน โย-ฮัน ไม่ใช่ตัวร้ายที่ใช้กำลัง แต่ใช้สมองในการ บงการและควบคุม ชีวิตของเหยื่อราวกับเกม ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องใช้การแสดงออกถึงความชาญฉลาดและความมั่นใจในระดับสูงสุด

     ความสำเร็จจากผลงานที่หลากหลายทำให้เรามั่นใจว่า การพลิกบทบาทมาเป็นจอมบงการใน The Manipulated ครั้งนี้ จะเป็นการแสดงที่น่าจดจำและตอกย้ำสถานะของ โด คยอง-ซู ในฐานะนักแสดงแถวหน้าของวงการได้อย่างแน่นอนค่ะ!