เปิดสูตรลับ! นักคณิตศาสตร์คำนวณหวยถูก 14 งวดซ้อน ฟันเงินร้อยล้านแบบไม่ง้อดวง

“สเตฟาน แมนเดล” นักคณิตศาสตร์ผู้ถูกรางวัลลอตเตอรี่ 14 ครั้ง! ใช้สูตรคำนวณพิชิตระบบสุ่ม จน FBI ต้องสอบสวน แต่ไม่สามารถเอาผิดได้

ในโลกของ “ลอตเตอรี่” หรือ “หวย” หลายคนอาจเชื่อว่าโชคชะตาและดวงเท่านั้นที่จะกำหนดว่าใครจะกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน แต่สำหรับชายคนหนึ่ง เขาพิสูจน์ให้เห็นว่า “คณิตศาสตร์สามารถเอาชนะโชคได้” และเขาคือ สเตฟาน แมนเดล (Stefan Mandel) นักคณิตศาสตร์เชื้อสายโรมาเนีย-ออสเตรเลีย ผู้กลายเป็นตำนานจากการ “ถูกรางวัลใหญ่” ถึง 14 ครั้งทั่วโลก!

แต่เส้นทางความสำเร็จของเขาไม่ได้ง่ายดาย และไม่ได้มาจากดวงดีแต่อย่างใด — มันเกิดจาก “การวิเคราะห์เชิงตัวเลขอย่างเฉียบคม” และ “การคำนวณความเป็นไปได้” จนสร้างระบบการลงทุนที่ทำให้ FBI และ CIA ต้องเปิดการสอบสวน แต่สุดท้ายก็ ไม่สามารถเอาผิดเขาได้แม้แต่น้อย

 

🎯 จุดเริ่มต้นของอัจฉริยะผู้ท้าทายโชค

ในช่วงปี 1960s “สเตฟาน แมนเดล” เป็นเพียงนักเศรษฐศาสตร์ธรรมดาในประเทศโรมาเนียที่กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ เขาใช้เวลาว่างศึกษาสถิติของลอตเตอรี่ และเริ่มตั้งคำถามว่า “ถ้าระบบลอตเตอรี่เป็นเพียงการสุ่มจริง ๆ แล้ว มันจะมีช่องโหว่ไหม?”

เขาพบว่าหลักการของความน่าจะเป็น (Probability Theory) สามารถนำมาคำนวณเพื่อหาวิธี “เพิ่มโอกาสถูกรางวัล” ได้จริง — แต่ที่เหนือกว่านั้นคือ แมนเดลไม่ได้แค่เพิ่มโอกาส เขาคิด “สูตรการถูกรางวัลแน่นอน” ขึ้นมา

 

📐 คณิตศาสตร์แทน “เลขเด็ด”: หลักการของแมนเดล

แมนเดลไม่เชื่อเรื่องดวง ไม่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และไม่ซื้อหวยแบบสุ่ม เขาใช้ “ตรรกะทางคณิตศาสตร์” วิเคราะห์ทุกอย่างจนได้แนวคิดสำคัญว่า

“วิธีเดียวที่จะรับประกันการถูกรางวัลได้ 100% คือการซื้อสลากทุกชุดตัวเลขที่เป็นไปได้”

ฟังดูบ้าบิ่นใช่ไหมครับ? แต่เขาทำได้จริง

🧮 6 ขั้นตอน “สูตรคณิตศาสตร์ถูกรางวัลแน่นอน”

แมนเดลอธิบายขั้นตอนการเล่นหวยให้ชนะอย่างเป็นระบบไว้ 6 ขั้นตอน ซึ่งต่อมาถูกขนานนามว่า “สูตรแมนเดล (Mandel Formula)”

1️⃣ คำนวณจำนวนความเป็นไปได้ทั้งหมด

ตัวอย่างเช่น หากลอตเตอรี่ให้เลือกตัวเลข 6 ตัว จาก 1 ถึง 40 จะมีจำนวนชุดตัวเลขที่เป็นไปได้ทั้งหมด 3,838,380 ชุด

2️⃣ รอจนกว่า “เงินรางวัลแจ็กพอต” สูงกว่าต้นทุน 3 เท่า

เขาจะเริ่มลงมือเฉพาะเมื่อเงินรางวัลรวมสูงพอที่จะคุ้มกับการซื้อสลากทุกใบ เช่น ถ้าสลากแต่ละใบราคา 50 บาท และมีทั้งหมด 1,000,000 ชุด ต้นทุนรวมจะเท่ากับ 50,000,000 บาท ดังนั้น เขาจะเริ่มเล่นเมื่อเงินรางวัลมากกว่า 150,000,000 บาทขึ้นไป

3️⃣ ไม่ใช้เงินตัวเอง

แมนเดลจะ “ระดมทุนจากนักลงทุน” โดยเสนอแนวคิดให้คนร่วมลงเงิน แล้วรับผลตอบแทนหลังถูกรางวัล เขาเคยระดมเงินได้จากนักลงทุนมากกว่า 2,500 คนทั่วโลก

4️⃣ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสร้างหมายเลข

ในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังไม่แพร่หลาย เขาใช้โปรแกรมเฉพาะเพื่อสร้างชุดตัวเลขทุกชุดที่เป็นไปได้ และพิมพ์ออกมาอย่างเป็นระบบ ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่ผิดกฎหมาย

5️⃣ ซื้อสลากครบทุกชุดตัวเลข

เขาและทีมงานจะกระจายกำลังไปตามร้านจำหน่ายลอตเตอรี่ที่ได้รับอนุญาต ซื้อสลากทุกชุด และลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย

6️⃣ เมื่อถูกรางวัล ให้แบ่งกำไรอย่างเป็นระบบ

หลังจากได้เงินรางวัลใหญ่ เขาจะหักค่าใช้จ่ายและแบ่งเงินให้กับนักลงทุนที่ร่วมลงเงิน เช่น ครั้งหนึ่งเขาถูกรางวัลกว่า 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หลังแบ่งผลประโยชน์แล้วเขาเหลือเงินประมาณ 97,000 ดอลลาร์ — ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่กำไรมหาศาล แต่เป็น “กำไรที่ไร้ความเสี่ยง”

💰 ความสำเร็จที่สั่นสะเทือนวงการลอตเตอรี่

ในปี 1987 แมนเดลสร้างชื่อเสียงระดับโลก เมื่อเขาใช้สูตรนี้กับลอตเตอรี่ในประเทศออสเตรเลียและสหรัฐฯ โดยเฉพาะ “รัฐเวอร์จิเนีย” ที่มีกติกาให้เลือกตัวเลขเพียง 6 ตัวจาก 44 หมายเลข รวมเป็นเพียง 7,059,052 ชุดเท่านั้น

เมื่อแจ็กพอตพุ่งสูงถึง 15.5 ล้านดอลลาร์ ทีมของเขาเริ่มแผนการทันที — พวกเขาซื้อสลากกว่า 6.4 ล้านใบ (เกือบครบทุกชุด) และหนึ่งในนั้นคือ “ใบที่ถูกรางวัลแจ็กพอต”!

เขากลายเป็นเศรษฐีทันที และถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นคนแรกในโลกที่ใช้คณิตศาสตร์ “พิชิตรางวัลใหญ่” ได้จริง

 

🕵️ FBI และ CIA ต้องสอบสวน

ความสำเร็จครั้งนั้นทำให้ “FBI” และ “CIA” ต้องเข้ามาสืบสวน เพราะพวกเขาสงสัยว่าแมนเดลอาจเกี่ยวข้องกับการโกงระบบหรือปลอมแปลงสลาก แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับตรงกันข้าม

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายแม้แต่น้อย เพราะในเวลานั้นยังไม่มีข้อห้ามเรื่อง “การซื้อสลากจำนวนมาก” หรือ “การพิมพ์เลขครบทุกชุด”

เขาเพียงแค่ “ใช้ช่องว่างของระบบ” และ “ความรู้ทางคณิตศาสตร์” ในการหาผลกำไร ซึ่งถือว่าถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์แบบ

 

⚖️ ผลกระทบระดับประเทศ: ระบบลอตเตอรี่ต้องแก้กฎหมาย

หลังจากเหตุการณ์นี้ รัฐบาลสหรัฐฯ และออสเตรเลียต่างเร่งปรับกฎหมายครั้งใหญ่ เช่น

ห้ามพิมพ์หมายเลขสลากเองจากคอมพิวเตอร์

จำกัดจำนวนสลากที่บุคคลหนึ่งสามารถซื้อได้

กำหนดระบบควบคุมการขายเพื่อป้องกันการซื้อครอบคลุมทุกชุดตัวเลข

เรียกได้ว่ากลยุทธ์ของแมนเดล “เปลี่ยนกติกาโลกของลอตเตอรี่ไปตลอดกาล”

 

🌴 ชีวิตหลังเกษียณของ “อัจฉริยะคณิตศาสตร์”

หลังถูกรางวัลกว่า 14 ครั้งทั่วโลก แมนเดลตัดสินใจวางมือจากวงการเสี่ยงโชค และย้ายไปใช้ชีวิตอย่างสงบในเกาะวานูอาตุ (Vanuatu) ประเทศเล็ก ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก

เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และให้สัมภาษณ์เพียงไม่กี่ครั้ง โดยกล่าวว่า

 “ผมไม่ได้ต้องการเงินมากมาย ผมแค่ต้องการพิสูจน์ว่า คณิตศาสตร์สามารถเอาชนะโชคได้จริง”

 

🇹🇭 แล้วสูตรนี้ ใช้กับ “หวยรัฐบาลไทย” ได้ไหม?

คำตอบคือ... “ไม่ได้แน่นอน”

มาลองคำนวณตามหลักแมนเดลกันดู:

สลากกินแบ่งรัฐบาลไทยมีหมายเลข 6 หลัก ตั้งแต่ 000000 ถึง 999999

หมายความว่ามีทั้งหมด 1,000,000 หมายเลข

ราคาหน้าสลากใบละ 80 บาท (แต่ความจริงขายกัน 100 บาทขึ้นไป)

หากต้องการซื้อให้ครบทุกหมายเลข จะต้องใช้เงินอย่างน้อย 80 ล้านบาท

แต่รางวัลที่ 1 ของไทยมีมูลค่าเพียง 6 ล้านบาท เท่านั้น!

ดังนั้นแม้จะถูกรางวัลแน่นอน 100% ก็จะ “ขาดทุนทันที 74 ล้านบาท” นี่ยังไม่รวมรางวัลข้างเคียงหรือรางวัลอื่น ๆ ซึ่งรวมกันแล้วก็ยังไม่พอคืนทุน

แถมระบบสลากไทยยังไม่อนุญาตให้ “พิมพ์หรือสร้างสลากเอง” ได้ และคุณต้องเดินทางไปซื้อจากพ่อค้าแม่ค้าทั่วประเทศ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ

กล่าวง่าย ๆ ว่า สูตรแมนเดลใช้ไม่ได้กับหวยไทย อย่างสิ้นเชิง

 

💡 บทเรียนจากสเตฟาน แมนเดล

เรื่องราวของแมนเดลไม่ใช่แค่ตำนานของ “คนถูกหวย” แต่เป็นบทเรียนของ “การคิดต่าง” และ “การใช้เหตุผลแทนความเชื่อ”

เขาไม่เชื่อในดวง แต่เชื่อในข้อมูล

เขาไม่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่พึ่งสมอง

เขาไม่รอความโชคดี แต่สร้าง “ระบบ” ที่ทำให้เขาไม่ต้องพึ่งโชคอีกต่อไป

 

🧠 คำพูดสุดท้ายจากอัจฉริยะ

สเตฟาน แมนเดล เคยกล่าวไว้ว่า

“ผมไม่ได้เสี่ยง ผมแค่คำนวณได้ถูกต้อง”

และนี่คือสิ่งที่แยก “นักคณิตศาสตร์” ออกจาก “นักเสี่ยงโชค” อย่างแท้จริง