มัดรวมซีรีส์เกาหลีในทีเซอร์เรียกน้ำย่อยช่อง JTBC กับไลน์อัพละครครึ่งหลังของปี 2025

     ช่อง JTBC เตรียมเติมเต็มวันหยุดสุดสัปดาห์ของคุณด้วยซีรีส์เกาหลีสุดเข้มข้น ตั้งแต่ศุกร์ไปจนถึงวันอาทิตย์เลยทีเดียว! ทาง JTBC ได้ปล่อยทีเซอร์ในชื่อ “Dramatic Weekend” ที่รวบรวมทัพนักแสดงแถวหน้าจากซีรีส์ที่กำลังจะมาถึงไว้มากมาย

     ในทีเซอร์ดังกล่าว อีดงอุค และ อีจินอุค ที่มาในมาดหนุ่มหล่อสุดเนี้ยบได้ชวนผู้ชมด้วยคำถามที่ทำให้ใจเต้นอย่าง “ศุกร์นี้เป็นไง?” และ “แล้วเสาร์-อาทิตย์นี้ล่ะ ทำอะไรอยู่?” ก่อนจะส่งคำเชิญที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “เดี๋ยวผมไปรับนะ” และ “ออกมาเจอกันสิ” เป็นการเผยไลน์อัพซีรีส์ใหม่ที่กำลังจะมาฉายในวันศุกร์และวันเสาร์-อาทิตย์อย่างยิ่งใหญ่

     สำหรับซีรีส์ใหม่ประจำวันศุกร์ของ JTBC ที่จะมาขโมยหัวใจผู้ชมในช่วงครึ่งหลังของปี มีทั้งหมด 3 เรื่อง 3 สไตล์ โดยเรื่องแรกที่จะประเดิมคือ “The Nice Guy” นำแสดงโดย อีดงอุค และ อีซองคยอง ซึ่งจะออกอากาศในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้

     ตามมาด้วย “My Youth” ที่จะมาพร้อมความสดใสของความรักวัยรุ่น นำแสดงโดย ซงจุงกิ และ ชอนอูฮี และ “Love Me” ที่เล่าถึงการเติบโตของความสัมพันธ์ในครอบครัวของตัวละครที่รับบทโดย ซอฮยอนจิน ในขณะที่เธอเริ่มต้นความรักครั้งใหม่ โดยทั้งสองเรื่องจะเข้าสู่ไลน์อัพซีรีส์วันศุกร์ในเดือนกันยายนและธันวาคมตามลำดับ

     ส่วนซีรีส์วันหยุดสุดสัปดาห์ที่กำลังออกอากาศอย่าง “Good Boy” ก็ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยครองอันดับหนึ่งในกระแสมา 4 สัปดาห์ติดต่อกันและมีเรตติ้งผู้ชมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเพื่อสานต่อความสำเร็จนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง JTBC เตรียมจัดเต็มด้วยซีรีส์คุณภาพที่คัดสรรนักแสดงมากฝีมือและหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น “Esquire”, “A Hundred Memories”, “The Story of Manager Kim Who Owns a Home in Seoul and Works at a Major Corporation” และ “Waiting for Gyeongdo” มาสแกนเรื่องย่อของเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเหล่านี้กันค่ะ

เรื่องย่อซีรีส์ : The Nice Guy (2025)

     ซีรีส์เรื่องนี้จะพาไปสำรวจโลกของ พัคซอกชอล (รับบทโดย อีดงอุค) ชายหนุ่มผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ แต่ชีวิตกลับต้องเข้าไปพัวพันกับโลกอาชญากรรม เพราะเขาคือหลานชายคนโตของตระกูลมาเฟียเก่าแก่ 3 รุ่น ซอกชอลใฝ่ฝันถึงชีวิตที่เรียบง่าย แต่เขาก็ไม่สามารถหลีกหนีจากเส้นทางอาชญากรรมที่ถูกกำหนดไว้ได้

     จนกระทั่งเขาได้กลับมาพบกับรักแรกอย่าง คังมียอง (รับบทโดย อีซองคยอง) หญิงสาวผู้มีความฝันอยากเป็นนักร้อง แต่ในใจก็มีความเจ็บปวดจากอดีต ซีรีส์จะพาเราไปติดตามการเดินทางที่แสนยากลำบากของทั้งสองคน เมื่อซอกชอลต้องหาทางปกป้องครอบครัว, หน้าที่การงาน และความรักของเขาไปพร้อม ๆ กัน ในโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและอันตราย

เรื่องย่อซีรีส์ : My Youth (2025)

     ซุนอู เฮ (Song Joong-Ki) เคยเป็นนักแสดงที่โด่งดังในวัยเด็ก ทว่าหลังจากผ่านเรื่องราวเจ็บปวดและความคาดหวังจากผู้ใหญ่รอบตัว เขาเลือกหลบอยู่เงียบ ๆ — กลายมาเป็นนักเขียนนิยายและเปิดร้านดอกไม้ในชีวิตที่สดชื่นและสงบ

     วันหนึ่ง ซอง เจ-ยอน (Chun Woo-Hee) — รักแรกของเขาในอดีต — กลับมาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เจ-ยอนในปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีมของบริษัทบันเทิง เธอเติบโตมาในครอบครัวที่เคยมั่งคั่งแต่ประสบปัญหาล้มละลายในภายหลัง ทำให้เธอเป็นคนที่มุ่งมั่น แข็งแกร่ง และมุ่งหวังจะใช้ความสำเร็จมาปลดปล่อยตัวเองจากเงาของอดีต

     เมื่อทั้งคู่ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปประมาณสิบปี มันไม่ใช่แค่การเผชิญหน้าของสองคนที่เคยมีใจให้กัน แต่ยังเป็นการเผชิญหน้ากับอดีต ความฝัน และความคาดหวังที่ยังไม่ถูกแก้ไข ซุนอู เฮ ต้องเผชิญกับบาดแผลในอดีตที่เขาพยายามหลีกเลี่ยง ขณะที่เจ-ยอนก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากชีวิตจริงที่ไม่ง่าย

     เรื่องราวเดินทางผ่านทั้งอดีตและปัจจุบัน ผสมกับช่วงเวลาโรแมนติก ความเข้าใจตัวเอง และการเยียวยาบาดแผลในใจ โดยมีคำถามว่า “เมื่อเราทำสิ่งผิดพลาดในวัยเยาว์ มันสามารถแก้ไขหรือยอมรับได้อย่างไรในชีวิตปัจจุบัน”

เรื่องย่อซีรีส์ : Love Me (2025)

     ซีรีส์ใหม่จาก JTBC เรื่อง “Love Me” เตรียมลงจอในเดือนธันวาคมนี้ ดัดแปลงมาจากซีรีส์ทางโทรทัศน์ของสวีเดนในชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องราวของ ซอจุนคยอง เป็นสูตินรีแพทย์ที่ยังคงโสด เธอมีชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ ทั้งหน้าที่การงานที่ดีและรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูด แต่ลึก ๆ แล้ว เธอกลับเป็นคนโดดเดี่ยวที่เก็บงำความลับบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยได้

     ความลับนั้นคือเธอได้หนีออกมาจากครอบครัวเมื่อ 7 ปีก่อน หลังเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้ครอบครัวของเธอต้องพังทลาย เพื่อไม่ให้ความลับนี้ถูกเปิดเผย เธอจึงพยายามใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งและมั่นใจ แต่แล้วก็ได้มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาคือคนเดียวที่มองเห็นความเหงาที่เธอซ่อนไว้ภายในใจ

     ซีรีส์ที่จะพาเราไปติดตามการเติบโตของตัวละครที่รับบทโดย ซอฮยอนจิน ในขณะที่เธอได้พบกับความรักครั้งใหม่และเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งในครอบครัว โดยมีกำหนดฉายในเดือนธันวาคม

เรื่องย่อซีรีส์ : Good Boy (2025) 

     หลังจากเคยสร้างชื่อเสียงให้เกาหลีด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก อดีตนักกีฬาหลายคนกลับต้องเผชิญความจริงอันโหดร้ายเมื่อเส้นทางอาชีพจบลงเร็วกว่าที่คิด แต่พวกเขาก็ได้รับโอกาสครั้งใหม่ เมื่อถูกชักชวนเข้าสู่ หน่วยตำรวจพิเศษ “Olympics Avengers” ที่รวมอดีตนักกีฬาฝีมือฉกาจมาใช้ทักษะเพื่อปกป้องสังคม และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่เต็มไปด้วยแอ็กชันและมิตรภาพ

• ยุน ดงจู (Park Bo-Gum) อดีตนักมวยโอลิมปิกเหรียญทอง ผู้เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุด แต่ชีวิตกลับผกผันอย่างหนัก เขาเข้าหน่วยตำรวจเพื่อใช้ความแข็งแกร่งและหัวใจนักสู้เป็นอาวุธใหม่ในการยืนหยัดต่อความอยุติธรรม
• จี ฮันนา (Kim So-Hyun) ตำนานนักยิงปืนเหรียญทอง ฉายา “เทพธิดายิงปืน” แม้จะวางมือจากวงการไปแล้ว แต่สายตาอันเฉียบคมและสมาธิอันมั่นคงยังเป็นอาวุธล้ำค่าที่ทำให้เธอเป็นหัวใจสำคัญของทีม
• คิม จงฮยอน (Lee Sang-Yi) อดีตนักกีฬาผู้มาพร้อมเสน่ห์และพลังใจ เป็นกำลังสนับสนุนที่คอยเชื่อมความสัมพันธ์ในทีม และทำให้การทำงานร่วมกันราบรื่นขึ้น
• โก มันชิก (Heo Sung-Tae) อดีตนักกีฬาผู้มีปมในอดีต ความเข้มแข็งภายนอกซ่อนความลังเลภายใน ทำให้เขาเป็นคนที่ต้องต่อสู้กับตัวเองไม่แพ้การต่อสู้กับอาชญากร
• ชิน แจฮง (Tae Won-Seok) กำลังเสริมร่างยักษ์ของทีม ที่พร้อมใช้ทักษะทางกายภาพเข้าลุยในสถานการณ์เสี่ยงตาย

     แต่ภารกิจของพวกเขาไม่ได้ง่าย เมื่อเส้นทางต้องปะทะกับ มิน จูยอง (Oh Jung-Se) ชายผู้เป็นตัวร้ายหลักที่ยืนอยู่เบื้องหลังเครือข่ายอาชญากรรมใหญ่โต ซึ่งไม่เพียงท้าทายฝีมือ แต่ยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกทีมอีกด้วย

     ซีรีส์ Good Boy จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างตำรวจกับผู้ร้าย แต่ยังเป็นการถ่ายทอดการเดินทางครั้งใหม่ของอดีตนักกีฬาที่ต้องค้นหาความหมายของ “ชัยชนะ” อีกครั้ง—ชัยชนะที่ไม่ได้วัดด้วยเหรียญทอง แต่คือการปกป้องผู้คน และก้าวข้ามบาดแผลในใจร่วมกัน

เรื่องย่อซีรีส์ : Esquire (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) / Beyond the Bar (2025)

     ซีรีส์เรื่อง Esquire / Beyond the Bar จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกแห่งการแข่งขันอันดุเดือดของเหล่าทนายความในสำนักงานกฎหมายชั้นนำอย่าง Yullim

     เรื่องราวจะเน้นไปที่ ยุนซอกฮุน (รับบทโดย อีจินอุค) ทนายความอาวุโสสุดอัจฉริยะที่ความเฉียบแหลมของเขาเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่บุคลิกที่เย็นชากลับทำให้เขาไม่เป็นที่ชื่นชอบนัก และ คังฮโยมิน (รับบทโดย จองแชยอน) ทนายความฝึกหัดหน้าใหม่ผู้เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ แต่กลับมีปัญหาด้านทักษะทางสังคม

     ซีรีส์เรื่องนี้จะติดตามความสัมพันธ์แบบครู-ลูกศิษย์ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ความไม่ลงรอย แต่ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าประทับใจ ขณะที่ทั้งสองต้องร่วมกันเผชิญหน้ากับความวุ่นวายในศาลและเกมการเมืองในสำนักงานกฎหมายไปทีละคดี หากคุณกำลังมองหาซีรีส์ที่ผสมผสานความเฉียบแหลมทางกฎหมาย การไต่เต้าในสายอาชีพ และความสัมพันธ์ที่อบอุ่นหัวใจ Esquire / Beyond the Bar คือซีรีส์ที่คุณไม่ควรพลาด เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเอาชนะคดีความในศาล แต่คือการเดินทางเพื่อคว้าคุณค่าที่แท้จริงของคำว่า "Esquire" ที่จะนิยามตัวตนและเส้นทางชีวิตของพวกเขา

💡 Fun Fact

     คำว่า Esquire (อ่านว่า: เอสไควร์) เป็นคำที่ใช้เป็นคำนำหน้าหรือต่อท้ายชื่อบุคคลเพื่อแสดงถึงความเคารพค่ะ ในอดีตคำนี้มีความหมายที่เฉพาะเจาะจงมาก แต่ในปัจจุบันความหมายได้เปลี่ยนไปตามแต่ละประเทศ

ความหมายในปัจจุบัน

• ในสหรัฐอเมริกา: เป็นคำที่ใช้เฉพาะเจาะจงกับ ทนายความ เท่านั้น โดยจะนิยมใช้ในรูปย่อว่า Esq. หรือ Esq ต่อท้ายชื่อเต็มของทนายความเพื่อแสดงให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความแล้ว ตัวอย่าง: John Smith, Esq. (หมายถึง: ทนายความจอห์น สมิธ)
• ในสหราชอาณาจักร: เป็นคำที่ใช้เป็นคำยกย่องทั่วไปสำหรับผู้ชายที่สุภาพชนหรืออยู่ในชนชั้นสูง แต่ในปัจจุบันไม่ค่อยได้ใช้มากนัก โดยส่วนใหญ่นิยมใช้คำว่า "Mr." แทน

ที่มาและความหมายตามชื่อเรื่องซีรีส์

     คำว่า Esquire มีรากศัพท์มาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณที่แปลว่า "ผู้ถือโล่" (shield-bearer) ซึ่งในสมัยก่อน หมายถึงอัศวินฝึกหัดหรือผู้ที่มีตำแหน่งรองจากอัศวิน

     ดังนั้น ในซีรีส์ Esquire / Beyond the Bar จึงเล่นกับความหมายของคำนี้ได้อย่างน่าสนใจ เพราะนอกจากจะหมายถึง "ทนายความ" แล้ว ยังแฝงความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงการเดินทางของตัวละครเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพื่อเป็นผู้ที่คู่ควรกับคำยกย่องนี้ ซึ่งไม่ได้วัดกันแค่การชนะคดีความ แต่ยังรวมถึงคุณค่าและเกียรติยศที่พวกเขาต้องสร้างขึ้นในฐานะทนายความด้วยค่ะ

เรื่องย่อซีรีส์ : A Hundred Memories (2025)

     เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงยุค 80 โดยเล่าชีวิตของ โกยองรเย (รับบทโดย คิมดามี) กระเป๋ารถเมล์บนรถบัสสาย 100 ของบริษัท Cheona Transportation แม้จะเมาคลื่นแต่เธอก็ขึ้นรถทุกวันเพื่อช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพและทำตามความฝันที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัย ยองรเยเป็นคนซื่อสัตย์ ฉลาด และมีความอ่อนไหว แต่เมื่อใดที่โกรธก็ไม่มีใครหยุดเธอได้

     เธอมีเพื่อนสนิทคือ ซอจงฮี (รับบทโดย ชินเยอึน) กระเป๋ารถเมล์เหมือนกัน ผู้เต็มไปด้วยเสน่ห์และใฝ่ฝันที่จะหนีจากสภาพครอบครัวที่โชคร้าย ในขณะเดียวกัน ฮันแจพิล (รับบทโดย ฮอนัมจุน) คือลูกชายเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่ดูเหมือนจะมีชีวิตสมบูรณ์แบบทั้งหน้าตาดีและฐานะร่ำรวย แต่แท้จริงแล้วเขามีบาดแผลทางใจและกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

     เขาคือรักแรกของทั้งโกยองรเยและซอจงฮี และความสัมพันธ์ของคนทั้งสามกำลังจะกลายเป็นเรื่องราวที่ยากจะลืมเลือน

เรื่องย่อซีรีส์ : The Story of Manager Kim Who Owns a Home in Seoul and Works at a Major Corporation (2025)

     รยูซึงรยง จะมารับบทนำในซีรีส์ฉบับคนแสดงเรื่องใหม่ The Story of Manager Kim, Who Works For a Large Company in Seoul ซึ่งดัดแปลงจากเว็บตูนชื่อเดียวกันบน Naver

     ซีรีส์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวของ คิมนัมซู (รับบทโดย รยูซึงรยง) ชายวัยกลางคนผู้ซื่อตรง ซึ่งชีวิตของเขาดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ ทั้งมีตำแหน่งผู้จัดการในบริษัทใหญ่ ครอบครัวที่อบอุ่น และบ้านในย่านที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโซล แต่เมื่อเขาต้องสูญเสียทุกอย่างไปอย่างกะทันหัน เขาจึงเริ่มต้นการเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

     นัมซู คือเซลส์แมนผู้มากประสบการณ์ 25 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักจากทักษะอันยอดเยี่ยมและไม่เคยพลาดโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง แต่ชีวิตของเขาก็เริ่มพลิกผันเมื่อเขาต้องดิ้นรนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับที่ทำงานที่กำลังเปลี่ยนแปลง

     สำหรับเว็บตูนเรื่องนี้วาดโดย บยองกวาน คิม ซึ่งเริ่มเผยแพร่ในปี 2023 และได้รับความนิยมอย่างมากจากเนื้อหาที่สมจริงและกินใจผู้อ่าน จนมียอดเข้าชมเกิน 10 ล้านวิวภายในหนึ่งเดือนหลังเปิดตัว ทั้งนี้ เว็บตูนยังอ้างอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันซึ่งเขียนโดย ฮุย-กู ซง อีกด้วยค่ะ

เรื่องย่อซีรีส์ : Waiting for Gyeongdo / Surely Tomorrow (2025)

     อีกยองโด (รับบทโดย พัคซอจุน) เป็นนักข่าวประจำแผนกบันเทิงของสำนักข่าว Dongwoon Daily News เขาเป็นชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่ชีวิตของเขากลับผูกพันกับ ซอจีอู รักแรกและรักเดียวของเขา

     ทั้งสองพบกันครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปีในชมรมละครเวทีและตกหลุมรักกัน ก่อนที่จะเลิกราไป และกลับมาคบกันอีกครั้งเมื่ออายุ 28 ปี แต่ก็จบลงด้วยการเลิกราเป็นครั้งที่สอง หลายปีผ่านไป อีกยองโดได้รับมอบหมายให้ทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวของสามีของซอจีอู ทำให้เขาต้องกลับมาพบกับเธออีกครั้งหลังจากที่ต้องแยกจากกันไปนาน