Drop Off คืออะไร? วิธีส่งพัสดุแบบประหยัดเวลา ที่แม่ค้าออนไลน์ห้ามพลาด!
ในยุคที่การขายของออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและความสะดวกในการจัดส่งพัสดุถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า หลายคนจึงหันมาเลือกใช้บริการ ส่งพัสดุแบบ Drop Off เพราะสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แค่แพ็คของเสร็จ ก็เดินไปยังจุดรับฝากพัสดุใกล้บ้าน ไม่ต้องต่อคิวยาว และยังสามารถเลือกเวลาส่งได้ตามความสะดวก
ดังนั้น Drop Off จึงไม่ใช่แค่ “วิธีส่งพัสดุ” ในประเทศเท่านั้น แต่กำลังกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่แม่ค้าออนไลน์ยุคใหม่ใช้เพื่อประหยัดเวลา ลดต้นทุน และขยายโอกาสทางธุรกิจไปถึงตลาดต่างประเทศ
Drop Off คืออะไร? บริการส่งพัสดุที่ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความสะดวกให้แม่ค้าออนไลน์
Drop Off คือรูปแบบการจัดส่งพัสดุที่ผู้ส่งเป็นผู้เดินทางนำพัสดุไปฝากไว้ที่จุดรับพัสดุ (Drop Off Point) ของบริษัทขนส่งด้วยตัวเอง แทนที่จะเรียกรถแมสเซนเจอร์มารับพัสดุถึงบ้านหรือที่ทำงาน (Pick Up) จุด Drop Off เหล่านี้มักตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางง่าย เช่น
- จุดบริการของบริษัทขนส่ง
- ร้านสะดวกซื้อ
- ปั๊มน้ำมัน
- หรือแม้กระทั่งตู้ล็อกเกอร์อัตโนมัติภายในห้างสรรพสินค้า
ด้วยวิธีนี้ ผู้ส่งสามารถจัดการทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง เพียงแพ็คสินค้าให้เรียบร้อย ติดใบจ่าหน้าพัสดุ จากนั้นนำไปฝากส่งที่จุดรับได้ทันที โดยไม่ต้องรอคิวแมสเซนเจอร์หรือรอบการเข้ารับพัสดุ
ทำความเข้าใจระหว่าง Drop Off vs Pick Up
เมื่อธุรกิจออนไลน์เติบโตขึ้น ปริมาณพัสดุที่ต้องจัดส่งในแต่ละวันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย การเลือกวิธีการจัดส่งที่เหมาะกับจังหวะการทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยให้จัดการออเดอร์ได้รวดเร็วแล้ว ยังส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้าโดยตรง ปัจจุบันแม่ค้าออนไลน์นิยมใช้วิธีส่งพัสดุหลักๆ อยู่ 2 แบบ คือ Drop Off และ Pick Up
Drop Off
คือการที่ผู้ส่งนำพัสดุที่แพ็คและติดใบจ่าหน้าเรียบร้อยแล้ว ไปฝากส่งที่จุดรับพัสดุด้วยตนเอง เช่น ร้านสะดวกซื้อ จุด Drop Off พันธมิตร หรือศูนย์บริการของบริษัทขนส่ง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นและควบคุมเวลาส่งเองได้
Pick Up
คือบริการที่แมสเซนเจอร์มารับพัสดุถึงบ้านหรือที่ทำงานตามวันและเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เหมาะกับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทาง หรือมีพัสดุขนาดใหญ่และหนัก
ส่งของไปต่างประเทศแบบ Drop Off มีขั้นตอนอะไรบ้าง
การส่งพัสดุแบบ Drop Off ถือเป็นวิธีที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว เหมาะสำหรับแม่ค้าออนไลน์หรือผู้ที่ต้องการจัดการส่งพัสดุด้วยตัวเอง สำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้บริการนี้ นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้การส่งของแบบ Drop Off ราบรื่นมากขึ้น
- ขั้นตอนที่ 1: เตรียมสินค้าให้พร้อม
แพ็คสินค้าด้วยวัสดุกันกระแทก เลือกขนาดกล่องพัสดุที่เหมาะสม เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างขนส่ง - ขั้นตอนที่ 2: นำพัสดุไปยังจุด Drop Off ใกล้บ้าน
อาจเป็นร้านสะดวกซื้อ จุดบริการของบริษัทขนส่ง หรือ Smart Locker ตามที่สะดวกและเข้าถึงง่าย - ขั้นตอนที่ 3: แจ้งรายละเอียดสินค้า
หากเป็นการส่งของไปต่างประเทศ ควรเตรียมข้อมูลสำคัญ เช่น HS Code (รหัสจำแนกประเภทสินค้า) เพื่อใช้ประกอบเอกสารส่งออก พร้อมแจ้งน้ำหนักและประเทศปลายทางให้ครบถ้วน - ขั้นตอนที่ 4: ชำระค่าจัดส่ง
ชำระค่าบริการตามช่องทางที่ผู้ให้บริการกำหนด เช่น เงินสด บัตรเครดิต หรือชำระผ่านแอปพลิเคชัน - ขั้นตอนที่ 5: รับเลข Tracking
เพื่อใช้ติดตามสถานะพัสดุแบบเรียลไทม์ และมั่นใจว่าสินค้าจะเดินทางถึงมือลูกค้าต่างประเทศอย่างปลอดภัย
รวมจุดให้บริการ Drop Off สำหรับแม่ค้าออนไลน์
หนึ่งในเหตุผลที่บริการ Drop Off ได้รับความนิยมจากแม่ค้าออนไลน์คือ “ความสะดวกในการเข้าถึง” เพราะปัจจุบันผู้ให้บริการขนส่งหลายเจ้าได้ขยายจุดรับฝากพัสดุ ไปยังทำเลที่หลากหลาย ทำให้ผู้ขายสามารถเลือกสถานที่ส่งของที่ใกล้และสะดวกที่สุดได้ ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชานเมือง
- ร้านสะดวกซื้อ
เช่น 7-Eleven, FamilyMart หรือ Lotus’s go fresh ที่เปิดให้บริการเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้แม่ค้าออนไลน์สามารถฝากส่งพัสดุได้แม้ในช่วงนอกเวลาทำการของสาขาขนส่งหลัก - สาขาย่อยของบริษัทขนส่งเอกชน
เช่น Kerry Express, Flash Express, J&T Express หรือ Ninja Van ซึ่งมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ สามารถนำพัสดุไปฝากได้โดยตรงและมั่นใจในระบบ Tracking ที่แม่นยำ - ร้านพันธมิตร (Partner Shop)
ร้านขายของชำ ร้านเครื่องเขียน หรือร้านค้าปลีกที่จับมือกับบริษัทขนส่งเพื่อเปิดเป็นจุด Drop Off ช่วยให้ผู้ใช้ในชุมชนเล็กๆ ก็สามารถใช้บริการได้สะดวก - ตู้ล็อกเกอร์อัจฉริยะ (Smart Locker)
พบได้ในห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน หรือสถานีขนส่งบางแห่ง ผู้ส่งสามารถฝากพัสดุได้ด้วยตัวเองผ่านระบบอัตโนมัติ และบางแห่งเปิดบริการ 24 ชั่วโมง
AyeCargo มีบริการ Drop Off ส่งง่าย ประหยัดเวลา ขยายโอกาสการขายทั่วโลก
Drop Off คือวิธีส่งพัสดุที่ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความคล่องตัว เพียงนำสินค้าที่แพ็คเรียบร้อยไปฝากส่งที่จุดบริการใกล้บ้าน ไม่ต้องรอแมสเซนเจอร์ เหมาะทั้งการส่งในประเทศและเตรียมพัสดุสำหรับส่งไปต่างประเทศ
เมื่อใช้คู่กับบริการส่งของต่างประเทศจาก AyeCargo คุณจะได้ค่าขนส่งคุ้มค่า ระบบติดตามแบบเรียลไทม์ และการดูแลครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่เอกสารจนถึงถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย ทำให้แม่ค้าออนไลน์มั่นใจได้ว่าของถึงปลายทางตรงเวลา พร้อมสร้างความประทับใจให้ลูกค้าทั่วโลก

















