หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

No-Buy 2025: เมื่อคนรุ่นใหม่หันมาใช้ชีวิตแบบ ‘ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย’ จะอยู่รอดได้จริงไหม?

เนื้อหาโดย dream888

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวโพสต์จัง 🙏

ช่วงนี้ใครรู้สึกบ้างคะว่าแค่ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ก็เหมือนเงินละลายหายไปทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นค่ากาแฟแก้วละเกือบร้อย ค่าอาหารเดลิเวอรีที่แพงกว่าทำกินเองเกือบเท่าตัว หรือแม้แต่การซื้อเสื้อผ้า เครื่องใช้ที่บางทียังไม่ทันได้ใช้ก็เบื่อแล้ว

 

เพราะแบบนี้เลยมีเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในต่างประเทศ และเริ่มมีคนไทยบางส่วนเอามาทดลองใช้ นั่นก็คือ “No-Buy 2025” หรือการใช้ชีวิตแบบ ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยตลอดทั้งปี เพื่อดูว่าเราจะประหยัดได้แค่ไหน และมันจะทำให้เรามีวินัยทางการเงินมากขึ้นจริงหรือเปล่า

 

No-Buy คืออะไร?

 

พูดง่าย ๆ คือ ตั้งกฎให้ตัวเองว่าจะไม่ซื้อของที่ “ไม่จำเป็นจริง ๆ” ตลอดทั้งปี

สิ่งที่ยังซื้อได้ก็คือของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น อาหาร ของใช้ในบ้าน ยา หรือสิ่งที่เกี่ยวกับงาน แต่ของฟุ่มเฟือย เช่น เสื้อผ้าใหม่ ๆ กาแฟพรีเมียม แกดเจ็ตที่ไม่ได้ใช้จริง—บอกลาทั้งหมด

 

บางคนถึงขั้นตั้งกติกาเพิ่ม เช่น

 

อนุญาตให้ซื้อเฉพาะสิ่งที่ “เสีย/หมดแล้ว” เท่านั้น

 

ห้ามซื้อของออนไลน์แบบหุนหันพลันแล่น (impulse buying)

 

ถ้าอยากซื้อของสักชิ้น ต้อง “รอ 30 วัน” ถ้ายังอยากได้อยู่ค่อยตัดสินใจ

 

ทำไมคนถึงหันมาเล่น No-Buy?

 

1. เศรษฐกิจไม่แน่นอน – เงินเดือนขึ้นไม่ทันค่าครองชีพ หลายคนเลยมองหาวิธีเซฟค่าใช้จ่าย

 

2. หนี้สินรุงรัง – บัตรเครดิต ผ่อนโทรศัพท์ ผ่อนรถ ทำให้คนรุ่นใหม่ติดกับดักหนี้โดยไม่รู้ตัว

3. กระแส Minimalism – ยิ่งมีของเยอะ ชีวิตยิ่งยุ่ง บางคนอยากลองใช้ชีวิตเรียบง่ายและมีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ

 

จากประสบการณ์ของฉัน

 

บอกตรง ๆ ว่าตอนแรกแค่ได้ยินคำว่า “No-Buy” ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะอยู่ได้ถ้าไม่ซื้ออะไรเลย 😅

แต่พอได้ลองทำ “แบบเบา ๆ” ดู (เช่น เดือนแรกห้ามซื้อเสื้อผ้าใหม่ ห้ามซื้อของออนไลน์นอกเหนือจากของจำเป็น) ก็พบว่ามันเวิร์คกว่าที่คิดนะคะ

 

สิ่งแรกที่เห็นชัดคือ เงินเหลือเยอะขึ้น แบบไม่รู้ตัว ปกติสิ้นเดือนเหลือเงินเก็บน้อยมาก แต่พอไม่สั่งอาหารฟุ่มเฟือย ไม่กดสั่งช้อปปิ้งออนไลน์เล่น ๆ เงินเก็บก็งอกขึ้นมาเอง

 

สิ่งที่สองคือ เราเริ่มเห็นคุณค่าของของที่มีอยู่แล้ว เสื้อผ้าที่เคยซื้อแล้วไม่ค่อยใส่ ถูกหยิบมาใช้ใหม่ ของใช้ที่เคยวางไว้เฉย ๆ ได้กลับมามีประโยชน์อีกครั้ง

 

---

 

ประโยชน์ที่ได้จากการทำ No-Buy

 

1. เงินเก็บเพิ่มขึ้น – อันนี้เห็นผลทันตา

 

2. หนี้น้อยลง – ใครที่มีหนี้บัตรเครดิต ถ้าทำ No-Buy จริงจัง อาจมีเงินไปโปะหนี้ได้เร็วขึ้น

 

3. มีสติในการใช้จ่าย – เลิกซื้อเพราะความอยาก แต่ซื้อเพราะความจำเป็นจริง ๆ

 

4. สิ่งแวดล้อมดีขึ้น – ของที่ไม่ซื้อคือของที่ไม่ต้องผลิตเพิ่ม ไม่สร้างขยะเพิ่ม

 

อุปสรรคที่เจอ

 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายนะคะ…

 

แรงกดดันจากสังคม : บางทีเพื่อนชวนไปช้อปปิ้งหรือไปคาเฟ่ ก็รู้สึกเกรงใจว่าจะปฏิเสธยังไง

 

ความเคยชิน : มือมันคัน อยากกดสั่งของออนไลน์ ทั้งที่ไม่จำเป็น

 

ความรู้สึกว่าตัวเองขาดบางอย่าง : โดยเฉพาะช่วงแรก ๆ จะรู้สึกเหมือน “โดนกักขัง” ต้องใช้เวลาให้สมองปรับตัว

 

สิ่งที่ช่วยฉันได้คือ “ตั้งเป้าหมายให้ชัด” เช่น อยากมีเงินเก็บก้อนหนึ่งภายในสิ้นปี แล้วเอาภาพนั้นมาจินตนาการทุกครั้งที่รู้สึก

อยากซื้อของ

 

แล้วจะทำ No-Buy ยังไงให้ไม่ล้มเหลว?

 

1. เริ่มจากเล็ก ๆ ก่อน เช่น No-Buy แค่ 1 เดือน หรือเลือก No-Buy เฉพาะหมวด เช่น เสื้อผ้า/กาแฟ/ของออนไลน์

 

2. หากิจกรรมอื่นทดแทน เช่น เวลาจะช้อปปิ้งออนไลน์ ลองเปลี่ยนไปอ่านหนังสือ หรือออกกำลังกายแทน

 

3. ให้รางวัลตัวเองแบบพอดี เช่น ทำสำเร็จครบ 1 เดือน อนุญาตให้ซื้อของที่อยากได้ 1 ชิ้น

 

4. หาพาร์ทเนอร์ ชวนเพื่อนมาทำด้วยกัน จะได้คอยให้กำลังใจกัน

 

สุดท้ายนี้…

 

ฉันมองว่า No-Buy ไม่ใช่คำสั่งห้ามตายตัว แต่เป็นเครื่องมือที่ทำให้เรามีสติในการใช้เงินมากขึ้น

 

ถ้าใครอยากลอง ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดเหมือนต่างประเทศที่ทำกันเป็นปี ๆ ก็ได้ ลองเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ เช่น 1 สัปดาห์ไม่สั่งเดลิเวอรี หรือ 1 เดือนห้ามซื้อเสื้อผ้าใหม่ แค่เริ่มต้นเท่านี้ก็ช่วยให้เรา “เห็นเงินในบัญชีมากขึ้น” แล้วค่ะ

 

เพื่อน ๆ ชาวโพสต์จังเคยลองทำ “No-Buy Challenge” กันบ้างไหมคะ?

มีใครเคยลองแล้วล้มเหลว หรือทำสำเร็จจนมีเงินเก็บเพิ่มจริง ๆ มาแชร์ประสบการณ์กันหน่อยน้า 💬

เนื้อหาโดย: dream888
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
dream888's profile


โพสท์โดย: dream888
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีนแบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปีตร.เผย เวย์ ไทเทเนี่ยม ใช้ชื่อนักธุรกิจดังหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงิน 50 ล้านสภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"ไวรัลอีกครั้ง! “I Promise I Will Comeback” รีรันคืนจอตำรวจแยกสอบ 2 เคส! “เวย์ ไทเทเนี่ยม” ถูกเหยื่อแจ้งความฉ้อโกง อ้างชื่อนักธุรกิจดังตุ๋นลงทุนหุ้นทิพย์ สูญกว่า 50 ล้านตร.เผย เวย์ ไทเทเนี่ยม ใช้ชื่อนักธุรกิจดังหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงิน 50 ล้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
วิธีป้องกันตะขาบในบ้าน ลดเสี่ยงโดนกัดยาพิษ คนสนิท ความไว้ใจ : บทเรียนราคาแพงว่า…อย่าไว้ใจใครเกินไป“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
ตั้งกระทู้ใหม่