คอมเมนต์ใต้โพสต์แม่แอนสะท้อน “นิสัยโซเชียลไทย”
ตัวผมเองติดตามเพจของ แอนนี่ บรู๊ค มานาน เห็นความเป็นคุณแม่ที่สู้ชีวิตและลูกชายอย่าง น้องฑีฆายุ ที่ทั้งเก่งและน่ารัก วันก่อนคุณแม่โพสต์คลิปพร้อมแคปชันว่า
“วันนี้ น้องฑี ทำหน้าที่ล่ามให้กับครูต่างชาติในโรงเรียน #ICSN เพื่อให้ผู้ปกครองเข้าใจเนื้อหาของชั้น G2 (ป.2) … เรื่องผมน้องอย่าเพิ่งบ่นนะคะ เดี๋ยวจะเรียน รด แล้วจะไถทีเดียวค่ะ^^”
ภาพเด็กวัยรุ่นที่ลุกขึ้นมาแปลภาษาอังกฤษให้ผู้ใหญ่ฟังอย่างมั่นใจ เป็นโมเมนต์ที่น่าภูมิใจมากทีเดียว เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กอายุแค่นี้ จะมีความมั่นใจพอจะยืนพูดต่อหน้าผู้ใหญ่ และยังทำหน้าที่ “สะพานเชื่อมภาษา” ได้อย่างราบรื่น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น กลับสะท้อน “วิสัยโซเชียลไทย” ได้ชัดเจนอย่างน่าคิด เพราะแทนที่จะพูดถึงความสามารถของน้อง กลับมีคอมเมนต์จำนวนหนึ่งโฟกัสไปที่… ทรงผมและท่าทาง
-
“ทรงผมยังต้องปรับปรุง แต่ความเก่งโอเค”
-
“ผมน้องข้างหน้ายาวไปมั้ย…”
-
“น้องเป็นโรคเท้าแบนหรือเปล่า พอดีเห็นเท้าติดพื้น”
จาก “คลิปโชว์ความสามารถ” เลยกลายเป็น “เวทีตัดผมและตรวจสุขภาพเท้า” ไปซะอย่างนั้น
พฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ แต่เป็นผลสะสมจากหลายปัจจัยในสังคมไทย
1. วัฒนธรรมจับผิดมากกว่าชื่นชม
สังคมไทยมีลักษณะ “เกรงใจแต่ช่างติ” คือเวลาพูดตรง ๆ กับคนใกล้ตัวอาจไม่กล้า แต่พอมีพื้นที่ออนไลน์ที่ไม่มีผลกระทบมาก ก็กลายเป็นสนามปลดปล่อยความเห็น จุดเล็ก ๆ เช่นทรงผม หรือท่ายืนเลยถูกขยายใหญ่จนกลบสาระจริง
2. ภาพจำจากระบบการศึกษา
ทรงผมกับความเรียบร้อยเป็น“สัญลักษณ์ของความเป็นเด็กดี” มายาวนานในโรงเรียนไทย ถึงแม้ปัจจุบันหลายโรงเรียนจะผ่อนปรน แต่ภาพจำแบบ “ผมสั้น = เรียบร้อย / ผมยาว = ไม่เป็นระเบียบ” ยังฝังลึกอยู่ในสายตาคนจำนวนมาก เด็กที่เก่งและมีนิสัยเรียบร้อยแค่ไหน ถ้าผมยาวก็ยังถูกลดทอนความน่าเชื่อถือ
3. ความหมายซ่อนอยู่หลังคำแนะนำ
บางคอมเมนต์อาจไม่ได้ตั้งใจให้เป็นดราม่า แต่เขียนขึ้นด้วยท่าทีเหมือนเป็น “ความห่วงใย” หรือ “ความสงสัย” เช่น กรณีมีคนถามว่าน้องฑีเป็น “โรคเท้าแบนหรือเปล่า” ทั้งที่จริง ๆ แล้วอาจเป็นเพียงการสังเกตจากภาพ แต่เพราะพื้นที่โซเชียลไม่ได้มี “น้ำเสียง” หรือ “การอธิบายเจตนา” ประกอบ ทำให้ข้อความแบบนี้อ่านออกมาเหมือนการจับผิดหรือตีตรามากกว่า
ตรงนี้สะท้อนวัฒนธรรมการ “ทัก” ของคนไทยได้ชัด หลายครั้งเรามักจะพูดขึ้นว่า “ไม่ได้บูลลี่นะ แต่เห็นว่าน้องอ้วนขึ้น” ซึ่งแม้จะอ้างเจตนาดี แต่การทักเรื่องรูปร่าง ภาวะผิดปกติทางร่างกาย ความอ้วน ความผอม หรือแม้กระทั่งการเปรียบเทียบลักษณะภายนอก ก็ยังเป็นการละเมิดขอบเขตส่วนตัวอยู่ดี
นี่คือการที่ “วัฒนธรรมการสังเกต” ของสังคมไทย ถูกปลูกฝังให้เป็นเรื่องปกติ เราถูกสอนให้ “ใส่ใจผู้อื่น” แต่บางครั้งความใส่ใจนั้นก็ข้ามเส้นไปเป็น “การจัดการร่างกายคนอื่น” โดยไม่รู้ตัว ผลคือสิ่งที่ตั้งใจว่าเป็น “ห่วง” อาจกลายเป็นแรงกดดันเงียบ ๆ ต่อผู้ถูกทัก
ยิ่งในยุคโซเชียล ที่ข้อความถูกบันทึกเป็นตัวอักษรสั้น ๆ ไม่มีโอกาสให้เจ้าของคอมเมนต์อธิบายเจตนาจริง เสียงห่วงใยจึงง่ายมากที่จะกลายเป็นเสียงวิจารณ์ และทิ้งรอยสะเทือนใจไว้กับผู้ถูกพูดถึง
4. โซเชียลคือพื้นที่สร้างตัวตน
การคอมเมนต์ไม่ได้สะท้อนแค่สิ่งที่เห็น แต่มันคือการแสดง “ตัวตนทางสังคม” ของผู้พิมพ์ เราเลือกหยิบประเด็นอะไรมาโฟกัส ก็สะท้อนค่านิยมและโลกทัศน์ของเราไปพร้อมกัน
ภาพใหญ่ที่สะท้อนของกรณีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับผมยาวหรือเท้าแบนเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อน “โครงสร้างทางความคิด” ที่ฝังในสังคมไทย
-
เราให้น้ำหนักกับ เปลือกนอก มากกว่า แก่นจริง
-
เรามักเพ่ง “จุดเล็ก” มากกว่าชื่นชม “จุดเด่น”
-
เราใช้คอมเมนต์เป็นพื้นที่ระบาย ทั้งตลก เหน็บ และแสดงค่านิยมส่วนตัว
มันคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การอ่านสัญญะ” (semiotics) เราไม่ได้เห็นเพียงเด็กคนหนึ่งกำลังแปลภาษา แต่เราเห็น “ทรงผมที่ไม่เรียบร้อย” หรือ “ท่าทางที่ดูแปลกตา” และตีความคุณค่าเด็กคนนั้นผ่านสัญญะเหล่านี้
สิ่งที่น้องฑีทำวันนั้น การเป็นล่ามให้ครูและผู้ปกครองสื่อสารกันได้ เป็นเรื่องน่าภูมิใจมาก แต่วิธีที่ผู้ชมบางส่วนเลือกสะท้อนกลับ กลายเป็นการตัดสินจากสิ่งที่อยู่นอกเหนือความสามารถ
คำถามคือ…
-
เรากำลังเลี้ยงดูเด็กรุ่นใหม่ด้วยสายตาที่ให้คุณค่ากับ “สิ่งที่เขาทำ” หรือยังติดอยู่กับ “สิ่งที่เขาดูเป็น”?
-
พลังของคอมเมนต์จะเป็นเครื่องมือในการยกย่องและเสริมพลังใจ หรือเป็นสนามแข่งขันว่าใครจับผิดเก่งกว่ากัน?
-
ถ้าเด็กไทยทุกคนเห็นตัวอย่างนี้ พวกเขาจะเรียนรู้ว่า “ความเก่งไม่สำคัญเท่าทรงผม” หรือไม่?
คลิปสั้น ๆ ของน้องฑีฆายุ กับคอมเมนต์ใต้โพสต์ของแม่แอน อาจดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในโซเชียล แต่จริง ๆ มันสะท้อน “โครงสร้างความคิดและวัฒนธรรมการวิจารณ์” ของคนไทยได้ชัดเจน
บางครั้งสิ่งที่เราพิมพ์ออกไป อาจไม่ได้บอกอะไรมากเกี่ยวกับเด็กที่อยู่ในคลิป แต่มันบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ เรา ต่างหาก
สุดท้ายแล้ว… จะดีกว่าไหม ถ้าเราหันมาใช้พลังของคอมเมนต์เพื่อขยายความภูมิใจใน “ความสามารถ” มากกว่าลดทอนด้วย “ภาพเปลือกนอก”?
ภาพและเรื่องบันดาลใจให้เขียน จาก : @annie_teekayu / https://www.facebook.com/brooks4289
อ้างอิงจาก: ภาพและเรื่องบันดาลใจให้เขียน จาก : @annie_teekayu / https://www.facebook.com/brooks4289
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
เขมรพังเรื่อยๆ ไทยปิดด่าน ทำเอาชาวเขมรโมโห เผานาทิ้ง เนื่องจากขายข้าวไม่ได้
หลาน ฮุนเซน หอบเงินหนีออกนอกประเทศ หลังบริษัท เจ๊ง
เขมรพังเรื่อยๆ ไทยปิดด่าน ทำเอาชาวเขมรโมโห เผานาทิ้ง เนื่องจากขายข้าวไม่ได้
เกิดอะไรขึ้นกับดีไซน์ไทย? เทียบป้ายกีฬา ‘2541 vs 2568’ ทำไมของใหม่กลับเชยกว่าเดิม
เมนูอีสานแซ่บๆ: แจ่วปลาร้าพริกสด
เขมรขวัญผวา ทัพไทยเหนือชั้น เปิดตัวอาวุธใหม่จากอิสราเอล พร้อม Gripen E/F สุดโหด!
"ดีเจดาด้า" หมารอบสอง "มดดำ" ร่ายยาวเรื่องที่รู้ ทำให้ไม่เชื่ออีกต่อไป
สัญญาทาส? อดีตสมาชิก THE BOYZ "จูฮักนยอน" เผชิญวิกฤตชีวิต ถูกเรียกค่าปรับ '50 ล้านบาท' หลังถูกโยงข่าวฉาวกับอดีต AV สตาร์
“ข้าวโพด” แฉกลางรายการ “เวย์” โกรธหนักหลังเรื่องแดง ยืนยันอยู่ในทุกเหตุการณ์ที่นานาคุยด้วย – ย้อนคำพูดโต๊ะอาหาร “ยูต้องขอบคุณไอนะ”
ภาพวินาทีที่ “คุณนานา” ได้กอดลูก หลังถูกประกันตัวออกมา ทันทีที่เจอกัน เด็กทั้งสองคนวิ่งเข้ากอดแม่ทันที


