"ผีเรือน"ในวัฒนธรรมตะวันตกเป็นอย่างไร

ผีเรือน(Household Spirit) คืออะไร

      ในบรรดาผี(ในบางตำราเช่นตำราแม่มดจะเรียนผีเหล่านี้เป็นสปิริต) ทั้งหลาย "ผีเรือน" ถือเป็นผีที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์ที่สุดชนิดหนึ่งเลยครับ ผีเรือนเป็นผีที่สถิตอยู่ในบ้านที่มนุษย์อาศัยอยู่ พวกเขาเป็นจิตวิญญาณที่ดำรงอยู่มายาวนานซึ่งดั้งเดิมนั้นพวกเขาก็มีอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว ก่อนที่มนุษย์จะนำพวกเขามา ผีเรือนยังรวมไปถึงเทพเจ้าประจำบ้านอีกด้วย

     ผีเรือนมีหลายประเภทตามแต่วัฒนธรรมและภูมิภาค บ้านทุกหลังจะมีภูต/ผีของตนเองเป็นดวงวิญญาณของประจำบ้าน บ้านทุกหลังที่สร้างขึ้นจากวัสดุอย่างไม้ หิน อิฐและอื่น ๆ ซึ่งมาจากธรรมชาติล้วนแต่นำวิญญาณ ภูติติดมาด้วย หากคุณเชื่อว่าสมุนไพร คริสตัลมีวิญญาณสถิตอยู่ บรรพบุรุษของเราก็เชื่อเช่นนั้นเช่นกัน 

     ผีเรือนเป็นที่ยอมรับในวัฒนธรรมต่าง ๆ มาแต่โบราณ พวกเขาเป็นดวงวิญญาณโบราณที่ผูกพันกับผืนดินหรือต้นไม้ ผีเรือนสามารถให้คุณหรือโทษแก่ผู้อาศัยได้ ผีเรือนบางชนิดเมื่อได้รับบางสิ่งก็จะหายจากไปจากที่นั้น ผีเรือนบางชนิดสามารถก่อความขุ่นเคือง สร้างความรบกวนแก่ผู้อาศัยที่ปล่อยปะละเลยพวกเขา

ผีเรือนมีปรากฏในตำนานทั่วโลกอย่างมีลักษณะอย่างไร?

     ในอียิปต์โบราณมี "เบส" (Bes) ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์บ้านเรือนของสามัญชน หลายครอบครัวจึงสร้างแท่นบูชาเพื่อบูชาเทพเบส เทพเบสได้รับการอัญเชิญมาเพื่อปกป้องบ้านเรือน ประทานซึ่งความอุดมสมบูรณ์และช่วยเหลือในเรื่องการคลอดบุตรอีกด้วย เทพประจำบ้านของอียิปต์มักวาดภาพให้ถืองูไว้ในมือ

      ในสมัยโรมันจะมีเทพเจ้าที่เรียกว่า "แลรีส(Lares)" ในแต่ละบ้านจะมีแท่นบูชา บ้านที่มีฐานะร่ำรวยจะมีประติมากรรมที่แสดงถึงเทพประจำบ้านและมีเครื่องเซ่นไหว้วางอยู่ด้านหน้า รูปปั้นเทพเจ้านี้จะถูกวางบนโต๊ะอาหารเพื่อร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน แลรีสจะทำการป้องกันบ้านและครอบครัวจากความเจ็บป่วยและการบุกรุก

      ในสก๊อตแลนด์มีผีเรือนที่เรียกว่า "บราวนี(Brownie)" ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโนม เขาชอบช่วยเหลือแม่บ้านทำงานขณะที่ทุกคนนอนหลับ ในไอริชมี "บันที(Bean-Tighe)" ซึ่งเป็นหญิงแห่งบ้านซึ่งคอยช่วยเหลือดูแลบ้านและเด็ก มักปรากฏในบ้านของหญิงหม้ายและหญิงชรา

     ในเยอรมันมีผีเรือนที่เรียกว่า "คอบอลต์(Kobold)" มีลักษณะเป็นสปิริตที่มองไม่เห็นแต่ส่งเสียงได้อย่าง "ผีโพลเตอร์ไกสต์" มักช่วยทำงานบ้านในครัวหรือคอกม้า 

        ในสวิสแลนด์มี "แจ็คอินเดอะโบล์(Jack-in-the-bowl)" มีหน้าที่คอยช่วยเหลือและดูแลบ้าน 

      ในอังกฤษมี "ฮ็อบ(Hob)" ซึ่งมีขนาดเล็ก พวกมันทำงานในฟาร์มแต่ก็สร้างความรำคาญได้ถ้ามันไม่พอใจ

       ในสวีเดนมีผีเรือนที่เรียกว่า "ทอมเท(Tomte)" สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กคล้ายมนุษย์สวมหมวกแดงและเสื้อผ้าสีเทา ชอบทำงานบ้านและคอกม้า

        ในรัสเซียมี "โดโมวอย(Domovoy)" ซึ่งเป็นบุคคลาธิษฐานของร็อดซึ่งเป็นพระเจ้าสูงสุดซึ่งคอยดูแลบ้านและครอบครัว นอกจากนี้ยังมีอีกมากมายเลยครับ

      ส่วนผีเรือนของไทยนั้นจะเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าบ้านให้ความเคารพกราบไหว้ ผีเรือนจะคอยให้การคุ้มครองแก่ผู้อาศัยภายในบ้าน นิยมกราบไหว้ผีเรือนในเทศกาลปีใหม่หรือวันเกิด ผีเรือนของไทยจะมีรูปร่างเหมือนมนุษยืทั่วไป แต่งกายด้วยชุดไทยแบบโบราณ

      บรรพบุรุษโบราณส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าทุกสิ่งในธรรมชาติมีจิตสำนึกของตนเอง เมื่อต้นไม้ถูกตัดและนำสิ่งของจากธรรมชาติอื่นมาสร้างบ้าน ผีหรือวิญญาณที่เชื่อมโยงกับสิ่งเหล่านี้จึงถูกนำเข้ามาภายในบ้าน บางคนมีความเชื่อว่าภูต ผี วิญญาณ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สำหรับสร้างบ้านจะลายเป็นผีเรือน  ด้วยเหตุนี้จึงมีความเชื่อด้านโชคลางมากมายเกี่ยวกับสถานที่สำหรับสร้างบ้าน

      ตัวอย่างที่คุณสามารถเห็นได้ชัดเจนก้คือบรรพบุรุษของชาวสแกนดิเนเวีย พวกเขาจะพักค้างคืน ณ สถานที่สำหรับสร้างบ้านใหม่เพื่อทำการดูว่าวิญญาณชั่วร้ายจะปรากฏตัวหรือไม่ หากเขานอนหลับอย่างสงบบ้านก็จะถูกสร้างขึ้นในพื้นที่นั้น

      วิธีในการตรวจสอบพื้นที่มีอยู่หลายวิธีด้วยกันครับ อย่างเช่น การตรวจสอบว่าพื้นดินบริเวณนั้นหรือต้นไม้ใกล้เคียงมีร่องรอยของไฟไหม้มาแล้วหรือไม่ ไฟถือเป็นลางร้ายที่เชื่อมโยงกับวิญญาณอันชั่วร้าย สิ่งนี้จึงทำให้หลายคนหลีกเลี่ยงการสร้างบ้านในพื้นที่ซึ่งเคยเกิดไฟไหม้นั่นเอง

       การได้มาซึ่งผีเรือนในบางวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ากลัว อย่างในยุโรปตะวันออกและบางส่วนของเอเชียในสมัยโบราณ เมื่อมีการสร้างบ้านใหม่จะมีการนำมนุษย์มาสังเวยชีวิตและฝังไว้ในกำแพงหรือเตาผิงเพื่อให้วิญญาณนั้นมีความผูกพันธ์กับบ้านหลังนี้ไปชั่วนิรันดร์และกลายเป็นผีเรือนประจำบ้านนี้ในที่สุด

        เมื่อสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตอย่างทารุณภายในบ้าน หน้าต่างจะถูกเปิดออกทันทีเพื่อทำการปลดปล่อยวิญญาณให้ออกมา การทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้วิญญาณวนเวียนสร้างความเสียหายแก่ผู้อาศัยในบ้าน หากครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่ที่เดิม เจ้าของบ้านเดิมก็จะกลายเป็นปีเรือนประจำบ้านนั้น บรรพบุรุษที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านมาก่อนก็สามารถกลายเป็นผีเรือนได้เช่นกันครับ

สัญญะของการมีอยู่ของผีบ้านผีเรือนตามแบบตะวันตก เราจะรู้ได้อย่างไร (นี่คือความเชื่อส่วนบุคคล) 

     1. สิ่งของเคลื่อนที่หรือหายไปและปรากฏขึ้นอีกครั้งในสถานที่แปลก ๆ

     2. ได้ยินสิ่งแปลก ๆ เช่น เสียงฝีเท้าเบา ๆ หรือเสียงเคาะโดยเฉพาะเวลากลางคืน

     3. ความรู้สึกเหมือนคุณถูกจับตามองอยู่ตลอด

     4. การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของพลังงานในบ้าน เช่น อบอุ่นขึ้นหรือเย็นลง หนักหน่วงและตึงเครียด

     5. สัตว์เลี้ยงมีพฤติกรรมที่ผิดปกติเนื่องจากสัตว์สามารถรับรู้วิญญาณได้งง่ายกว่า

     6. ไฟกระพริบหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำงานผิดปกติ

     7. พบเจอสิ่งเล็กน้อย เช่น เหรียญ ขนนก คริสตัลหรือวัตถุอื่น ๆ โดยไม่คาดคิด

      การดูแลผีบ้านผีเรือนตามแบบตะวันตกเบื้องต้นนั้น วิธีที่นิยมทำกันก็คือการถวายเครื่องเซ่นไหว้จำพวกอาหาร การให้อาหารแก่ผีเรือนไม่ใช่การบำรุงร่างกายแต่เป็นการให้พลังงานจากอาหารเหล่านั้น ถวายเครื่องเซ่นจำพวก ขนมปัง น้ำผึ้ง นมหรือน้ำชา ผีเรือนชอบอาหารแบบง่ายจากธรรมชาติ

          นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นที่สามารถเติมพลังงานให้แก่พวกเขาด้วยการจุดเครื่องหอม(ธูปหรือกำยาน) การจุดเทียน การเล่นดนตรี การถวายดอกไม้หรือเครื่องหอมแบบอื่นอย่างน้ำมันหอม คุณสามารถถวายดอกไม้สด สมุนไพรหรือคริสตัลไว้บนแท่นบูชาเล็ก ๆ ซึ่งต้องรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

        การดูแลผีเรือนก็คือการดูแลบ้านที่อาศัยด้วย คุณต้องรักษาความสะอาดของบ้านอย่างเป็นประจำ การรักษาพลังงานของบ้านให้น่าอยู่ หลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในบ้าน สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ผีเรือนรู้สึกสบายใจ หากบ้านรกหรือวุ่นวายอาจทำให้ผีเรือนถูกรบกวนได้

        การกล่าวขอบคุณแก่ผีเรือนที่คอยดูแลรักษา ปกป้องคุ้มครองบ้านถือเป็นสิ่งที่ควรทำ คุณสามารถกล่าวคำขอบคุณขณะที่คุณถวายเครื่องเซ่นไหว้หรือเมื่อคุณรู้สึกว่าพวกเขาได้ช่วยเหลือคุณ การสละเวลาในการดูแลผีเรือนถือเป็นหน้าที่ของผู้อาศัยที่ดี รับรองว่าผีเรือนจะอวยพรซึ่งความอุดมสมบูรณ์ ความรุ่งเรืองแก่คุณและบ้านของคุณอย่างแน่นอน