จากคุก....สู่เขียงเนื้อมนุษย์

เงียบเหมือนชาวบ้านทั่วไป แต่ฆ่าอย่างปีศาจ

              ถ้าวันหนึ่งคุณเดินไปที่ตลาดเช้า แม่ค้าหยิบเนื้อสีแดงสดใสขึ้นมาแล้วบอกว่า นี่คือเนื้อนกกระจอกเทศ สดใหม่จากฟาร์ม แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณ คือชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ถูกฆ่าชำแหละ คุณจะกล้ากินมั้ย ถ้ารู้ว่าเหยื่อ อาจเป็นใครบางคนที่คุณเคยเดินสวนกันเมื่อวานนี้

              คดีนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน มณฑลยูนนาน ฆาตกรชาวจีนคนนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 2013 หลังจากที่เขาฆ่าเหยื่อที่เป็นผู้ชาย 11 คน ระหว่างเดือนมีนาคม ปี 2008 ถึงเดือนเมษายน ปี 2012 คดีนี้เป็นการฆาตกรรม แต่การกระทำของเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่การฆ่าเท่านั้น เหยื่อแต่ละราย เขาได้ทำลายหลักฐาน เผาบ้าง ฝังบ้าง ที่เลวร้ายไปกว่านั้น เหยื่อบางรายเขากิน และ บางครั้งเขาได้นำชิ้นส่วนเนื้อมนุษย์ไปเลี้ยงสุนัขของเขา และ ขายส่วนอื่นๆ ในตลาดสด

              จาง หย่งหมิง เกิดในปี 1956 – 10 มกราคม 2013 เรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของจาง หย่งหมิง มีข้อมูลน้อยมาก เขาเป็นที่รู้จักในนาม ปีศาจกินคน จาง หย่งหมิง เคยถูกจับกุมและถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 1979 ในข้อหาฆ่าคนโดยเจตนา ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า เขาฆ่าคนเพราะสาเหตุใด ศาลตัดสินโทษประหารชีวิต แต่เป็นโทษประหารแบบรอลงอาญา 2 ปี ต่อมาถูกลดโทษ เป็นจำคุกตลอดชีวิต และ ได้ลดหย่อนโทษเรื่อยมา เขาได้รับการปล่อยตัวในเดือนกันยายน 1997 หลังจากได้รับการลดโทษ เขาได้รับที่ดินบางส่วนใกล้หมู่บ้านหนานเหมินของเขา และ ได้รับเงินเบี้ยยังชีพจากรัฐบาลท้องถิ่น แต่เขากลับไม่รู้สึกขอบคุณ เขาใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ คนเดียว เขาชอบเล่นหมากรุก ทำสวน และดูเหมือนจะปรับตัวได้

              หลังจากพ้นโทษออกมา เขาได้เริ่มก่ออาชญากรรมอีกครั้งตั้งแต่ปี 2008 โดยเริ่มทำร้ายผู้ชายที่เดินคนเดียวบนถนนที่เงียบสงบใกล้บ้านที่เขาอาศัยอยู่คนเดียว เขาใช้วิธีรัดคอ ทำให้หมดสติ และชำแหละร่างกาย ในช่วง 4 ปีมีเด็กหนุ่มหายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย พ่อแม่ของพวกเขาเชื่อว่า พวกเขาถูกจับตัวไป เพื่อไปทำงานในโรงงานอิฐผิดกฎหมาย ไม่มีใครคาดคิดว่า จาง หย่งหมิง ชาวสวนผู้เงียบขรึม จะเป็นผู้ก่อเหตุ ประกอบกับ เจ้าหน้าที่ของรัฐทำงานล่าช้า และไม่ดำเนินการใดๆ ต่อกรณีการหายตัวไปจำนวนมากของเด็กหนุ่ม

              เหตุการณ์ก่อนที่จาง หย่งหมิง จะถูกจับกุม เขาได้พยายามรัดคอของเด็กชายวัย 17 ปี ทางด้านหลัง ด้วยสายเข็มขัด แต่โชคดีมีเพื่อนบ้านมาพบเห็น ประกอบกับเด็กชายร้องขอความช่วยเหลือ ตำรวจเข้าจับกุมเขา แต่ต้องปล่อยตัวเขาไป เพราะเขายืนยันว่าแค่หยอกล้อเล่นกับเด็กชาย ในเดือน เมษายน 2012 เหยื่อรายสุดท้ายอายุ 19 ปี ชื่อ หาน เหยา ซึ่งได้รับการยืนยันว่าถูกฆาตกรรม หาน เหยา หายตัวไปขณะเขากลับจากโรงเรียน ตำรวจท้องถิ่นเปิดการสืบสวนและควบคุมตัว จาง หย่งหมิง เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งพบบัตรโทรศัพท์ บัตรธนาคาร และบัตรอื่นๆ อีกมากมายของหาน เหยา และเหยื่อคนอื่นๆ ที่เสียชีวิตในบ้านของเขา 

              ตำรวจเข้าตรวจสอบภายในบ้านของ จาง หย่งหมิง  พวกเขาเห็นถุงพลาสติกแขวนอยู่หน้าบ้านของเขา มีสิ่งที่ดูเหมือนกระดูกโผล่ออกมา เมื่อเข้าไปในบ้าน ตำรวจรายงานว่า พบลูกตามนุษย์ถูกเก็บรักษาไว้ในขวด และ สิ่งที่ดูเหมือนเนื้อมนุษย์กำลังตากแห้ง ซึ่งภายหลัง เขานำไปขายในตลาด หลักฐานทางกายภาพและการเปรียบเทียบ DNA จำนวนมาก แสดงให้เห็นว่า จาง หย่งหมิง จากหมู่บ้านหนานเหมิน เป็นผู้ฆ่าเด็กหนุ่มทั้ง 11 คน

              กรกฎาคม 2012 จาง หย่งหมิง ถูกพิพากษาให้ประหารชีวิต เขาไม่ยื่นอุทธรณ์ และ ยอมรับโทษโดยไม่มีข้อโต้แย้ง 10 มกราคม 2013 จาง หย่งหมิง ถูกประหารชีวิตด้วยการ ยิงเป้า ตำรวจแถลงปิดคดี แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนชาวจีนแสดงความไม่พอใจต่อระบบที่ปล่อยให้ฆาตกรเดิมออกมา และ ปล่อยให้ก่ออาชญกรรมอีกครั้ง

              แรงจูงใจในการก่อเหตุฆาตกรรมของจาง หย่งหมิง ไม่ได้ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจน เขาเคยติดคุกเพราะฆ่าคนตายโดยเจตนา กลับออกมาใช้ชีวิตแบบปกติ ไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ลักษณะเย็นชา เงียบ ไม่แสดงอารมณ์ บ่งชี้ถึงการไร้ความรู้สึกต่อความตาย เขาไม่เคยได้รับการตรวจสุขภาพจิตอย่างเป็นทางการ แต่พฤติกรรมสอดคล้องกับฆาตกรต่อเนื่องหลายราย ซึ่งน่าจะเกิดจากความผิดปกติทางด้านจิตใจ

              เขาใช้ชีวิตแบบเงียบๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีเป้าหมาย การฆ่าอาจจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เขามีอำนาจ หรือ ยังควบคุมอะไรบางอย่างได้ เขาไม่ได้ฆ่าเพราะความโกรธ ไม่ใช่เพราะความจน และ ไม่ใช่เพราะเงิน เขาฆ่าเพราะ ไม่มีความรู้สึกต่อความตายของผู้อื่น และ ไม่เห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์ นี่คือลักษณะของ ฆาตกรต่อเนื่องเชิงจิตวิทยา

              ในคดีของ จาง หย่งหมิง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีส่วนร่วมที่ทำให้เกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่อง เพราะมีเหยื่อหายตัวไปหลายรายอย่างไร้ร่อยรอย ตั้งแต่ปี 2008-2012 แต่ตำรวจกลับไม่เชื่อมโยงคดีเข้าด้วยกัน ไม่สืบสวนเชิงลึก และละเลยสัญญาณผิดปกติหลายอย่าง เช่น ชาวบ้านได้พบสิ่งผิดปกติหลายอย่างในบ้านของจาง หย่งหมิง ไม่ว่าจะเป็น เชือก ถุงพลาสติกดำ กองอยู่หน้าบ้าน และ เขามักเผาอะไรบางอย่างหน้าบ้าน อีกทั้งยังมีกลิ่นประหลาดลอยมาบ่อยๆ

              คดีนี้จึงสรุปได้ว่า จาง หย่งหมิง ไม่ใช่แค่ฆาตกรธรรมดา แต่คือฆาตกรที่เคยฆ่าคนมาก่อน พ้นโทษ และ กลับมาฆ่าอีก พร้อมกับสะท้อนให้เห็นระบบความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ปล่อยให้เขาออกมาทำผิดซ้ำสอง