โดนฝนทำให้เป็นไข้หวัดจริงหรือเปล่า?!
ไข้หวัดเกิดจาก การติดเชื้อไวรัสบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ โดยเชื้อที่ก่อให้เกิดไข้หวัด มักจะเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่ไม่รุนแรง อาการของไข้หวัดช่วงแรก 2-3 วัน อาจจะทำให้รู้สึกแย่ แต่หลังจากนั้นอาการจะทุเลาลง ซึ่งโรคไข้หวัดจะมีอาการอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์
การที่ ‘โดนน้ำฝนไม่สามารถทำให้เป็นไข้หวัดได้’ เพราะ หวัดไม่ได้เกิดจากฝนโดยตรง เพียงแต่ในเวลาที่ฝนตก จะมีทั้งลมทั้งฝนที่อาจพัดพาเชื้อไวรัสมาในอากาศ คุณอาจเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัสในอากาศจากที่โล่งแจ้ง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ความชื้นที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
สาเหตุ เมื่อตากฝนแล้วทำให้เป็นหวัด มาจากปัจจัยหลักดังนี้
1.อุณหภูมิร่างกายลดลง เมื่อฝนตก ร่างกายจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะถ้าเสื้อผ้าเปียก น้ำฝนจะดูดความร้อนจากร่างกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงชั่วคราว จึงมีโอกาสติดเชื้อไวรัสไข้หวัดง่ายขึ้น
2.เชื้อไวรัสแพร่ได้ง่ายในสภาพอากาศเย็นชื้น อากาศชื้นและเย็นเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่รอด และ แพร่กระจายของไวรัสไข้หวัด เช่น ไวรัส Influenza หรือ Rhinovirus
3.ร่างกายอ่อนแอจากความเครียด หรือ พักผ่อนไม่พอ หากโดนฝนในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น นอนน้อย เครียด หรือ กินอาหารไม่ครบหมู่ ก็ยิ่งเสี่ยงเป็นหวัดง่ายขึ้น
4.สัมผัสสิ่งปนเปื้อนหลังโดนฝน มือที่เปียกหรือเปื้อนจากร่มหรือพื้นเปียก อาจสัมผัสจมูกกับปาก โดยไม่รู้ตัว ทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้
วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากไข้หวัดเมื่อต้องโดนฝน
เมื่อฝนตกควรหาที่ร่มเพื่อหลบลมและฝน หลีกเลี่ยงการตากฝน แต่หากเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกลับถึงบ้าน ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้ง อย่าลืมการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เริ่มจากการกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และ ยังทำให้ฟื้นฟูจากอาการไข้หวัดได้เร็วขึ้นอีกด้วย






















