เสียงที่แตกต่าง
บางทีเสียงของประชาชนที่ออกไปตากแดดตากฝนอาจไม่ได้ต้องการอะไรที่ซับซ้อนอย่างที่ใคร ๆ ตีความ เขาอาจต้องการแค่ "ประเทศที่เขารักจะดีขึ้นกว่านี้" ก็ได้
เสียงที่แตกต่าง
อักษราลัย
หลายคนดูแคลนเมื่อเห็นป้าสมศรีเอามือตบมาล้างทำความสะอาดพร้อมเช็ดนกหวีดตัวเก่งของเธออีกครั้ง
แนวคิดการเมืองที่ไม่เคยลงรอยแม้จะอยู่ในบ้านเดียวกัน ความคิดที่ไม่อาจแสดงออกถึงความเห็นต่าง เพราะไม่อยากมีปัญหา ถูกบ่มเพาะในสังคมไทยมาช้านาน เราควรคิดว่าอะไรคือตัวจุดชนวนของการแบ่งแยกมากกว่าจะมองว่าอีกคนที่คิดต่างคือ "ศัตรู" หรือไม่ เสียงนี้สะท้อนอยู่ในใจมานานหลายปี นับจากการเดินทางไปร่วมชุมนุมครั้งสุดท้าย
เสียงนกหวีดกรีดก้องไปทั่วถนนอีกครั้งในวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ท่ามกลางแดดบ่ายที่แผดเผา ป้าสมศรีในวัยใกล้เกษียณค่อย ๆ ยกมือลายธงชาติที่เคยตบดังสนั่นขึ้นโบกไปมาอย่างแผ่วเบา เธอมายืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว...
ไม่ใช่ครั้งแรก และก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะมายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่สมัยพันธมิตรเสื้อเหลืองปี 49 ที่เธอแทบจะถวายชีวิตให้กับการชุมนุม คลื่นมหาชนที่หลั่งไหลจากต่างจังหวัดเข้าสู่เมืองกรุงเพื่อ "กอบกู้ชาติ" ในความคิดของเธอ วันนั้นป้าสมศรีคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้สัมผัสถึงพลังของความเป็นกลุ่มก้อน เธอรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง
รู้สึกเป็น "คนดี" ที่ออกมารวมตัวกันต่อสู้กับ "คนโกง" เสียงตบมือที่ประสานกันดังกึกก้อง สะท้อนความหวังและความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
มาจนถึงสมัย กปปส. นกหวีดพลาสติกสีเขียวอันจิ๋วกลายเป็นสัญลักษณ์ติดตัวของเธอ เธอเชื่อมั่นอย่างสุดใจว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ด้วยพลังของมวลชน แม้ว่าหลายครั้งการชุมนุมจะยืดเยื้อจนเธอต้องหอบข้าวหอบของไปนอนค้างคืนที่เต็นท์สนาม แต่เธอก็ไม่เคยท้อถอย เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นคือการ "เสียสละเพื่อชาติ"
ลูก ๆ ของป้าสมศรีก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการออกไปชุมนุมของเธอทุกครั้ง พวกเขามองว่าแม่หลงติดกับการเมืองมากเกินไป แต่สำหรับป้าสมศรี นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่มันคือ อุดมการณ์ มันคือความรู้สึกผูกพันกับผืนแผ่นดินไทย และความปรารถนาที่จะเห็นประเทศชาติดีกว่าที่เป็นอยู่
วันนี้ ผู้คนไม่ได้มากเท่าเก่า เสียงนกหวีดไม่ได้ดังสนั่นเหมือนเมื่อก่อน แต่สำหรับป้าสมศรี เสียงนกหวีดนั้นยังคงก้องอยู่ในใจเสมอ เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่ดูเหมือนจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ในใจพลางคิดว่า "มันจะต้องออกมากันอีกกี่ครั้งกี่ครา เราถึงจะมีบ้านเมืองอย่างที่ฝันเสียทีนะ"
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเธอมานานหลายปี ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุดบางครั้งก็คืบคลานเข้ามา แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ เห็นใบหน้าของผู้คนหลากหลายวัยที่ยังคงยืนหยัดด้วยความหวังเดียวกัน เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังที่กลับมาเติมเต็มอีกครั้ง
มันไม่ใช่แค่เสียงเรียกหาความยุติธรรม แต่มันคือเสียงสะท้อนของความหวังที่ไม่เคยจางหายไปจากใจคนเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เชื่อมั่นว่า
สักวันหนึ่ง ประเทศไทยที่เธอรักจะก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริง แม้จะไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน หรือต้องออกมาส่งเสียงอีกกี่ครั้ง แต่ตราบใดที่ยังมีแรง เธอก็พร้อมจะยืนหยัดอยู่ตรงนี้ เพื่อบ้านเมืองที่เธอใฝ่ฝัน
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
มิตรภาพใต้สมุทร เมื่อ "วาฬเพชฌฆาต" จับมือ "โลมา" ร่วมทีมล่าล่าเหยื่อ
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
การกินต้นหอมเป็นประจำ มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง?
ช่องอานม้าแตก! ทหารไทยรุกยึดบังเกอร์ ปักธงชาติคืนพื้นที่
วิมานบนดินที่ไร้เงาเจ้าของ เจาะปมคฤหาสน์ลอยฟ้า 658 ล้านที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์แห่งความล้มเหลว
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



