มารี อองตัวเน็ตต์ ราชินีผู้ถูกเข้าใจผิดและสัญลักษณ์แห่งการล่มสลายของราชวงศ์ฝรั่งเศส
ในประวัติศาสตร์โลก มีราชินีไม่กี่พระองค์ที่จะโด่งดังและถูกจดจำมากเท่า มารี อองตัวเน็ตต์ ราชินีแห่งฝรั่งเศส แม้ภาพลักษณ์ของพระนางจะถูกนำเสนอในแง่ลบมาโดยตลอด ทั้งการใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยและประโยคคลาสสิกที่ว่า “ให้พวกเขากินเค้กสิ” แต่เบื้องหลังความเข้าใจผิดเหล่านั้น กลับซ่อนเรื่องราวของสตรีผู้ต้องรับบทบาทสำคัญท่ามกลางยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการล่มสลายของระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศส
มารี อองตัวเน็ตต์ หรือ ดัชเชสมาเรีย อันโทเนีย โจเซฟา โยฮันนา แห่งออสเตรีย ประสูติเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1755 ในฐานะพระธิดาองค์ที่ 15 ของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา พระมารดาของพระนางทรงใช้การแต่งงานของโอรสธิดาเป็นเครื่องมือในการสร้างพันธมิตรทางการเมือง มารี อองตัวเน็ตต์จึงต้องแบกรับหน้าที่นี้ โดยทรงหมั้นหมายกับเจ้าชายหลุยส์ ออกัสต์ รัชทายาทแห่งฝรั่งเศสเมื่ออายุ 12 ปี พระนางเป็นผู้มีบุคลิกสดใสร่าเริง รักอิสระ และโดดเด่นด้านดนตรี แม้จะทรงได้รับการศึกษาเพื่อเตรียมตัวเป็นราชินี แต่ก็ไม่โปรดการเรียนรู้เชิงวิชาการนัก
วันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1770 มารี อองตัวเน็ตต์เข้าพิธีอภิเษกสมรสและเดินทางจากกรุงเวียนนาสู่ฝรั่งเศส พร้อมเปลี่ยนพระนามเป็น มารี อองตัวเน็ตต์ ชีวิตในราชสำนักแวร์ซายส์เต็มไปด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดและสายตาจับจ้อง ทำให้พระนางเครียดและอึดอัดมากในช่วงแรก พระสวามีอย่างเจ้าชายหลุยส์ ออกัสต์ ซึ่งเป็นคนเงียบขรึมและชอบเก็บตัว ก็ไม่ได้เข้าขากับพระนางที่เป็นสาวสังคม ส่งผลให้กว่าที่ทั้งสองจะมีโอรสธิดาด้วยกัน ก็กินเวลาถึง 7 ปี
เมื่อเวลาผ่านไป มารี อองตัวเน็ตต์เริ่มปรับตัวและเป็นผู้นำเทรนด์ด้านการแต่งกาย ทรงผม "พฟ" ที่สูงโดดเด่นเป็นภาพจำของพระนาง แต่ความฟุ่มเฟือยในการใช้จ่ายเพื่อแฟชั่นและงานปาร์ตี้ ทำให้พระนางถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนและขุนนางบางส่วน การที่พระนางทรงใช้ตำหนักตรีอานงน้อยเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายและใช้ชีวิตเรียบง่าย กลับถูกตีความว่าไม่เข้าใจความทุกข์ยากของประชาชน และมีข่าวลือเรื่องชู้รักตามมา
หลังจากมีโอรสธิดาถึง 4 พระองค์ มารี อองตัวเน็ตต์ทรงเริ่มมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนออสเตรียและยุยงให้ฝรั่งเศสเข้าร่วมสงครามปฏิวัติอเมริกา ซึ่งส่งผลให้ฝรั่งเศสต้องใช้งบประมาณมหาศาลจนแทบล้มละลาย สิ่งเหล่านี้ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับประชาชนที่มองว่าพระราชินีไม่ซื่อสัตย์ต่อฝรั่งเศส
กรณีสร้อยเพชร เป็นแผนการฉ้อโกงที่นางกำนันชาน เดอ ลา มอธ วางแผนขึ้น โดยกล่าวหาว่าพระนางต้องการสร้อยเพชรและให้คนอื่นไปซื้อแทน สุดท้ายเมื่อแผนการถูกเปิดโปง แต่ผู้คนกลับเข้าใจว่ามารี อองตัวเน็ตต์เป็นฝ่ายโกหก ส่วนประโยคที่ว่า "ให้พวกเขากินเค้กสิ" (Let them eat cake) ซึ่งกลายเป็นวลีที่ตอกย้ำภาพลักษณ์ราชินีผู้ไม่แยแสประชาชน แท้จริงแล้วเป็นเพียงข่าวลือที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียงของพระนาง
วิกฤตเศรษฐกิจที่สั่งสมมานาน ประกอบกับการขึ้นภาษีขนมปังและเกลือ ทำให้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 ราชวงศ์ถูกบังคับให้ย้ายไปประทับที่พระราชวังตุยเลอรี และพยายามหลบหนีไปยังออสเตรียแต่ก็ถูกจับกุมได้กลางทาง
ในที่สุด กษัตริย์หลุยส์ที่ 16 ก็ทรงถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตีนในเดือนมกราคม ค.ศ. 1793 และในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1793 มารี อองตัวเน็ตต์ก็ทรงถูกนำตัวขึ้นศาลในข้อหาต่างๆ นานา รวมถึงข้อกล่าวหาที่ว่าพระนาง "ใช้ลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่เป็นเหยื่อระบายความใคร่" ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียงของพระนาง
ในวันประหาร มารี อองตัวเน็ตต์ปรากฏกายในชุดที่ทรุดโทรม และกล่าวคำขอโทษสุดท้ายว่า "ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" เมื่อทรงเหยียบเท้าเพชฌฆาตโดยไม่ตั้งใจ ก่อนที่ชีวิตของราชินีผู้โดดเดี่ยวพระองค์นี้จะจบลงด้วยคมกิโยตีน


















