นักดาราศาสตร์เผยภาพ “ขั้วใต้ของดวงอาทิตย์” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เราจะได้เห็นภาพขั้วใต้ของดวงอาทิตย์เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เราไม่สามารถเห็นมันได้ สาเหตุเพราะโลกของเราโคจรรอบเส้นศูนย์สูตรของดวงอาทิตย์ และในทุกๆ 11 ปี ขั้วของดวงอาทิตย์จะพลิกกลับ ขั้วเหนือและขั้วใต้จะกลับทิศกัน ซึ่งเราไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าเหตุใดกระบวนการนี้จึงเกิดขึ้น นั่นจึงทำให้เราไม่สามารถมองเห็นส่วนบนและส่วนล่างของดวงดาวได้อย่างชัดเจน
การมองเห็นบริเวณนี้ครั้งแรกของเราเกิดขึ้นโดยยาน Solar Orbiter ซึ่งได้พุ่งลงไปด้านล่างของระบบสุริยะเพื่อมองดูส่วนหนึ่งของดวงอาทิตย์ในมุมเอียงที่ปกติแล้วมักมองไม่เห็น ยานโซลาร์ออร์บิเตอร์พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจน ซึ่งถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์ครั้งนี้เช่นกัน เนื่องจากดวงอาทิตย์กำลังก้าวออกจากช่วงโซลาร์แม็กซ์ (solar max) ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการพลิกขั้วของดวงอาทิตย์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ยานอวกาศซึ่งปกติจะโคจรรอบใจกลางดวงอาทิตย์ ได้เอียงวงโคจรไป 17 องศา ซึ่งเพียงพอที่จะมองเห็นบริเวณขั้วของดวงอาทตย์ได้ในที่สุด
นักดาราศาสตร์ใช้เครื่องมือสามเครื่องในการอ่านค่าหลังจากที่สังเกตการณ์สถานการณ์บริเวณขั้วใต้ของดวงอาทิตย์มาหลายวัน ได้แก่
Polarimetric and Helioseismic Imager (PHI) ใช้สำหรับตรวจสอบสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์โดยแสดงออกมาโดยการโพลาไรเซชันของแสง
Extreme-Ultraviolet Imager ( EUI ) จะทำการสังเกตในช่วงความยาวคลื่นที่กำหนด เพื่อจับภาพโครงสร้างละเอียดในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์
Spectral Imaging of the Coronal Environment ( SPICE ) จับภาพการสังเกตการณ์ในช่วงอัลตราไวโอเลตและอัลตราไวโอเลตรุนแรงเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิและองค์ประกอบของโคโรนาของดวงอาทิตย์
นี่คือรูปแผนที่สนามแม่เหล็กที่ขั้วใต้ของดวงอาทิตย์ที่ถูกตรวจสอบโดยอุปกรณ์ PHI ซึ่งสีแดงและสีน้ำเงินแสดงถึงขั้วแม่เหล็กที่แตกต่างกัน ซึ่งในช่วงที่ยาน Solar Orbiter สังเกตการณ์นั้น สนามแม่เหล็กที่ขั้วใต้ของดวงอาทิตย์มีความยุ่งวุ่นวายเล็กน้อย โดยมีการผสมผสานกันของทั้งขั้วเหนือและใต้
ในขณะเดียวกัน SPICE ได้ติดตามการเคลื่อนที่ของไอออนคาร์บอนในบริเวณโคโรนาของดวงอาทิตย์ที่เรียกว่าบริเวณทรานสิชั่น ซึ่งอุณหภูมิจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลายพันองศา แผนที่เรเดียนซ์เผยให้เห็นว่าไอออนกระจายตัวอย่างไร ในขณะที่แผนที่ดอปเปลอร์แสดงให้เห็นว่าไอออนเคลื่อนที่ออกจากหรือเข้าใกล้โซลาร์ออร์บิเตอร์เร็วเพียงใดในช่วงเวลาที่สังเกต
ในช่วงเวลาสั้นๆ ยานอวกาศได้รวบรวมข้อมูลได้เพียงพอที่จะทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ด้านดวงอาทิตย์ทำงานได้อย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาหลายปี อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นยานโซลาร์ออร์บิเตอร์จะโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไปโดยเอียง 17 องศาจนถึงเดือนธันวาคม 2026 จากนั้นจะเพิ่มมุมเอียงเป็น 24 องศา และจะเพิ่มเป็น 33 องศาในเดือนมิถุนายน 2029
















