ทำความรู้จัก ‘ช่องบก’ สามเหลี่ยมมรกต พื้นที่พิพาทไทย-กัมพูชา
"ช่องบก" สามเหลี่ยมมรกตและพื้นที่พิพาท
ช่องบก หรือที่รู้จักกันในชื่อ สามเหลี่ยมมรกต เป็นพื้นที่ขนาดประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และยุทธศาสตร์ เชื่อมต่อสามประเทศ ได้แก่
- ประเทศไทย - อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
- ลาว - เมืองมูลโมก แขวงจำปาศักดิ์
- กัมพูชา - เมืองจอมกสาน จังหวัดพระวิหาร
พื้นดังกล่าวนี้ เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นจุดที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสำคัญระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสาม
เหตุการณ์ปะทะเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568
เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ได้เกิดการปะทะกันสั้น ๆ ระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ในบริเวณชายแดนช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างเวลา 05.30 น. ถึง 05.55 น. ซึ่งทางฝ่ายไทยไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่สำนักข่าวเมลของกัมพูชารายงานว่ามีทหารกัมพูชาได้เสียชีวิต 1 ราย
ทางกองทัพบกไทยได้ออกมาชี้แจงว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากการพบเห็นทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่ ที่ไทยอ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเจรจา แต่กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาเข้าใจผิดและเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้
ประวัติความขัดแย้งและข้อพิพาท
การปะทะบริเวณช่องบกไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น โดยเคยมีการปะทะกันมาเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ปี 2528-2530 ในปี 2528 ทหารไทยปะทะกับทหารเวียดนาม ซึ่งขณะนั้นเวียดนามเข้ายึดครองกัมพูชาและรุกรานเข้ามายังพื้นที่ช่องบก ในปี 2530 กองทหารไทยสามารถขับไล่ทหารเวียดนามออกจากพื้นที่ช่องบกและพื้นที่พิพาททั้งหมดได้สำเร็จ โดยในเหตุการณ์ครั้งนั้นไทยสูญเสียทหาร 109 นาย และบาดเจ็บ 664 นาย
ปัญหาหลักของการปะทะคือ พื้นที่ที่ยังปักปันเขตแดนไม่แล้วเสร็จ ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการตรึงกำลังทหารเพื่อเฝ้าระวังและปกป้องอธิปไตยของตนเอง
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยและกัมพูชา มีดังนี้
- การใช้แผนที่อ้างอิงคนละฉบับ แต่ละฝ่ายใช้แผนที่ที่แตกต่างกันในการอ้างสิทธิ์
- การปักปันเขตแดนคลาดเคลื่อน ไม่ได้รับการยอมรับจากอีกฝ่าย
- หลักเขตแดนเดิมชำรุดเสียหาย ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนในแนวเขตแดน
- การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิรัฐศาสตร์ สภาพภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ
- การรุกล้ำดินแดน ทั้งที่มีเจตนาและไม่มีเจตนา
- การทำสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดข้อโต้แย้งในภายหลัง
ชายแดนไทย-กัมพูชามีความยาวประมาณ 798 กิโลเมตร โดยมีพื้นที่ทับซ้อนทั้งทางบกและทางทะเล เช่น:
- พื้นที่ทางบก: บริเวณปราสาทพระวิหาร (ศรีสะเกษ), ช่องตาพระยา-บึงตระกวน (สระแก้ว), เขาตาง (สระแก้ว), เขาตะบาล (จันทบุรี)
- พื้นที่ทางทะเล: บริเวณเกาะกู่ตอนล่าง และอ่าวไทยตอนกลางและตอนล่าง
กลไกการแก้ไขปัญหาและแนวทางในอนาคต
ที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชามีกลไกต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ทับซ้อน เช่น การใช้สนธิสัญญาฟรังโก-สยาม, การจัดตั้ง คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC), และการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและการจัดทำเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชาเมื่อปี 2543
สำหรับกรณีของช่องบก กองกำลังของทั้งสองฝ่ายได้เคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่แล้ว และทาง
กองทัพบกไทยและกัมพูชาได้เจรจาและเห็นร่วมกันในการใช้กลไก JBC เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว คาดว่าจะทราบผลการประชุม JBC ภายใน 2 สัปดาห์นี้












