เรื่องสั้น ... บันทึกปรารถนา
บันทึกปรารถนา
โดย อักษราลัย
ลมที่โชยมาแผ่วเบาเอื่อย ๆ ดับความร้อนแผดเผาของเดือนเมษายนไม่ได้เลย ชาญยุทธจอดรถยนต์เก่าคันโปรดข้างริมคลองแสนแสบ แววตานั้นหม่นเศร้ามองไปที่โรงแรมไม้เก่าที่ตั้งอยู่ใต้ร่มไผ่กิ่งโค้ง ดูน่าสะพรึงกลัว แต่ยามนี้ที่นี่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา เขามองตึกตรงหน้าก่อนถอนหายใจลึกยาว
เมื่อเช้าเขาโดนเจ้าของบ้านเช่าไล่ ค่าเช่าค้างชำระมาสามเดือน เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีหมดไปกับค่ารักษาพยาบาลของนิรมล เขาเก็บข้าวของที่เหลือใส่กระเป๋าผ้าใบใบเดียว ไม่รู้จะไปไหน จนนึกได้ว่ามีเงินเหลืออยู่พอค่าห้องโรงแรมถูก ๆ ได้อีกสักคืน
กบเขียดร้องเสียงเศร้าจากคลองที่มีน้ำสีเขียวขุ่น กลิ่นเหม็นลอยมาจากริมน้ำที่เต็มไปด้วยผักตบชวาและขยะ
เขาเดินขึ้นบันไดไม้เก่า เสียงเอี๊ยดดังสะเทือนไปทั่วอาคาร ผู้หญิงแก่ที่เป็นเจ้าของโรงแรมยื่นกุญแจห้อง 203 ให้โดยไม่ยิ้ม ผมหงอกหยิกฟู ดวงตาเหม่อลอยเหมือนคนที่เห็นสิ่งมากมายเกินไป
"พักคืนเดียวรึเปล่า?" เสียงแหบแห้งราวกับใบไผ่แล้ง สายตาเหลือบมองกระเป๋ามือ อย่างคนคุ้นชินกับสถานการณ์
"ครับ" ชาญยุทธตอบเบา ๆ เสียงไม่มีพลัง
ห้องพักนั้นทั้งเล็กและอับอ้าว กลิ่นเหม็นของไม้เก่าและผ้าม่านอับชื้นฟุ้งไปทั่ว พัดลมเพดานหมุนช้า ๆ ส่งเสียงกิ๊ก ๆ ก๊อก ๆ เหมือนจะหยุดทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ แสงไฟหลอดฟลูออเรสเซนต์กะพริบแป๊บ ๆ สาดแสงสีเหลืองซีด ๆ ลงมาบนโต๊ะไม้สักเก่าที่วางอยู่ใต้หน้าต่างบานเดียว บรรยากาศดูหลอนยิ่งกว่าในหนังผีที่เคยดู
ชาญยุทธวางกระเป๋าผ้าใบสีกากีลงบนเตียงที่มีผ้าปูสีเหลืองซีดจาง นั่งลงอย่างหมดแรง สองมือประสานกันพาดบนหน้าผาก ความทรงจำเจ็บปวดเกี่ยวกับนิรมลที่นอนอยู่ใน รพ.ราชวิถี กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
สามเดือนที่แล้ว เมื่อแพทย์หญิงใส่แว่นตาหนาเตอะบอกว่านิรมลเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย และค่ารักษาต้องใช้เงินเป็นแสน ๆ ชาญยุทธรู้สึกเหมือนฟ้าถล่ม นิรมลเป็นทุกสิ่งของเขา เธอคือเหตุผลเดียวที่เขายังหายใจอยู่ เธอคือแสงสุดท้ายในชีวิตที่มืดมิดของเขา คนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลยในชีวิต
ค่าแรงของช่างร้านเครื่องปรับอากาศอย่างเขาไม่มีทางพอ เขาขายทุกอย่างที่ขายได้แล้ว ทั้งรถจักรยานยนต์ ทอง แม้แต่แหวนแต่งงานที่เขากับนิรมลซื้อมาด้วยเงินที่เก็บกันมา 2 ปี
เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเดียวในห้อง ทิ้งตัวบนเก้าอี้อย่างแรง ลิ้นชักเผยอออกมาเหมือนเชิญชวน เขาค่อยเปิดมัน ลิ้นชักบนสุดติดแน่น เขาใช้แรงดึงจนเสียงไม้ดังลั่น
ข้างในมีสมุดปกแข็งสีน้ำตาลแดงเข้ม ตัวปกหนังแตกเป็นเส้น ๆ มองเห็นใยกระดาษข้างใน มุมล่างมีคราบน้ำเก่า ๆ ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองคล้ำ
ชาญยุทธเปิดหน้าแรก พบลายมือเขียนเป็นภาษาไทย หมึกซีดจางเหมือนเลือดแห้ง
"เมื่อใดก็ตามที่ท่านเขียนสิ่งที่ปรารถนาลงในหน้าว่าง มันจะเป็นจริง แต่จงจำไว้ ทุกสิ่งในโลกนี้มีราคาและการแลกเปลี่ยน"
เขาพยายามหัวเราะ "เรื่องเหลวไหลอะไรเนี่ย" แต่เสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงสั่น
ข้างนอกหน้าต่าง เสียงจิ้งจกร้องอยู่บนผนังไม้ เสียงรถแล่นผ่านไปบนถนนคอนกรีตปูนที่เป็นหลุมเป็นแอ่ง สร้างเสียงกระแทกเป็นจังหวะ กบร้องเรียกหาคู่ในความมืด
ชาญยุทธหยิบปากกาลูกลื่นที่แห้งแล้วจากลิ้นชักเขย่า ๆ จนหมึกไหลย้อยออกมาเป็นก้อน มือของเขาสั่นขณะเขียน
"อยากได้เงินสองแสนบาทเพื่อรักษานิรมล"
เขานั่งจ้องมองบรรทัดที่เพิ่งเขียนไป นาฬิกาข้อมือเก่า ๆ ของเขาเดินต่อไป นาทีหนึ่ง สองนาที สามนาที ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"โง่จริง ๆ ชาญยุทธ" เขาด่าตัวเอง "เชื่อเรื่องงมงายแบบนี้ได้ไง"
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
"ชาญยุทธ!" เสียงป้าสมจิตต์ เจ้าของร้านขายยาข้างบ้านที่เขาเคยช่วยซ่อมแอร์ให้ ฟังดูตื่นเต้นผิดปกติ "ป้าถูกลอตเตอรี่! สองแสนบาทพอดีเปี๊ยบ! ป้าคิดแล้วนะ เธอช่วยป้ามาหลายครั้ง ป้าอยากให้เธอเอาเงินนี้ไปใช้"
หัวใจชาญยุทธเต้นรัวราวกับจะระเบิด มือที่ถือโทรศัพท์สั่นสะเทือน
"ป้าครับ... ป้าแน่ใจแล้วเหรอครับ?"
"แน่ใจแล้วจ้ะ มาเอาพรุ่งนี้เช้าเลยนะ"
ชาญยุทธวิ่งผ่านซอกซอยเล็ก ๆ ข้ามสะพานไม้ด้วยใจเต้นด้วยความหวัง แต่เมื่อมาถึงร้านยา เขากลับพบป้าสมจิตต์นอนนิ่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ใบหน้าซีดขาว ดวงตาค้างเปิด
"หัวใจหยุดเต้น" เจ้าหน้าที่กู้ภัยอธิบาย "คงจะตื่นเต้นมากเกินไป คนแก่ ๆ เวลาตื่นเต้นเยอะ ๆ อันตรายได้"
ชาญยุทธถือซองเงินด้วยมือที่สั่นไม่หยุด ใจบีบคั้นด้วยความรู้สึกผิด เขาบอกตัวเอง มันแค่เหตุบังเอิญ คนแก่หัวใจวายได้ตลอดเวลา คงไม่ใช่สิ่งที่ต้องแลกอย่างที่ในสมุดเขียนไว้หรอก
แต่ในใจลึก ๆ เขาเริ่มสงสัย
เขากลับมาที่โรงแรม ชาญยุทธเปิดสมุดหน้าที่สอง ครั้งนี้เขาเขียน
"อยากให้หัวหน้าเลื่อนตำแหน่งให้ผมเป็นหัวหน้างาน"
คืนนั้นเขานอนไม่หลับ ด้วยความกังวลและความหวังที่ปะทะกัน
เช้าวันต่อมา ขณะออกไปทำงาน หัวหน้าโทรมา น้ำเสียงสั่นเครือ
"ชาญยุทธ... เฮ้อ... มีข่าวร้าย พี่บิ๊กเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนเมื่อคืน... เสียชีวิตแล้ว บริษัทเลยอยากให้นายรับหน้าที่แทน"
ชาญยุทธนั่งอึ้งกับเรื่องที่ได้ยิน พี่บิ๊กคือคนใจดีกับเขา คอยช่วยเหลือเขาตลอด เมื่อเช้าวานยังทักทายเขาอย่างอบอุ่น
"ครับ..." ชาญยุทธตอบเบา ๆ เสียงออกมาเหมือนอากาศรั่ว
หลังเสร้จงานเขาขับรถกลับโรงแรมด้วยมือที่กำพวงมาลัยแน่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ที่โรงแรม เขาเปิดสมุดหน้าที่สาม หยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้งด้วยมือที่สั่นมากขึ้น
"อยากให้เพื่อนสมัยเรียนโทรมาหา"
เขานั่งรอด้วยใจจดจ่อ นาฬิกาเดินไปเงียบ ๆ หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง แล้วโทรศัพท์ก็ดัง
"ชาญยุทธ..." เสียงสนั่นแก้ว เพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่ไม่ได้คุยกันเกือบสิบปี "กูมีข่าวร้าย... นิคม... นิคมเสียชีวิตแล้ว"
โลกของชาญยุทธหมุนรอบตัว นิคมคือเพื่อนสนิทตั้งแต่ป.4 เป็นคนช่วยให้เขาสอบติดมหาวิทยาลัย เป็นคนมาร่วมงานแต่งงานของเขา
"เกิดอะไรขึ้น?" เสียงของเขาแทบไม่ออกจากลำคอ
"อุบัติเหตุรถชน เมื่อคืน งานศพพรุ่งนี้ที่วัดสว่างกัลปพฤกษ์"
ชาญยุทธวางโทรศัพท์ด้วยมือสั่น เขาจ้องมองสมุดใบนั้นด้วยความหวาดกลัว มันไม่ใช่เหตุบังเอิญ มันเป็นความจริงที่โหดร้าย
เขาจับสมุดขว้างไปที่มุมห้อง แต่มันกลิ้งกลับมาหยุดตรงหน้าเขา เปิดอยู่หน้าเดิม เหมือนกับมันต้องการให้เขาเขียนต่อ เขาสบถออกมาเบา ๆ ก่อนจะผลุนผลันออกไป
ชาญยุทธกลับไปโรงพยาบาลในเย็นวันนั้น เขาพบนิรมลนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซูบเซียวมากกว่าตอนเช้า ผิวหนังซีดขาวยิ่งกว่าผ้าปูเตียง เส้นผมยาวดำที่เคยสวยงามตอนนี้เหลือเพียงสีซีดจาง
"ยุทธ..." เธอกระซิบเบา ๆ "ฉันรู้ว่าเธอพยายามหาเงินมารักษาให้ฉัน แต่บางทีเราควรยอมรับความจริง... ฉันไม่อยากให้เธอทรมาน"
"ไม่!" ชาญยุทธคว้ามือเธอไว้ "ไม่นะนิรมล ผมจะไม่ยอมให้เธอไปไหน ผมจะต้องหาทางรักษาเธอให้ได้"
นิรมลยิ้มเศร้า "เธอทำให้ฉันมีความสุขมามากแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องปล่อยวาง"
ชาญยุทธกลับไปโรงแรมในคืนนั้นด้วยความมุ่งมั่นที่บ้าคลั่ง เขาจะต้องช่วยนิรมล ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
เขาเปิดสมุดหน้าใหม่ จับปากกาแน่น เขียนด้วยลายมือที่สั่นแต่มุ่งมั่น
"อยากให้นิรมลหายป่วย"
เขานั่งจ้องมองบรรทัดนั้นนานหลายนาที หัวใจเต้นแรงจนเกือบระเบิด รอให้โทรศัพท์ดัง รอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความหวังในอกเขาค่อย ๆ ดับลง เขาพลิกไปหน้าถัดไป หัวใจเขาแทบหยุดเต้น
ที่นั่น ด้วยลายมือของเขาเอง เขียนไว้ชัดเจน
"วันนี้ นายชาญยุทธ สุทธิรัตน์ อายุ 31 ปี เสียชีวิตจากโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ขณะกำลังเขียนขอให้คนรักหายป่วย เวลา 23.47 น."
ชาญยุทธจ้องมองบรรทัดนั้นด้วยความตะลึงงัน ลายมือนั้นเป็นของเขาอย่างแน่นอน แต่เขาไม่เคยเขียน... หรือเขียน?
เขาพลิกกลับไปหน้าแรก มองดูบรรทัดที่เขาแน่ใจว่าเขียนเรื่องเงิน แต่บรรทัดนั้นเปลี่ยนไปเป็น
"วันนี้ นายชาญยุทธ สุทธิรัตน์ อายุ 31 ปี เสียชีวิตจากโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ขณะที่กำลังเขียนขอให้คนรักหายป่วย เวลา 23.47 น."
หน้าที่สอง หน้าที่สาม ทุกหน้าที่เขาเคยเขียน ตอนนี้มีข้อความเดียวกันหมด
ความจริงที่โหดร้ายเริ่มชัดเจน สมุดเล่มนี้ไม่ได้ทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง มันทำให้ความตายของเขาเป็นจริง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงชะตากรรม เขาได้เขียนจุดจบของตัวเองไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
นาฬิกาบนผนังชี้ไปที่ 23.43 น.
เขาได้ยินเสียงก้าวเท้าเดินขึ้นมาตามบันไดไม้ เสียงดังเป็นจังหวะ ช้า ๆ ใครบางคนกำลังเดินมาห้องเขา
ชาญยุทธรู้ว่าใครจะมา และเขารู้ว่าทำไม
เขามองไปที่โทรศัพท์ที่ยังไม่ดัง มองไปยังสมุดที่บอกเล่าความจริงอันโหดร้าย หัวใจเขาเริ่มเต้นผิดปกติ มีอาการเจ็บแปลบ ๆ ในอก หายใจลำบาก
23.44 น.
23.45 น.
23.46 น.
ข้างนอกหน้าต่าง กบเรียกหาคู่ด้วยเสียงแผ่วเบา ลมเย็นพัดผ่านใบไผ่ สร้างเสียงเศร้า ๆ เหมือนเพลงงานศพ
23.47 น.
เสียงก้าวเท้าหยุดตรงหน้าประตูห้องเขา
ชาญยุทธยิ้มเศร้า ๆ เขาคิดถึงนิรมลที่จะต้องต่อสู้กับโรคร้ายคนเดียว คิดถึงคนที่ตายไปเพราะเขา
"เป็นไปได้มั้ยนะ" เขาพึมพำเบา ๆ "ที่เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้จริง ๆ"
เขาวางปากกาลง มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นดวงดาวสาดแสงเศร้าในท้องฟ้ายามดึก
ข้างนอกประตู เสียงลูกบิดหมุน
และเวลายังคงเดินไปข้างหน้า ไม่ย้อนกลับ ไม่เปลี่ยนแปลง
แม้สมุดวิเศษจะสัญ
ญาไว้ว่าเป็นอย่างอื่น
........ จบ .........
ลงในนิตยสารออนไลน์ เฟซบุ๊คเพจ อ่านอิ่ม รายวัน ฉบับที่ 306 ประจำวันพึธที่ 28 พฤษภาคม 2568
.
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
"ปูติน" ให้สัมภาษณ์สื่อ "กำลังอินเลิฟ"..สื่อผู้ดีขุดคุ้ยทันทีสาวคนนี้เธอเป็นใคร ?
สาวไทยปากแจ๋ว! ซัดสื่อไทยปล่อยข่าวเว่อร์..เธออยู่ปอยเปตก็ปกติดี ไม่โดนจับเป็นตัวประกัน
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
กัมพูชา ยอมรับความฝ่ายแพ้ไม่ได้ สร้างภาพ AI ปลอม บิดเบือนความจริง
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
วิธีปลุก passion ให้กับช่วงเวลาหมดไฟ เมื่อต้องทำงานที่ไม่ชอบ
"วัดสังกระต่าย" มหัศจรรย์ต้นโพธิ์ล้อมโบสถ์ 400 ปี วัดสวย ประจำจังหวัดอ่างทอง
กินตามใจปาก เสี่ยงสารพัดโรค
อึ้งกันทุกคนพิพิธภัณฑ์ เก็บเรื่องราวความเป็นไทย
กัมพูชา ยอมรับความฝ่ายแพ้ไม่ได้ สร้างภาพ AI ปลอม บิดเบือนความจริง
จีนส่งสัญญาณเงียบหวังไทย–กัมพูชายุติการรบ
"ปูติน" ให้สัมภาษณ์สื่อ "กำลังอินเลิฟ"..สื่อผู้ดีขุดคุ้ยทันทีสาวคนนี้เธอเป็นใคร ?
สันติภาพคือความสำเร็จ "โดรนลอยบนท้องฟ้าสื่อสัญญาณว่าเราครอบครองได้อย่างครบถ้วน"
ของสดเลือดสีแดงสาด จิ้มน้ำจิ้มรสเด็ดแบบอีสาน "ซอยจุ๊" อร่อยเหนือกาลเวลา
"สกีบก" ของเล่นเด็กในฐาน สามัคคีคือพลังเก้าเท้าพร้อมกันสร้างความผูกพันที่มีความแข็งแกร่งขอวนักวางแผน
"รถไต่ถัง"ผจญภัยที่มากกว่าทุกสิ่งอย่าง การทรงตัวต้องมีความมั่นคง