ผู้เก็บซาก...กับ...ผู้พราก
เมื่อแสงอาทิตย์ส่องประกายลงบนผืนน้ำ ทำให้สองสายพันธุ์ที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดินได้พบกัน
บางครั้ง ความงามที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่สีขาวหรือสีดำ แต่อยู่ที่ช่วงเวลาที่เงาของทั้งสองทาบทับกันเป็นหนึ่งเดียว
ผู้เก็บซาก...กับ...ผู้พราก
โดย อักษราลัย
แสงแดดยามสายส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ นกกระยางค่อย ๆ ย่างเท้าอย่างเชื่องช้า ราวนักเต้นระบำกำลังรอจังหวะที่สมบูรณ์แบบ ดวงตาสีเหลืองอำพันไม่ละจากเงาเล็ก ๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ ความสงบนิ่งของมันแฝงไว้ด้วยสัญชาตญาณนักล่าที่เฉียบคม
ไม่ไกลออกไป เงาดำทะมึนของฝูงกาโผบินต่ำเหนือซากปลาเกยตื้น กลิ่นคาวคลุ้งตลบอบอวล พวกมันเบียดเสียดแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง บางตัวกระโดดขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น บางตัวส่งเสียงร้องแหลมยามได้เนื้อชิ้นใหญ่ ความหิวโหยของพวกมันกัดกินลึกกว่าความต้องการของร่างกาย มันคือความกลัวอันฝังรากลึกที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ กลัวว่าจะไม่มีอาหารเหลือ กลัวว่าจะไม่ได้กิน กลัวว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้
ขณะที่นกกระยางผู้สง่างามยืนนิ่งอยู่ริมน้ำ คออันระหงยื่นยาว ขนสีขาวบริสุทธิ์สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย มันไม่เคลื่อนไหว แม้แต่จะกะพริบตา ราวกับเป็นประติมากรรมที่ชำระล้างจนไร้ซึ่งมลทิน ลมหายใจเบาบางจนแทบจับไม่ได้ พลันสายลมพัดเบา ๆ ลูบไล้ขนสีขาว มันปล่อยให้ลมพัดผ่านโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
แสงสีทองของอาทิตย์ยามสายตกกระทบลงบนลำคอระหงของนกกระยาง ทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังดูคล้ายเส้นด้ายสีแดงที่ทอรวมเข้ากับขนสีขาว มันเป็นช่วงเวลาที่โลกดูเหมือนจะหยุดนิ่ง เป็นความเงียบงันที่แม้แต่เสียงลมยังไม่กล้าจะทำลาย
ทันใดนั้น นกกระยางพุ่งหัวลงน้ำอย่างรวดเร็ว ปากแหลมคมจิกคว้าเหยื่ออย่างแม่นยำ ปลาตัวเล็กดิ้นกระเสือกกระสนอยู่ในปากอันแข็งแรง นกกระยางเงยหน้าขึ้น กลืนเหยื่อลงคออย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางสำรวม ราวกับเป็นพิธีกรรมอันเคร่งขรึม
กาตัวหนึ่งเงยหน้าจากซากปลา มองมายังนกกระยางที่เพิ่งจับเหยื่อได้ ดวงตาสีดำเป็นประกายขณะมันสังเกตวิธีการล่าอันแตกต่าง ความอิจฉาแวบผ่านในดวงตา แต่แล้วก็รีบก้มลงจิกกินอาหารของตนต่อไป ราวกับละอายในความรู้สึกที่เพิ่งมี
นกกระยางหันมาสบตากับกาตัวนั้นโดยบังเอิญ ชั่วขณะหนึ่งที่สายตาของพวกมันประสานกัน มีบางสิ่งผ่านไปมาระหว่างนกทั้งสอง ความเข้าใจอันลึกซึ้งที่ไม่ต้องใช้คำพูด นกกระยางก้าวเดินไปทางซากปลาที่กาคลุกคลีอยู่ ท่าทางสง่างามไม่แปรเปลี่ยน แต่ทุกก้าวกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างน่าพิศวง
ฝูงกาก้าวถอย เปิดทางให้นกกระยาง บางตัวส่งเสียงร้องประท้วงเบา ๆ แต่ไม่มีตัวใดกล้าขัดขวาง นกกระยางก้มลงมองซากปลา แต่ไม่ได้จิกกิน มันเพียงแค่มองด้วยดวงตาที่แสดงความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะเหยียดคอมองไปยังขอบฟ้า ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ฝูงกาเริ่มกระวนกระวาย ไม่เข้าใจว่าทำไมนกที่มีเหยื่อสด ๆ เป็นของตัวเองถึงมาสนใจซากปลาที่เน่าเหม็น อันล้ำค่าสำหรับพวกมัน กาตัวที่เคยสบตากับนกกระยางเดินออกมาข้างหน้าอย่างกล้าหาญ แล้วร้องเสียงดังเป็นเชิงถาม
นกกระยางก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะถอยกลับไปยังตำแหน่งเดิมของมัน ขณะเดินผ่านกาตัวนั้น มันหยุดชั่วขณะ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกา ก่อนจะส่งท่าทีที่บอกอะไรบางอย่าง สัญญาณที่มีเพียงนกทั้งสองที่เข้าใจ
แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เด็กชายคนหนึ่งเดินเลียบชายฝั่งมาพร้อมกับสุนัขตัวใหญ่ สุนัขเห่าเสียงดังเมื่อเห็นกา ฝูงกาแตกตื่น บินโผขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่งเสียงร้องก้องกังวาน เด็กชายหัวเราะชอบใจกับท่าทีตกใจของกา โดยไม่สนใจถึงซากปลาที่ถูกทิ้งไว้กลางแจ้ง
นกกระยางยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน สุนัขวิ่งเข้าไปใกล้ แต่เด็กชายดึงสายจูงไว้ มันจึงได้แค่เห่าเสียงขู่ นกกระยางเพียงแค่หันมามองด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกับผิวน้ำอีกครั้ง
"ดูนั่นสิ...นกกระยาง!" เด็กชายร้องอย่างตื่นเต้น "มันสวยจัง ขาวสะอาดเหมือนหิมะเลย"
สุนัขยังคงเห่าไม่หยุด จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องของกาดังขึ้นจากต้นไม้ใกล้ ๆ เด็กชายเงยหน้ามอง เห็นกาตัวใหญ่กำลังมองลงมาจากกิ่งไม้
"อีกาอัปมงคล" เด็กชายพึมพำ หยิบก้อนหินขึ้นมา เตรียมขว้างใส่ "พ่อบอกว่ามันนำโชคร้ายมาให้"
ทันใดนั้น นกกระยางก็ส่งเสียงร้องแหลม เป็นครั้งแรกที่มันแสดงอารมณ์ เด็กชายชะงักมือที่กำลังจะขว้างก้อนหิน มองไปที่นกกระยางด้วยความแปลกใจ
นกกระยางกางปีกออกเต็มที่ ขนสีขาวดูยิ่งใหญ่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เด็กชายมองด้วยความตื่นตะลึง ลืมก้อนหินในมือ กาบนต้นไม้ร้องตอบกลับเป็นเสียงยาว ก่อนจะกระพือปีกบินลงมาเกาะบนซากปลาอีกครั้ง โดยไม่สนใจเด็กชายหรือสุนัข
"มันไม่กลัวเลย" เด็กชายพึมพำอย่างแปลกใจ มองกาที่กำลังจิกกินอาหารอย่างมั่นใจ
นกกระยางหันมามองเด็กชาย ดวงตาสีเหลืองอำพันสบตาอย่างแน่วแน่ ก่อนจะพุ่งปากลงน้ำอีกครั้ง คว้าปลาตัวใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ แทนที่จะกลืนลงไปทันที มันกลับบินไปเกาะบนโขดหินใกล้กับซากปลา วางปลาสดลงตรงหน้ากาตัวนั้น
กาชะงัก มองปลาสดตรงหน้า แล้วเงยหน้ามองนกกระยางอย่างไม่เข้าใจ นกกระยางก้มศีรษะลงเล็กน้อย เป็นเชิงเชิญชวนให้กากิน
เด็กชายมองภาพตรงหน้าด้วยความงุนงง "ทำไมนกกระยางถึงให้อาหารกากิน" เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ
กาลังเลใจ มันกระโดดไปมาอย่างกระวนกระวาย มองปลาสดตรงหน้าอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจถอยห่างออกไป ไม่ยอมแตะต้องของขวัญจากนกกระยาง มันเลือกที่จะจิกกินซากปลาที่เหลืออยู่ต่อไป
นกกระยางไม่แสดงอาการผิดหวัง มันเพียงก้มลงจิกกินปลาที่ตนเองจับได้ ทั้งสองนกกินอาหารของตัวเองอย่างสงบ กากินซากปลา นกกระยางกินปลาสด ในระยะห่างที่พอเหมาะ ไม่รุกล้ำเขตแดนของกันและกัน
เด็กชายปล่อยก้อนหินในมือลง "แม่เคยบอกว่าอย่าตัดสินใครจากรูปลักษณ์ภายนอก" เขาพึมพำ มองนกทั้งสองสลับกันไปมา "อีกาน่ากลัว แต่ก็กล้าหาญ นกกระยางสวยงาม แต่ก็เมตตา"
ขณะที่เขากำลังจะเดินจากไป ปลาขนาดใหญ่กระโดดขึ้นจากผิวน้ำ แล้วตกลงไปกระทบน้ำเสียงดังสนั่น ทั้งกาและนกกระยางหันไปมองทันที ปลาใหญ่เหลือเกินสำหรับนกกระยางที่จะจับได้เพียงลำพัง
โดยไม่มีการนัดหมาย นกทั้งสองพุ่งเข้าหาปลาตัวนั้นพร้อมกัน นกกระยางดำลงน้ำอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กาบินวนเหนือผิวน้ำเป็นวงกว้าง ปลาตัวใหญ่พยายามว่ายหนี แต่การทำงานร่วมกันของนกทั้งสองทำให้มันไม่มีทางหนีรอด นกกระยางบีบให้ปลาว่ายเข้าหาชายฝั่ง ขณะที่กาคอยขัดขวางเส้นทางหนี
ในที่สุด นกกระยางก็จิกปลาได้สำเร็จ ลากมันขึ้นมาบนโขดหิน ปลาใหญ่เกินกว่าที่มันจะกลืนทั้งตัว นกกระยางมองไปยังกาที่เพิ่งลงยืนไม่ไกลนัก ก่อนจะเริ่มจิกกินปลาจากส่วนหัว โดยไม่ได้ไล่กาไปไหน
กาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ เริ่มจิกกินจากอีกฝั่งของปลา นกทั้งสองนั่งกินอาหารร่วมกันอย่างสงบ เด็กชายมองภาพตรงหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ
"พวกมันทำงานร่วมกัน" เขาพูดเบา ๆ กับสุนัข "ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้"
เมื่อกินอิ่มแล้ว นกทั้งสองต่างบินแยกย้ายกันไป กากลับไปยังฝูงของมันที่เพิ่งบินกลับมาหลังจากเห็นว่าปลอดภัย ส่วนนกกระยางบินกลับไปยังจุดที่มันเคยยืนอยู่ริมน้ำ กลับสู่ความสงบนิ่งเช่นเดิม
เด็กชายเดินจากไปพร้อมกับความรู้ใหม่ที่ได้เรียนรู้ โลกไม่ได้เป็นสีขาวหรือสีดำอย่างที่เขาเคยคิด แม้แต่นกที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ก็ยังสามารถพบจุดร่วมและทำงานร่วมกันได้ เมื่อความจำเป็นมาถึง
ภาพของนกทั้งสองยังคงอยู่ในความทรงจำของเด็กชาย กาดำมืดซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวแทนของโชคร้าย กับนกกระยางขาวสะอาดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม ต่างก็มีค่าในตัวเอง ต่างก็มีที่ยืนในโลกใบนี้ และในวันหนึ่งที่พิเศษ พวกมันได้แสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ความแตกแยก
แสงอาทิตย์ยามเย็นทอดเงาลงบนผืนน้ำ เงาของนกกระยางและกาทาบทับกันเป็นภาพเดียว เมื่อมองจากอีกฟากของทะเลสาบ เงานั้นไม่อาจบอกได้ว่าเป็นนกชนิดใด มีเพียงเงาดำของสิ่งมีชีวิตที่กำลังดำรงอยู่ ใต้ท้องฟ้าเดียวกัน บนโลกผืนเดียวกัน
........ จบ .........
ลงในนิตยสารออนไลน์ เฟซบุ๊คเพจ อ่านอิ่ม รายสัปดาห์ ฉบับที่ 006 ประจำวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม 2568
.
ช่องอานม้าแตก! ทหารไทยรุกยึดบังเกอร์ ปักธงชาติคืนพื้นที่
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เอกสารลับ หลุด แฉคําสั่ง แผนสังหๅร 2 พ่อลูกตระกลูฮุน
สถิติหวย ย้อนหลัง 10 ปี เลขท้าย 2 ตัว งวด 30 ธันวาคม
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
เจาะเลขเด็ดปกสลาก งวด 2 ม.ค. 69 ต้อนรับปีใหม่ปีมะเมียทอง
😊 ชวนมาดูผู้คนที่ชีวิตเหมือนอยู่ในเมืองมหัศจรรย์ตลอดเวลา เพราะพวกเขามักพบเจอแต่เรื่องราวแปลก ๆ อยู่เสมอ 😆
"เจค พอล" อวดปืนและเงิน หลังต่อยมวยแพ้ "แอนโทนี โจชัวร์"
เดือดข้ามคืน ทหารไทยเปิดฉากยิง ก่อนระดมปืนใหญ่ถล่มฐานทหารกัมพูชาพื้นที่ปอยเปต
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
ทหารไทยโค่น "รูปปั้นเขมร" หลังจากยึดแผ่นดินไทยคืนได้สำเร็จ
พบระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยังไม่ระเบิดจำนวน 4 ลูก ที่สนามบินในโอกินาวา
ช่องอานม้าแตก! ทหารไทยรุกยึดบังเกอร์ ปักธงชาติคืนพื้นที่
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
แพทย์ต่อยผู้ป่วยคาเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล
ปอท.รวบชาวมาเลเซีย คุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ลอบตั้ง “ซิมบ็อกซ์” คอนโดลาดพร้าว หลังหนีปอยเปตกลับเข้าไทย



