มิจฉาชีพในคราบ IT Support ภัยเงียบยุคดิจิทัล
มิจฉาชีพในคราบ IT Support ภัยเงียบยุคดิจิทัล
ในยุคที่เทคโนโลยีแทรกซึมอยู่ในทุกส่วนของชีวิต เราอาจคิดว่า "ผู้รู้เทคโนโลยี" คือคนที่ไว้ใจได้ โดยเฉพาะคนที่มาในบทบาท IT Support หรือฝ่ายเทคนิคที่เสนอจะช่วยเหลือเวลาเราใช้งานระบบผิดพลาด ลืมรหัส หรือติดไวรัส
แต่รู้หรือไม่ว่า?
มีมิจฉาชีพจำนวนมากแฝงตัวมาในคราบนี้ — พร้อม "ช่วยเหลือ" อย่างแนบเนียน ในขณะที่เบื้องหลังคือการเจาะเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ดูดข้อมูล ล้วงรหัส และบางรายถึงขั้นแบล็คเมล์เหยื่อเพื่อเรียกเงิน
พฤติกรรมของมิจฉาชีพสายเทคนิค ที่ไม่ใช่แค่ดูดี แต่ดูดข้อมูล
1. ติดต่อมาเองก่อนเสมอ
มิจฉาชีพมักเข้าหาเหยื่อก่อน โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีขององค์กร แอปธนาคาร หรือบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง
พวกเขาอาจโทรหา ส่งอีเมล หรือทักแชท พร้อมข้อความว่า
"เราพบปัญหาเกี่ยวกับบัญชีของคุณ / กรุณายืนยันตัวตน / ตรวจสอบด่วน"
2. ใช้ศัพท์เทคนิคสร้างความน่าเชื่อถือ
คำว่า “รีโมตระบบ” “access log” “phishing alert” ถูกใช้เพื่อให้เหยื่อรู้สึกว่าเขาคือมืออาชีพจริง ๆ
และเมื่อเหยื่อเริ่มไม่เข้าใจ พวกเขาจะใช้ความ “ใจดี” และคำว่า “เดี๋ยวผมจัดการให้” มาทำให้รู้สึกปลอดภัย
3. ขอเข้าถึงเครื่องของคุณแบบ ‘ช่วยเหลือ’
ผ่านโปรแกรม remote เช่น AnyDesk, TeamViewer หรือ Zoom screen share
พอเข้าระบบได้ มิจฉาชีพจะสังเกตและบันทึกสิ่งที่คุณพิมพ์ เช่น รหัสผ่าน, ข้อมูลบัตรเครดิต
หรืออาจฝังมัลแวร์ลงในเครื่องของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว
4. แบล็คเมล์และข่มขู่
หากเขาได้ข้อมูลสำคัญ เช่น รูปภาพส่วนตัว, ข้อมูลการเงิน, หรือข้อความที่อ่อนไหว
เขาอาจติดต่อกลับมาด้วยประโยคคลาสสิกอย่าง
“อยากให้เรื่องนี้เงียบไว้มั้ย? จ่ายมา...”
นี่คือรูปแบบของ Cyber Blackmail ที่เกิดขึ้นบ่อยและร้ายแรง
ใครตกเป็นเป้าหมายบ่อยที่สุด?
-
ผู้สูงอายุ หรือคนที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
-
พนักงานองค์กรที่ใช้ระบบออนไลน์ทำงาน
-
คนที่มีบัญชีหรือข้อมูลสำคัญในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Google Drive, OneDrive, อีเมล หรือบัญชีธนาคารออนไลน์
สัญญาณเตือนว่า IT Support คนนี้ไม่ชอบมาพากล
-
พูดจาเร่งรีบ กดดันให้คุณตอบสนองเร็ว
-
ขอรหัส OTP, รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ โดยตรง
-
ชวนให้ติดตั้งโปรแกรม “ดูแลระยะไกล” โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
-
ใช้ช่องทางติดต่อไม่เป็นทางการ เช่น แชท Facebook, Line หรือเบอร์แปลก
จะป้องกันอย่างไรให้ปลอดภัยจากภัยลับนี้
-
อย่าให้ใครรีโมตเครื่องคุณ หากคุณไม่ได้ร้องขอเอง
และแม้จะร้องขอ ให้ตรวจสอบก่อนว่าเป็นฝ่าย IT จริงหรือไม่ -
ตั้งรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละระบบ และเปิดการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA)
เพื่อป้องกันแม้ข้อมูลบางอย่างจะรั่ว -
อัปเดตโปรแกรมและระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ
เพื่ออุดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้เจาะเข้าเครื่อง -
สังเกตช่องทางติดต่อ หากผู้ติดต่อมาทางแชทหรือโทรศัพท์ส่วนตัวโดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ให้สงสัยไว้ก่อน
-
เรียนรู้พื้นฐานไซเบอร์ซีเคียวริตี้ สำหรับบุคคลทั่วไป
ไม่ต้องถึงขั้นเป็นฮีโร่ไอที แต่แค่รู้เท่าทันก็เพียงพอที่จะป้องกัน
หากตกเป็นเหยื่อไปแล้ว ต้องทำอย่างไร?
-
เปลี่ยนรหัสผ่านทุกบัญชีที่เกี่ยวข้องทันที
-
ติดต่อธนาคารเพื่ออายัดบัญชีหากมีข้อมูลการเงินหลุด
-
แจ้งความผ่านปอท. หรือช่องทางออนไลน์ของ สอท.
-
แจ้งเตือนคนรอบตัว ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อซ้ำ
อย่าไว้ใจเพียงเพราะเขา "ดูรู้เรื่อง"
ความรู้ด้านเทคนิคเป็นของมีค่า แต่มือที่ถือมันจะพาคุณไปทางดีหรือร้าย ก็ขึ้นอยู่กับเจตนา
โลกไซเบอร์ไม่มีเครื่องแบบให้ดูว่าใครเป็น "ตำรวจ" หรือ "โจร"
ทุกคนต้องมีภูมิคุ้มกันความรู้พื้นฐานไว้ในใจ และระวังไว้เสมอว่า
"ความหวังดีอาจแฝงพิษ ถ้าคุณไม่รู้ทัน"
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
ภาพวาดแผ่นเดียว ครูต้องรีบแจ้งแม่ให้พาไปหาหมอ ด่วน!!!







