(เรื่องสยอง) กฏ 5 ข้อ ของการครอบครองรถยามวิกาล

หากใครขี้เกียจอ่าน เปิดคลิปฟังก่อนได้เลยครับ

เรื่องสยอง 12 ค่ำ ในโพสนี้ จะมาพูดถึง "กฎ 5 ข้อ ของการครอบครองรถยามราตรี" โดยในเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องของนัท ชายหนุ่มที่พึ่งจบการศึกษามาไม่นาน เขาเองก็ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ แต่ด้วยที่เงินตั้งตัวมีไม่มากนัก และอยากจะได้รถยนต์ไว้ใช้งานในงบที่จำกัด แม้จะถูกเพื่อนและญาติๆ ทัดทานเรื่องของรถมือสอง ของเต้นท์รถแห่งหนึ่งที่เขาไปดูมา แต่ด้วยโปรโมชั่น และแรงจูงใจ แม้คนขายจะสักเต็มตัว และดูแปลกๆ แต่ก็เป็นรถที่เงินในกระเป๋าเขาสามารถจับต้องได้ นัทเลยตัดสินใจซื้อรถคันนั้นทันที

เมื่อทำสัญญาเสร็จ ในวันที่นัดรับรถ คนขายก็ได้ยื่นกระดาษเก่าๆ เล็กใบหนึ่งให้ โดยเขียนว่า "กฏ 5 ข้อ ของการครอบครองรถยามราตรี" นัทเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เพียงคิดว่า มันก็แค่คำแนะนำทั่วๆ ไปของการใช้รถ แต่เนื่องด้วยเป็นรถมือ 2 เลยอาจจะมีข้อแนะนำอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาก็เป็นได้ ซึ่งนัทเองหลังจากที่ได้รถมาใช้ ก็ยังใช้งานตามปกติ จนผ่านไปสัปดาห์ ในช่วงรถติดค่ำวันนั้น เวลา 5 ทุ่มครึ่ง เขาก็ไม่รู้จะทำอะไร และนึกขึ้นได้ว่า มันมีกระดาษโน๊ตเล็กๆ ที่ร้านเขียนและส่งให้เขา เขาเองก็เก็บไว้ที่ช่องเก็บแว่นตา ก็เลยมาเปิดดู  ในนั้นมีกฏ 5 ข้อต่างๆ ดังนี้

กฏข้อที่ 1 ห้ามเปิดเพลงที่มีเนื้อร้องหลังเที่ยงคืน??

นัทเองก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้เขียนคำอธิบายมากไปกว่านั้น มองดูเวลาก็อีกแค่ 3 นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว และอีกไม่กี่กิโล ก็จะถึงบ้านของเขา มันก็ไม่น่าจะมีอะไร พอรถเริ่มขยับ เขาก็ค่อยๆ ขับต่อไป โดยยังไม่ได้สนใจอ่านข้ออื่นๆ แต่เพียงครู่เดียว ก็เป็นเวลาเที่ยงคืน รถยังติดอยู่บนถนน แม้จะห่างจากบ้านอีกแค่ประมาณ 300 เมตรเศษๆ เพลงในรถที่เขาเปิดฟังอย่างคุ้นหู ท้วงทำนองเริ่มแปลกไปอย่างที่เคยฟัง แถมยังมีเสียงคล้ายคนสะอื้นดังมาจากลำโพง นัทคิดว่าหูแว่ว เลยปิดวิทยุ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีก เมื่อรถขยับอีกครั้ง เขาก็เปิดเพลงเสียงดังตามปกติ เพื่อจะได้ฟังเพลงเพลินๆ เพื่อลดความง่วง แต่กลับกลายเป็นเสียงโหยหวน ร้องไห้คร่ำครวญ จนนัทถึงกับขนลุกไปทั้งตัว แอร์ในรถที่เย็นไม่มาก กลับรู้สึกเย็นไปถึงกระดูก นัทรีบปิดวิทยุ ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำตัวเอง และรีบกลับห้องพักตัวเองทันที

นัทหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านดู โดยกฏข้อต่างๆ มีดังต่อไปนี้

กฏข้อที่ 2 ห้ามจอดรถทิ้งไว้นานเกิน 15 นาที ตรงบริเวณบ้านที่มีเลขที่บ้านลงท้ายด้วยเลขคู่

โชคดีที่วันที่อพาร์ทเม้นของเขายังมีที่จอดรถพอจะว่าง เขาเลยคิดว่ากฏข้อนี้เขาก็คงไม่ได้ละเมิดอะไร 

กฏข้อที่ 3 ห้ามจอดรถรับคน หากมีคนโบกที่หันหลังให้กับรถ

กฏข้อที่ 4 ห้ามมองกระจกหลังติดต่อกันเกิน 3 ครั้ง บริเวณทางโค้งที่ไม่มีไฟส่องสัญญาณ

กฏข้อที่ 5 ห้ามบีบแตรส่งเสียงดัง เมื่อพบเห็นเงาที่ทอดอยู่บนถนน ในคืนที่ไร้แสงจันทร์

นัทอ่านกฏแต่ละข้อ รู้สึกถึงความแปลกๆ ของกฏเหล่านี้ ใจนึกก็ฉุคิด ว่ารถคันนี้ อาจจะมีปัญหาหากวิ่งตอนกลางคืน แล้วอาจจเกิดอันตรายได้ ถ้าไม่มีใครมาช่วยยามค่ำคืน ก็เลยสร้างกฏแปลกๆ ไม่ให้ขับรถตอนกลางคืนก็เป็นได้ นัทก็เลยไม่ค่อยใส่ใจมากนัก

3 คือถัดไป นัทเองมีงานเลี้ยงที่ต้องเลิกดึก และคงจะต้องกลับบ้านหลังเที่ยงคืนแน่ๆ ด้วยกฏบ้าๆ บอๆ นั่น ทำให้นัทไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่ในคืนนั้น เขาก็เผลอเปิดเพลงที่มีเนื้อร้องอีกจนได้ หนนี้กลายเป็นเสียงร้องไห้ดังมาจากเบาะหลังอย่างชัดเจน นัทเหวอจนตกใจรีบปิดเสียง พอตั้งสติได้ก็ลองเปิดอีกครั้ง.. หนนี้ละชัดเต็มสองหู ว่ามีเสียงคนร้องไห้นั่งอยู่ที่เบาะหลัง ไม่รู้ด้วยความกลัวหรือความเกร็ง ทำให้คอของเขาแข็งจนหันกลับมามองยังทำไม่ได้ ด้วยความกลัวมือของนัทรีบปิดวิทยุ ตั้งสติ แล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม 

นัทรีบขับรถกลับบ้านทันที โดยระหว่างทาง เขาก็เจอกับหญิงสาวที่เหมือนจะโบกรถขอติดรถไปด้วย นัทพยายามชะลอรถ เพื่อจะสอบถาม แต่พอไฟหน้ารถส่องถึง กลับพบว่า หญิงสาวคนนั้นกลับหันหลังให้กับถนน โดยมือก็ยังโบกอยู่ นัทนึกถึงกฏข้อที่ 3 ขึ้นมาทันที จนทำให้เขาเร่งเครื่องผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อมองกระจกหลังกลับพบว่า หญิงสาวคนนั้นก็ยังหันหลังโบกรถต่อไปอยู่แบบนั้น

เมื่อนัทกลับมาถึงอพาร์ตเม้น วันนี้เขาเองกลับหาที่จอดรถไม่ได้ วนๆ หาก็ไม่มี เลยจำเป็นต้องมาจอดริมถนนที่ห่างจากอพาร์เม้นประมาณ 50 เมตร โดยมีช่องว่างตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง เลขที่บ้าน 13/722 ซึ่งกฏข้อที่ 2 ก็ระบุไว้ว่าอย่าจอดรถนานเกิน 15 นาทีกับบ้านเลขที่ที่ลงท้ายด้วยเลขคู่ แต่ก็เอาน่า คงไม่เป็นไรหรอก เหตุเมื่อกี้อาจจะบังเอิญก็เป็นได้

พอเขากลับขึ้นอพาร์เม้นไปซึ่งอยู่ชั้น 4 สามารถมองออกจากระเบียงมาเห็นรถที่จอดอยู่ริมถนนด้วยเช่นกัน ทันใดนั้น รถเขาก็เกิดอาการสั่นอย่างผิดปกติ นัทตกใจที่มองเห็นอยู่ จึงรีบวิ่งไปดูที่รถ ใจนึงก็กลัว อีกใจนึงคิดว่าอาจจะมีขโมย หรือมีใครติดอยู่ในรถ เมื่อมาถึงใกล้รถ รถกลับสั่นอย่างกับมีคนเขย่าอย่างรุนแรง นัทพยายามเปิดแต่เปิดไม่ออก จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง รถเริ่มหยุดสั่น และประตูก็เปิดออกมาอย่างง่ายดาย กลับไม่พบอะไรในรถ นัทมองเลขที่บ้านด้วยความฉุใจ เลยรีบย้ายรถออกจากจุดที่จอด ไปจอดที่อื่นทันที ก็ไม่รู้เพราะอะไร แต่ตอนนี้ควรเชื่อบ้างแล้ว

นับตั้งแต่นั้นมากว่า 2 อาทิตย์ นัทพยายามกลับบ้านไว และไม่เสี่ยงละเมิดกฏ ทุกอย่างก็แลดูปกติ แต่แล้วเขาก็พลาดเพราะเขาลืม โดยเขาจำเป็นต้องไปที่ๆ หนึ่งที่ไม่คุ้นทาง มีโค้งมากมายและถนนก็มืด โดยข้างหน้ามีโค้งๆ หนึ่ง ซึ่งนัทเวลาขับรถมักจะระวังหลังด้วยการมองกระจกอยู่รอบด้านจนติดนิสัย แต่โค้งนั้น นัทขับอย่างช้าๆ เพราะมันมืดและเป็นโค้งที่มีระยะยาว แต่ก็เผลอมองกระจกหลังด้วยความชินอยู่หลายครั้ง และพอมองถึงครั้งที่ 5 เขาก็ฉุคิดถึงกฏ 5 ข้อได้ ทำให้เขารู้ตัวทันทีว่าเขาทำพลาดซะแล้ว เมื่อมองกระจกหลังอีกรอบ กลับผมร่างสีดำนั่งอยู่เบาหลังในระยะประชิด นัทตกใจร้องเฮ้ยลั่นรถและเหยียบเบรคแทบหัวทิ่ม เมื่อหันไปมองกลับไม่พออะไร ตอนนี้เขาจอดอยู่กลางโค้งในถนนที่มืดมิด และอันตรายสุดๆ เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว แล้วรีบขับออกโค้งไปทันที 

เขาพยายามมองหลังก็ไม่มีอะไรให้เห็น แต่ถนนเส้นนี้ มันช่างมืดเสียเหลือเกิน และไม่นาน เขาก็พบเหมือนเงาดำๆ ที่ทอดอยู่บนถนน โดยมีเหมือนร่างคนที่อยู่ข้างทางกำลังจะข้ามหรือไม่ข้ามก็ไม่แน่ใจ นัทเลยตกใจบีบแตรยาวใส่เพื่อให้คนๆ นั้นรู้ตัวว่ารถมา แต่ร่างนั้นกลับยืนนิ่งอยู่กลางถนน จนทำให้นัทเองต้องเบรกกระทันหันอีกครั้ง แม้ไฟจะส่องร่างนั้นไปแล้ว แต่กลับมองไม่เห็นเป็นลักษณะของคนเลยแม้แต่น้อย เห็นแต่เพียงร่างเงาดำทมิฬขนาดใหญ่ ที่ยืนอยู่กลางถนน นัทตกใจกลัวแขนขาแข็งไม่กล้าขับรถต่อ สองข้างทางก็มืดสนิท สติก็ค่อยๆ หลุดเพราะความกลัว และนัท ก็แน่นิ่งไปในรถ

อีกหลายชั่วโมงต่อมา แสงแดดเริ่มแยงตา นัทตื่นและรู้สึกตัวว่าตัวเอง หลับคารถที่ยังสตาร์ทอยู่ริมถนน โชคดีที่ไม่ขาดอากาศหายใจ และโชคดีที่ปลอดภัยในคืนนั้นได้ นัทเลยตัดสินใจ จะขายรถคันนี้ทิ้งทันที ไม่เอาอีกแล้ว แม้จะขาดทุนก็ยอม แต่ปรากฏว่า เต้นท์นั้น ก็ได้ปิดร้างไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อคนขายได้อีก นัทเลยไปขายเต้นท์อื่น และขายได้ไม่มากนัก แต่อย่างน้อย เขาก็เริ่มสบายใจเมื่อรถคันนี้หลุดมือไป

มีอีกหลายตอนเด็ดๆ น่ากลัว รับชมได้ที่ยูทูป เรื่องสยอง12ค่ำ นะครับ