หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนานคำสาปเจ้าหญิงเลือดขาวแห่งเกาะลังกาวี เรื่องจริงหรือนิทาน?

เนื้อหาโดย มะม่วงแอปเปิ้ล

ตำนานอันโด่งดังของ "เจ้าหญิงเลือดขาว" หรือ พระนางมัสสุหรี แห่งเกาะลังกาวี ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในประเทศไทยเมื่อราวสองทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยคำสำคัญเช่น พระนางมัสสุหรี, คำสาปเกาะลังกาวี และหาดทรายดำ บทความนี้จะนำเสนอข้อเท็จจริงและแง่มุมต่างๆ ของตำนานดังกล่าว

กำเนิดและโศกนาฏกรรม

เกาะลังกาวีตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ห่างจากเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล เพียง 4 กิโลเมตร ตำนานพระนางมัสสุหรีแม้จะเป็นของมาเลเซีย แต่มีจุดเริ่มต้นที่สำคัญในประเทศไทย พระนางมัสสุหรีถือกำเนิดที่ เกาะภูเก็ต เมื่อประมาณคริสต์ศักราช 1819 (พุทธศักราช 2362) ในครอบครัวชาวมุสลิมผู้ค้าขายทางทะเล มีการทำนายว่าเธอมีบุญญาธิการ เมื่ออายุ 7 ขวบ ครอบครัวย้ายไปลังกาวี ซึ่งบางตำนานระบุว่าเกิดจากพายุพัดเรือแตกจนต้องลี้ภัยไปตั้งรกรากที่นั่น

พระนางมัสสุหรีเติบโตเป็นหญิงงามเพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและกิริยา จนเป็นที่ต้องตาของ เจ้าชายวันดารุ แห่งราชวงศ์สุลต่านผู้ปกครองเกาะลังกาวี ทั้งสองได้อภิเษกสมรสกัน แต่ชีวิตในวังกลับไม่ราบรื่นนัก ประไหมสุหรี มเหสีสูงสุดของวัง เกิดความไม่พอใจและใส่ร้ายนางมัสสุหรีว่าคบชู้ สถานการณ์เลวร้ายลงเมื่อนางมัสสุหรีตั้งครรภ์และให้กำเนิดโอรส เมื่อเจ้าชายวันดารุต้องออกรบในสงครามระหว่างสยามกับลังกาวี ประไหมสุหรีได้ใช้โอกาสนี้ใส่ร้ายนางมัสสุหรีต่อสาธารณะจนสุลต่านต้องมีคำสั่งประหารชีวิต

ก่อนการประหาร นางมัสสุหรีได้ยืนยันความบริสุทธิ์และอธิษฐานว่าหากเธอเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ขอให้โลหิตของเธอเป็นสีขาวเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ และขอสาปแช่งให้เกาะลังกาวีตกต่ำ ไม่เจริญไปอีก 7 ชั่วโคตร เมื่อเพชฌฆาตใช้กริชประจำตระกูลของนางแทง โลหิตสีขาวก็พวยพุ่งออกมาจริงตามคำอธิษฐาน หลังการประหาร เจ้าชายวันดารุพาลูกชายหนีกลับไปภูเก็ตและไม่กลับมาลังกาวีอีกเลย

 

ผลของคำสาปและการฟื้นฟู

หลังจากเหตุการณ์นั้น เกาะลังกาวีประสบภาวะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง จากเกาะที่เป็นอิสระกลับถูกสยามโจมตี หาดทรายขาวสะอาดกลายเป็นสีดำ ภาวะตกต่ำนี้กินเวลานานกว่า 200 ปี 

จนกระทั่งระหว่างปี พ.ศ. 2529-2530 รัฐบาลมาเลเซียได้เริ่มสืบหาทายาทของพระนางมัสสุหรีเพื่อแก้ไขคำสาป ในที่สุดเมื่อปี 2542 ก็พบ คุณสิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ซึ่งเป็นเด็กหญิงวัย 14-15 ปี อาศัยอยู่ที่ภูเก็ต อันเป็นบ้านเกิดของพระนางมัสสุหรี ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวของคุณสิรินทรายังครอบครองกริชประจำตระกูลที่เชื่อว่าเป็นกริชที่ใช้สังหารพระนางมัสสุหรี และชื่อของบรรพบุรุษรุ่นที่ 1 ของคุณสิรินทราคือ "ดาเกม" ซึ่งตรงกับชื่อโอรสของพระนางมัสสุหรีและเจ้าชายวันดารุ 

ทางการมาเลเซียได้เชิญคุณสิรินทราเดินทางไปลังกาวีเพื่อประกอบพิธีแก้คำสาป การมาเยือนครั้งนั้นได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่จากชาวมาเลเซีย โดยเฉพาะชาวลังกาวีผู้เชื่อมั่นว่าคำสาปจะถูกปลดปล่อย หลังจากพิธี เกาะลังกาวีเริ่มพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และหาดทรายสีดำก็ค่อยๆ กลับมาเป็นสีขาว ผู้คนจึงเชื่อว่าคำสาปเจ้าหญิงเลือดขาวมีอยู่จริง ด้วยความสอดคล้องของเหตุการณ์ต่างๆ อย่างน่าประหลาดใจ

การวิเคราะห์เชิงประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์

ในมุมมองทางประวัติศาสตร์ เหตุการณ์กบฏไทรบุรีในปีคริสต์ศักราช 1838 (พุทธศักราช 2381) ซึ่งลังกาวีถูกรุกรานโดยสยาม สอดคล้องกับเรื่องราวสงคราม  การตกต่ำของเกาะอาจไม่ใช่ผลจากคำสาปโดยตรง แต่เกิดจากความไม่สงบในช่วงสงคราม ชาวลังกาวีในยุคนั้นได้ใช้วิธีเผาไร่นาและวางยาพิษในบ่อน้ำเพื่อกีดกันกองทัพสยาม ซึ่งนำไปสู่การอพยพของผู้คนและการซบเซาทางเศรษฐกิจ ดังหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า ปาดังมาซิรัต ("นาข้าวที่ถูกเผา")

ส่วนหาดทรายสีดำนั้น นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เกิดได้จากแร่เหล็กที่ผุกร่อนในหิน หรือการผสมกันของแร่ควอตซ์กับแร่อิลเมไนต์ (ซึ่งมีสีดำหรือแดงน้ำตาล) ที่พบถึง 40% ในทรายของลังกาวี นอกจากนี้ การทำเหมืองแร่และทิ้งกากแร่ก็อาจเป็นสาเหตุ การที่หาดทรายกลับมาขาวอาจเป็นผลจากการทำความสะอาดและจัดการสิ่งแวดล้อมโดยรัฐบาล

สำหรับโลหิตสีขาว มีข้อสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากภาวะไตรกลีเซอไรด์สูงในเลือด หรืออาจเป็นการเข้าใจผิดว่าเป็นน้ำนม เนื่องจากพระนางมัสสุหรีเพิ่งคลอดบุตร ขณะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของลังกาวีหลังพิธีแก้คำสาปนั้น นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการตลาดที่ยอดเยี่ยมของรัฐบาลมาเลเซียที่ใช้ตำนานนี้ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก

โดยสรุปแล้ว เรื่องราวของพระนางมัสสุหรีและคำสาปเจ้าหญิงเลือดขาวนั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงว่าเป็นการผนวกระหว่างความเชื่อทางตำนานกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แม้จะมีคำอธิบายตามหลักการ แต่ความสอดคล้องของเหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังคงชวนให้เกิดความศรัทธาในตำนานนี้อยู่ดี


เนื้อหาโดย: มะม่วงแอปเปิ้ล
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: jinniejah
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบบทเรียนรักกลางสมุทร: อดีตลูกเรือสำราญเตือนสติ ทำไม "ความรักในที่ทำงาน" บนเรือถึงเป็นดราม่าที่หนีไม่พ้นเจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัลเปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทย5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำใครที่ยังตั้งรหัสผ่านง่ายๆ รีบเปลี่ยนด่วน! เพราะไม่ปลอดภัยอาจโดนเจาะได้
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เปิดแฟ้มลับ 5 อันดับคดีมนต์ดำสะเทือนราชสำนักไทยบุรีรัมย์เดือด! ศึกชิงเก้าอี้ สส. วันแรกคึกคัก 'ไหม ศิริกัญญา' บุกถิ่นพรรคสีน้ำเงิน ท้าชนกลุ่มอำนาจเดิมหลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เรื่องของผู้ชายที่ควรรู้เกี่ยวกับการช่วยตัวเองบ่อยๆ ว่าจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายลดลงหรือไม่เฉลยแล้ว! 2 จุดอับใน "เครื่องซักผ้า" ที่หลายคนมองข้าม จนกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว“แอ่งดานาคิล” ราวกับอยู่บนต่างดาว สถานที่สุดโหดร้ายแห่งหนึ่งของโลกภาพของเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงหรือทีมทำความสะอาด ที่กำลังปฏิบัติงานบริเวณ "ดวงตา" ขององค์พระพุทธรูปอุชิคุ ไดบุตสึ
ตั้งกระทู้ใหม่