รีวิวหนังสือ ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่
"คนโง่" ในที่นี้หมายถึง มนุษย์ที่ไม่มีค่าพอให้เราไป
ต่อสู้ด้วย หรือกังวลใจนั่นเอง พวกเขาเป็นคนไร้แก่นสารที่รกหูรกตาคุณ บางเวลาก็เป็นตัวถ่วงแข้ง ขาคุณโดยไม่มีเหตุผล และบางครั้งก็หาเรื่องคุณ เพื่อยกระดับคุณค่าของตัวเอง
นี่คือคนที่เรามักเจอในที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราหัวเสีย ยอมบันดาลโทสะประกาศเป็นศัตรูก็มีให้เห็นกันมามาก
ทามุระ โคทาโร่ จะมาให้แนวคิดภายในเล่มเพื่อที่เราจะได้ลดปัญหาการมีเรื่องกับคนอื่นและใช้ชีวิตได้เป็นปกติสุขให้ได้มากที่สุด เพราะเขาเป็นอดีตนักการเมืองญี่ปุ่น เขารู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันน่าโมโหแค่ไหน
ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์
1.การโมโห แค้นเคือง และแก้แค้น ล้วนเป็นการกระทำเชิงลบที่เปล่าประโยชน์ การมัวแต่ใส่ใจกับสิ่งที่จบไปแล้วยังแต่จะทำให้เราติดอยู่ในวงจรอุบาทว์ แม้การมีจิตสำนึกในเรื่องความรับผิดชอบ หรือ ความยุติธรรมว่าต้องไม่ให้อภัยคนโง่นั้นจะเป็นเรื่องดี แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องไร้เดียงสา
2.คนที่ประสบความสำเร็จจะยึดตามหลักความจริง จริงอยู่ที่เราควรรู้จักแยกแยะดีชั่ว แต่ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีต้องไม่ยึดติดกับเรื่องผิดชอบชั่วดี เราต้องไม่คาดหวังว่าจะมีผู้ผดุงความยุติธรรมมากำราบ คนชั่วให้เรา
3.คุณจะมัวสนใจอดีตอันน่าแค้นเคืองจนทำให้ต้องสังเวยอนาคตของตัวเอง หรือจะยึดถือหลักความจริงที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จดีล่ะ ทั้งที่แค่ไม่ยึดติดกับอดีต และคิดว่ามันเป็นเรื่องที่จบไปแล้ว ก็ทำให้แผลในใจตื่นขึ้น แต่หลายคนกลับเลือกที่จะทุ่มเทเวลาและพลังงานไปกับการชำระความแค้นในอดีตแทน
4.คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่ต่อสู้อย่างเปล่าประโยชน์ อีกทั้งจะเลือกคู่ต่อสู้และเวลาต่อสู้ที่เหมาะสม พวกเขาประสบความสำเร็จก็เพราะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความไร้ประโยชน์ ของการต่อสู้กับคนโง่นั่นเอง
5.คนที่คุณควรจะต่อสู้ด้วย คือ “ตัวคุณที่เอาแต่คิดวนเวียนอยู่เรื่องเดิม” และ “ตัวคุณที่กำลังโมโห” ต่างหากประเด็นแรกที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องเหนื่อยล้ากับคนโง่คือการให้ความสนใจกับตัวเองมากขึ้น
6.แนวคิดที่ว่าคนดีต้องได้รับการส่งเสริม คนชั่วต้องถูกกำราบเป็นความคิดที่ไร้เดียงสา เพราะความเป็นจริงในชีวิตคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีความชั่ว
7."เวลาลงมือทำอะไรสักอย่าง คุณควรคำนึงถึงคุณค่าของเวลาที่มีอยู่เสมอ ลองคิดดูว่าถ้ามีเวลา 1 ชม. คุณจะสามารถทำอะไรได้บ้าง หากมีเวลาเหลือไปถึงเรื่องความสัมพันธ์กับผู้คน หรือรู้สึกหงุดหงิดละก็ สู้อาเวลาไปเรียนภาษาอังกฤษ เพิ่มทักษะทางธุรกิจ หรือทำงานอดิเรกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ดูจะใช้เวลาได้คุ้มค่ามากกว่า"
8."คุณต้องไม่ผลาญเวลาไปกับการต่อสู้กับคนโง่ และไม่ต้องใส่ใจพวกเขา หากคุณต่อสู้อย่างไร้ประโยชน์ สุดท้ายคุณก็จะกลายเป็นคนโง่เง่าที่ไม่รู้จักให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเอง"
"เลิกต่อสู้อย่างไร้ประโยชน์ แล้วมุ่งสู่หนทางที่ทำให้ชีวิตมีความสุขกันดีกว่า"
9."การคอยจับตาดูคนอื่นจะทำให้เราไม่เหลือเวลามาพิจารณาตัวเอง แทนที่จะทำแบบนั้น ให้มาคิดทบทวนดูว่าสิ่งที่เราอยากทำจริงๆคืออะไร และอะไรที่จำเป็นต่อการทำสิ่งนั้น แล้วมุ่งความสนใจไปยังประเด็นเหล่านี้แทน แล้วคุณก็จะรู้ว่าไม่มีเวลาว่างไปสนใจคนอื่นแล้ว"
10.เราต้องจัดการกับอารมณ์โกรธอันพลุ่งพล่านด้วยการทำให้มันเยือกเย็นในชั่วพริบตาราวกับแช่ไนโตรเจนเหลว จงยิ้มแย้มสดใสราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วไประเบิดอารมณ์ในที่ห่างไกล จากนั้นจึงค่อยใช้ความคิดที่โปร่งโล่งแล้วมาวางแผนเรื่องที่ควรทำอย่างใจเย็น
11.ต่อให้เราถูกหักหน้าแต่คนรอบข้างก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากหรอก เพราะเดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องหน้าตาของเราอยู่แล้ว” ในกรณีที่ถูกอีกฝ่ายทำลายความน่าเชื่อถือ หรือถูกเหยียบย่ำผลงานจนส่งผลกระทบกับผลประโยชน์ของเราก็อาจเป็นปัญหาได้.. แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากหรอก..
12.ยิ่งคุณรู้สึกเกลียดชังใครบางคนก็ยิ่งต้องพยายามสื่อสารกับเขา เข้าไว้ แต่ไม่ต้องถึงขั้นพูดคุยกันอย่างสนิทสนมก็ได้ การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปกว่าเดิม คุณควรแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้มีเจตนาเป็นปฏิปักษ์ด้วย แม้ว่าคุณจะไม่อยากมองหน้าอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ แต่หากไม่มองหน้ากันไว้ คุณก็อาจคาดเดาอีกฝ่ายในแง่ร้ายมากเกินไปก็ได้
13.ไม่ว่าจะฉลาดสักแค่ไหน หาก มีแค่คนเดียวก็ย่อมทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ ถ้าไม่สามารถรวบรวมผู้คนแล้วคิดระบบที่ทำให้พวกเขาลงมือทำอย่างเอาจริงเอาจังได้ ไอเดียและความมุ่งมั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์เลย
14.ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่ถูกชะตา หรือ เป็นคนโง่ เราก็ควรมีปฏิสัมพันธ์ด้วยอย่างสุภาพ และเคารพนับถือการวิพากษ์วิจารณ์ หรือแสดงออกว่าไม่ชอบเป็นสิ่งที่ห้ามทำอย่างเด็ดขาด ลองคิดจากมุมมองของอีกฝ่าย เพื่อค้นหาว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร จากนั้นก็หาจุดที่ต่างฝ่ายต่างก็มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันออกมา
15.มนุษย์แต่ละคนย่อมมีจุดยืนของตัวเอง การนึกอยากพูดอะไรก็พูดถือเป็นการทำเรื่องไม่เป็นเรื่องสร้างศัตรูให้ตัวเอง และสุดท้ายก็ไม่สามารถ รวมเสียงสนับสนุนได้ หากไม่มีใครให้ความร่วมมือก็ย่อมทำเป้าหมายให้เป็นจริงไม่ได้
16.ลองนึกถึงมุมมองจากเบื้องบน เขาไม่สนหรอกว่าเรานิสัยดีหรือไม่ดี เขาสนแค่ว่าเราสามารถสร้างผลงานออกมาเป็นตัวเลขได้หรือเปล่า ถ้าทำได้แค่หนเดียวก็ไม่นับด้วย สิ่งที่เขาต้องการคือคนที่พึ่งได้ สามารถออกผลงานได้อย่างต่อเนื่อง
17.คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะรู้ว่า ความปรารถนาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรี ได้รับการเติมเต็มเรียบร้อยแล้ว ต่อให้ไม่พยายามทำตัวเด่นเขาก็ยังเด่นอยู่ดี แถมยังมีคนยกย่องเชิดชูอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเชิดชูตัวเองแต่อย่างใด ในทางกลับกัน หากคนที่ประสบความสำเร็จเลือกที่จะทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน เขาจะกลายเป็นที่นิยมชมชอบมากขึ้น และมีโอกาสประสบความสำเร็จครั้งต่อไปเพิ่มขึ้นด้วย”
18.ให้มองด้วยมุมของคนที่อยู่ข้างบน หากเป็นลูกน้อง เราต้องไม่มองตัวเอง จากมุมลูกน้อง แต่ต้องมองตัวเอง จากมุมของหัวหน้า เช่น ลองถามตัวเองดูว่า ตอนนี้คุณทำตัวเป็นประโยชน์กับหัวหน้าหรือเปล่า ? ได้รับความไว้วางใจหรือไม่ ? สิ่งที่หัวหน้า คาดหวังจากเรา คืออะไร ? เมื่อทำแบบนี้เราจะสามารถสร้างผลงานออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
19.โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องไม่สมเหตุสมผล แม้ความยุติธรรมและหลักการจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าคุณรับมือกับความใสซื่อ คุณจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แม้โลกความเป็นจริงจะดูสกปรก
แต่แทนที่จะรังเกียจมัน จดจ่อกับเป้าหมายของตัวเองและทุ่มเทให้กับการสร้างผลลัพธ์ ดีกว่า หากคุณจำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจในการสร้างผลลัพธ์ก็ควรเตรียมใจที่จะใช้อำนาจด้วย
20.ต่อให้เป็น คนที่คุณไม่ชอบหน้า คุณก็ไม่ควรจะไปเกลียดชังเขา แต่ควรเรียนรู้จากเขาเกี่ยวกับวิธีที่ช่วยให้ได้รับการยอมรับ หรือช่วยให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากกว่า คุณควรใช้ความสามารถของเขาให้เป็นประโยชน์กับตัวคุณ แทนที่จะมองว่าเขาเป็นศัตรู”
21.จงยับยั้งความเครียดด้วยการมีทัศนคติที่ดี และทำให้สภาพแวดล้อมสนุกสนานขึ้น ด้วยตัวเราเอง แทนที่จะสิ้นเปลืองเวลา และพลังงานไปกับการคร่ำครวญ ถึงสิ่งที่เราไม่มีจนกลายเป็นการเพิ่มความเครียดให้ตัวเอง พยายามทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เต็มที่จะดีกว่า จากนั้นสองทุ่มเวลาและพลังงานไปกับการทำให้รอบตัวเราสนุกสนานขึ้นมาสักนิดก็ยังดี
22.ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เราควรทุ่มเทกำลังและพลังงานไปกับสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ส่วนที่เราควบคุมไม่ได้นั้น ต่อให้มัวคิดมาก เป็นห่วง หรือรู้สึกหงุดหงิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาตามหลักการแล้ว เราไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน คนรัก หรือเพื่อนร่วมงานก็ตาม
23.การแต่งกายที่ดูสะอาดสะอ้านและมีระดับจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของคุณได้มากทีเดียว การแต่งกายสามารถบ่งบอกทัศนคติที่คนนั้นมีต่อสิ่งต่างๆ ได้เช่นกัน นอกจากจะทำให้คนอื่นชื่นชมแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองอีกด้วย
24."เวลาเผชิญหน้ากับตัวเองก็ต้องให้ถอดวิญญาณออกจากร่างเช่นกัน ลองถอยห่างจากตัวเองสักครั้งแล้วพิจารณาตัวเองด้วยมุมมองของคนอื่นดู เราจึงจะสามารถมองเห็นตัวเองอย่างแท้จริง"
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
ไทยยันคำเดิม “เขมรต้องหยุดยิงก่อน” เสธ.ทบ. ลั่นกู้คืนพื้นที่ได้ 90% แล้ว เหลืออีกนิดเดียวยึดคืนได้ทุกพื้นที่
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
เรื่องราวสุดประทับใจของ คาร์ลอส เฟรสโก (Carlos Fresco) และ มอนตี้ (Monty) สุนัขพันธุ์ลาบาดูดเดิลแสนรักวัย 10 ปี
สื่อนอกเจาะลึกความสูญเสีย รายงานข่าวทหารกัมพูชาบาดเจ็บ 400 นายเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 13 นาย พื้นที่เขาพระวิหารรัฐบาลสั่งปิดข่าว
พุทธศิลป์แนวใหม่หรือวัตถุนิยม? กระแสวิจารณ์ "หัวใจพระพุทธเจ้า" ทรงอนาโตมี
หมอปลาย พรายกระซิบ รีเทิร์นแบบฮาๆ! ทำนายพลาดทัวร์ลงหนัก ขอโทษยกมือไหว้ วอนชาวเน็ตให้โอกาสแก้ตัว ไม่งั้นเลิกดูดวงไปจับผีเต็มตัวซะเลย!
"เสือดาวจีนเหนือ" กลับคืนสู่ปักกิ่งหลังหายไป 3 ทศวรรษ นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานที่น่าตื่นเต้น
"กล้วยหอม" จากผลไม้พื้นบ้านสู่สินค้าเปลี่ยนโลก
ทำไมต้องเศร้าตอนพระอาทิตย์ตกดิน
วัฒนธรรมแท่งหินรูปกวาง (Deer Stones Culture) ในมองโกเลีย







