สวดมนต์ต่างบทได้บรรยากาศต่างแบบ
ยามที่เราเปิดเพลงฟังเวลาพักผ่อนในบ้าน เพลงต่างชนิดกันก็ให้ความรู้สึกสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างกันไป ยามฟังเพลงแจ๊สอาจรู้สึกเสมือนกำลังล่องลอยไปตามระดับเสียงแซ็กโซโฟน ฟังเพลงคลาสสิกอาจรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในหอประชุมใหญ่ๆ ฟังเพลงคันทรีก็ให้ภาพขี่ม้าอยู่กลางท้องทุ่ง ฟังเพลงร็อคอาจรู้สึกคล้ายนั่งอยู่ในผับท่ามกลางควันบุหรี่
ถ้าเราฟังเสียงพระสวดมนต์โดยไม่รู้คำแปล คงยากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างบท โดยใช้แค่ความรู้สึกของการฟัง เพราะฟังดูก็จะเหมือนเสียงโมโนโทนหรือเสียงระดับเดียวกัน เหมือนกันไปหมดแต่ต้นจนจบ แต่จริงๆ แล้วแต่ละบทที่สวดจะมีอานุภาพแตกต่างกันมาก แม้ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าก็ทรงแนะนำให้พระภิกษุใช้บทสวดมนต์แตกต่างกัน ให้ถูกสถานการณ์
เช่น ในคราวที่พระภิกษุกลุ่มที่ไปอยู่ในป่ามากราบขอคำปรึกษา เพราะถูกเทวดาเจ้าที่รบกวน ท่านก็ทรงแนะนำให้พระภิกษุกลุ่มนั้นสวดมนต์บทแผ่เมตตา (กรณียเมตตาสูตร) แต่ในคราวที่ท่านช่วยเด็กที่ชะตากำลังจะขาด จะต้องตายภายในเจ็ดวัน ท่านให้หมู่สงฆ์ล้อมวงรอบเด็กแล้วสวดพระปริตร ช่วยต่ออายุให้ ในเวลามีพระภิกษุอาพาธ ท่านก็ทรงให้เพื่อนพระช่วยเหลือพระที่อาพาธนั้นให้หายด้วยการสวดบทโพชฌงค์
อานุภาพที่แตกต่างกันที่แผ่ออกไปกระทบจิตวิญญาณใด จิตวิญญาณนั้นย่อมแยกแยะความแตกต่างได้ด้วยสัมผัสที่ละเอียด แยกแยะอารมณ์เพลงที่ใกล้กันออก เช่นฟังออกว่าเพลงไหนเป็นเพลงซอฟต์ร็อค เพลงไหนเป็นเพลงป็อป ด้วยประสาทสัมผัส
ดังนั้นเราต้องสวดมนต์ให้ถูกที่และถูกเวลา (Put the right prayer on the right place.) หากเรารู้สึกว่าที่พักอาศัยมีความขัดแย้ง มีการต่อต้านแอบแฝงจากสิ่งเร้นลับ (ผู้อาศัยอยู่ก่อน) อาจจะเป็นวิญญาณหรือเจ้าที่เจ้าทางใดๆก็แล้วแต่ซึ่งเราไม่รู้ ถึงเราไม่เชื่อ ก็ต้องไม่ลบหลู่ และไม่ทำสิ่งที่อาจจะไปกระทบกระทั่งต่อเจ้าที่ ซึ่งบางทียังมีอคติกับเราอยู่ ดังนั้นหากบังเอิญเราสวดมนต์ บทสวดพาหุงฯ (ชัยมงคลคาถา) ซึ่งเป็นบทว่าด้วยการผจญมาร ชนะมาร กำราบศัตรูที่คิดร้ายต่อพระพุทธองค์ อาจจะยิ่งทำให้เจ้าที่เจ้าทางที่มีทัศนคติเป็นศัตรูอันมองไม่เห็นนั้นเกิดความเร่าร้อน และสถานการณ์อาจยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เพราะเจ้าที่นั้นย่อมจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกขับไล่ออกจากที่อยู่เดิมไป
บทพาหุงฯมีพลังและอานุภาพมาก ผู้ที่สวดประจำย่อมจะชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ ศัตรูต่างๆ ที่คิดร้ายย่อมพ่ายแพ้ไป ช่วยให้ชีวิตราบรื่นประสบผลสำเร็จดังใจ สวดได้ทุกครัวเรือน ทุกคน ยกเว้นข้อควรระวังอย่างเดียว คืออย่าสวดถ้ายังเคลียร์ปัญหาไม่จบ (สำหรับบ้านที่มีปัญหาไม่ลงรอยกับเจ้าที่เจ้าทาง) ดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น
กรณีเช่นนี้ควรเลือกบทที่จะสร้างความรู้สึกผูกมิตรไมตรีต่อผู้ได้ยินได้ฟัง คือบทแผ่เมตตา (กรณียเมตตาสูตร) ซึ่งจะทำให้เจ้าที่เกิดความรู้สึกดีๆ คิดบวกกับเราและเช่นเดียวกับบางคนที่ไปสร้างบ้าน ทำรีสอร์ทอยู่ชายป่าชายเขา
บทกรณียเมตตาสูตรนี้จะมีประโยชน์ต่อความผาสุกอย่างมาก และเมื่อตั้งใจสวดเพียงไม่นานก็จะเห็นผล เห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านดีอย่างทันตา
การสวดบทธัมมจักรกัปวัตนสูตร อันเป็นเหมือนบทเลคเชอร์ธรรมะเรื่องการดับทุกข์ ย่อมจะเป็นที่ถูกอกถูกใจสำหรับเจ้าที่เจ้าทางซึ่งเคยเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ไทยสมัยก่อน ดังนั้นจึงควรสวดบทนี้ในกรณีที่ไปอาศัยอยู่ต่างถิ่นในภาคต่างๆ ของไทย ในจังหวัดที่เคยเป็นชุมชนหัวเมืองสำคัญเก่าแก่มาแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ซึ่งเคยมีบรรพบุรุษไทยรุ่นก่อนปู่ย่าตาทวดหลายๆ รุ่นอาศัยอยู่สืบต่อกันมาหลายร้อยปีมากมาย หากสามารถสวดบทนี้ได้เป็นครั้งคราว เมื่อย้ายไปอยู่ใหม่ในที่เช่นนั้น จะได้พบแต่สิ่งดีๆ บรรยากาศที่ดี เหมือนอยู่ท่ามกลางญาติมิตรที่คุ้นเคย หากแถวที่พักมีงูชุกชุม ควรจะต้องหัดสวดพระปริตร และหมั่นสวดบ่อยๆ ก่อนนอน
(หากต้องการทําที่พักหรือที่ทำงานให้เป็นมงคล หรือต้องการสร้างมงคลให้ชีวิต เพื่อชีวิตจะพบเจอแต่เรื่องดีๆ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ปลอดจากสิ่งอัปมงคล ต้องหมั่นสวดบทมงคลสูตร เป็นประจำ
หากต้องการความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ต้องสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นเป็นประจำ ซึ่งเป็นบทสักการะบูชาพระรัตนตรัย และกล่าวสรรเสริญพระรัตนตรัย ชีวิตย่อมก้าวหน้า ไม่ตกต่ำ ได้อยู่ในสถานะสูงส่ง ตำแหน่งหน้าที่การงานดี ได้รับการเคารพนับถือ
หากสวดมนต์คาถาชินบัญชร บ่อยๆ ซึ่งเป็นบทอาราธนาพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนศีรษะ และเป็นเกราะแก้วรอบกาย อาราธนาพระอรหันต์มาสถิตอยู่ทั่วร่างกาย อาราธนาพระธรรมมาประดิษฐานด้านบนเป็นหลังคาคุ้มภัย เราก็จะเหมือนมีพระเครื่องที่ไม่ต้องห้อยคอ แต่ประดิษฐานติดแน่นกับอวัยวะส่วนต่างๆ ตลอดเวลา ใครเข้าใกล้เราอาจจะรู้สึกเกรงๆ เกร็งๆ จนถึงคร้ามๆ จะดูเหมือนเราเป็นคนที่มีพาวเวอร์หรือพลังพิเศษในตัว มีอานุภาพลึกๆ ดูน่าเกรงขาม น่ายกย่อง
บางทีเราอาจจะมีความสามารถพิเศษเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เช่น สามารถช่วยคนที่มีอาการแปลกๆ ที่ชาวบ้านเข้าใจว่าผีเข้าให้หายได้
หากสวดมนต์บทอิติปิโสใส่บ่อยๆ ซึ่งเป็นบทสรรเสริญพระรัตนตรัย ส่วนย่อมมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ได้รับการสรรเสริญยกย่อง เชิดชูเกียรติ
หากสวดมนต์บทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ซึ่งเป็นบทสรรเสริญและนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้า ก็ย่อมเป็นบุคคลที่น่าชื่นชม ได้รับการยอมรับเชื่อถือ น่าเลื่อมใส น่ายกย่อง มีความปลอดภัยมั่นคงและความเจริญในชีวิต
นับว่าเมืองไทยและคนไทยโชคดีที่มีการสวดมนต์ มีเสียงสวดมนต์ดังอยู่ทั่วไป ปกคลุมแทบทุกพื้นที่มาหลายแสนนาน เหมือนหลังคาเรือนกระจายที่ปกคลุมปกป้องพืชให้เจริญเติบโต
นอกจากอานุภาพจากเนื้อความในบทสวดมนต์แล้ว การสวดมนต์ยังเป็นการภาวนาชนิดหนึ่งที่ช่วยฝึกสติ ซึ่งเป็น "บุญกิริยาวัตถุ" หนึ่งในสิบประการ
น่าแปลกที่คนเราย่อมลงทุน ลงแรง ลงเงินตั้งมากมายทำธุรกิจสารพัดอย่าง หวังมีชีวิตที่เจริญ แต่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มบ้างไม่คุ้มบ้าง เสี่ยงต่อการขาดทุนหรือล้มเหลวไป
แต่สิ่งที่ลงทุนน้อยที่สุด ความเสี่ยงไม่มี และนำสู่ความสำเร็จที่แน่นอน ไม่แปรผัน กลับเป็นสิ่งที่หลายๆ คนมองข้ามไป ทั้งที่การลงทุนในสิ่งนั้นใช้เพียงสิ่งเดียว นั่นคือ *ความตั้งใจจริง*
อ้างอิง : รู้บุญ ชีวิตรุ่ง โดย นพ.อรรคเดช นนทะโชติ















