สัญญาณเตือน ! อาการปวดท้องแบบไหนเสี่ยงมะเร็งลำไส้ รู้ทันก่อนสายเกินแก้
อาการปวดท้องจากมะเร็งลำไส้เกิดจากอะไร?
มะเร็งลำไส้เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในลำไส้ใหญ่ หรือ ทวารหนัก ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของก้อนเนื้อ หรือ เนื้องอก เมื่อก้อนเนื้อขยายใหญ่ขึ้น มันจะส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ เกิดการอุดตัน กดทับเนื้อเยื่อโดยรอบ ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องขึ้นได้
ลักษณะอาการปวดท้องแบบไหนที่เข้าข่ายมะเร็งลำไส้? อาการปวดท้องจากมะเร็งลำไส้มีลักษณะเฉพาะที่ควรสังเกต ได้แก่
1.ปวดท้องแบบเรื้อรัง ปวดเป็น ๆ หาย ๆ แต่ไม่หายขาด
2.ปวดท้องบริเวณล่างซ้ายหรือกลางท้อง
3.ปวดท้องร่วมกับการเปลี่ยนแปลงระบบขับถ่าย เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย
4.ปวดท้องและรู้สึกท้องอืด แน่นท้อง โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร
อาการร่วมอื่นๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง นอกจากอาการปวดท้องแล้ว มะเร็งลำไส้มักมาพร้อมกับอาการอื่นๆ ที่เป็นสัญญาณเตือน ได้แก่
1.มีเลือดปนในอุจจาระ หรือ ถ่ายดำ
2.อุจจาระมีขนาดเล็กลงหรือแคบกว่าปกติ
3.น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
4.รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง
5.ท้องผูกเรื้อรังหรือถ่ายไม่สุด
6.คลำพบก้อนในท้องที่บริเวณท้องตอนล่าง
7.คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
1.ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
2.ผู้ที่ชอบรับกินเนื้อแดง และ เนื้อที่ผ่านการทอด ปิ้ง หรือ ย่างไหม้เกรียม
3.ผู้ที่ชอบกินอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารที่มีไขมัน แคลอรี่สูง กินอาหารที่มีเส้นใยน้อย
4.ผู้มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะญาติสายตรง
5.ผู้ที่มีประวัติการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้
6.ผู้ที่มีปัญหาระบบขับถ่าย เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ท้องผูกเรื้อรัง
7.ผู้ที่สูบบุรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นประจำ
8.ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือ โรคอ้วน
ทำอย่างไรเมื่อไม่อยากเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ สามารถป้องกันไม่ให้เกิดได้ ดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการกินอาหารไขมันสูง เน้นกินอาหารที่มีไฟเบอร์ อาทิ ผัก และผลไม้
2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
3.กินเนื้อแดงให้น้อยลง
4.งดการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
5.ดูแลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติอยู่เสมอ
6.เมื่ออายุ 45 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองโดยการส่องกล้องทุก 5-10 ปี
















