จากประกายฟ้า สู่พลังงานไฟฟ้าในมือเรา
ไฟฟ้า พลังงานสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เริ่มจากการรับรู้ถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าเกรงขาม เช่น ฟ้าผ่า ในยุคโบราณ ชาวอียิปต์และนักปราชญ์กรีกเริ่มสังเกตและทดลองเกี่ยวกับไฟฟ้าสถิต แต่ยังไม่มีความเข้าใจที่แท้จริง
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 17 เมื่อ William Gilbert ศึกษาอำพันและตั้งชื่อพลังงานนี้ว่า "electricus" ต่อมา Benjamin Franklin พิสูจน์ความเชื่อมโยงระหว่างไฟฟ้าสถิตและฟ้าผ่า นำไปสู่การประดิษฐ์สายล่อฟ้า ในปี 1780 Luigi Galvani พบว่ากบมีการตอบสนองต่อไฟฟ้า แต่ Alessandro Volta อธิบายว่ากระแสไฟฟ้าเกิดจากการสัมผัสของโลหะต่างชนิดกันในตัวกบ นำไปสู่การประดิษฐ์แบตเตอรี่ไฟฟ้าเครื่องแรกของโลก
ในศตวรรษที่ 19 Michael Faraday ค้นพบการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการผลิตไฟฟ้า และนำไปสู่การพัฒนาไดนาโม ต้นแบบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในปัจจุบัน ในยุคนี้ยังมีนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ เช่น Ampère และ Ohm ที่มีบทบาทสำคัญในการศึกษาและกำหนดหน่วยวัดทางไฟฟ้า
การผลิตไฟฟ้าในยุคแรกอาศัยพลังงานไอน้ำเป็นหลัก โดยใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ในการต้มน้ำและขับเคลื่อนกังหัน แม้จะผลิตไฟฟ้าได้มาก แต่ก็มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อมามีการนำพลังงานน้ำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากเขื่อน ซึ่งเป็นวิธีที่สะอาด แต่การสร้างเขื่อนก็มีผลกระทบต่อระบบนิเวศ พลังงานลมก็เคยได้รับความนิยมในพื้นที่ห่างไกล แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องความไม่แน่นอนของลม
เมื่อปัญหาโลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้น การผลิตไฟฟ้าจึงต้องเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืน ประเทศไทย โดย กฟผ. ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 โดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเป็นการผสมผสานพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำที่มีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม พลังงานหมุนเวียนมีความไม่เสถียร จึงมีการนำระบบกักเก็บพลังงาน เช่น แบตเตอรี่ (BESS) และระบบสูบกลับพลังน้ำ (PHESS) มาใช้เพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น เชื้อเพลิงไฮโดรเจน แอมโมเนีย และการดักจับคาร์บอน (CCUS)
จากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าหวาดกลัว สู่พลังงานที่ขับเคลื่อนโลกปัจจุบัน มนุษย์ได้พัฒนาความรู้และความสามารถในการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์วิธีการผลิตไฟฟ้าที่สะอาด ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่ดีกว่า






















