หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ไขปริศนาตามหา “…น้ำปลาญี่ปุ่น…”

โพสท์โดย History of siam

ไขปริศนาตามหา “…น้ำปลาญี่ปุ่น…”

        ในโลกปัจจุบันมีปริศนาในประวัติศาสตร์มากมายหลายเรื่องราวที่รอคอยการค้นหาคำตอบ ในแง่มุมของอาหารการกินก็มีเรื่องราวน่าสนใจซ่อนอยู่ไม่น้อยที่รอคอยผู้มาเติมเต็มรสชาติ ความชอบเข้าครัวของผมเป็นจุดเริ่มต้นในการเสาะแสวงหาตำราอาหารเก่าๆ มาทดลองทำชิมรสชาติเมื่อครั้งอดีต นั้นทำให้ผมได้พบกับเครื่องปรุงรสเค็มอย่าง"...น้ำปลาญี่ปุ่น..." อีกครั้ง ผมพบร่องรอยของการใช้เครื่องปรุงชนิดนี้ในสูตรอาหารหลากหลายตำรับอย่างมีนัยยะ มันเกิดคำถามขึ้นมาในหัวเกือบจะทันทีต่อความรู้ในสมัยมัธยม ไหนบอกว่ามันหายไป? ไหนบอกว่ามันหายาก? แล้วทำไมถึงได้เจอการใช้งานมากมายขนาดนี้ และมันจะใช่น้ำปลาอย่างที่เรารู้จักกันจริงๆหรือไม่ ตามไปไขปริศนาด้วยกันครับ

        เริ่มจากสิ่งที่จะอธิบายความเป็นน้ำปลาญี่ปุ่นได้ดีที่สุด คือในแง่มุมของการเป็นเครื่องปรุงรสในเมนูอาหาร การพบกันครั้งแรกของผมคงจะเหมือนผู้อ่านหลายๆท่าน คือในบทพระราชนิพนธ์กาพย์เห่ชมเครื่องคาว-หวานในรัชกาลที่ 2 ที่กล่าวไว้ในเมนูยำใหญ่ว่า “…รสดีด้วยน้ำปลา ยี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ…” นั้นแหละครับ รสดี แล้วมันดียังไง? ทำไมถึงมีรสชาติต่างไปจากน้ำปลาท้องถิ่นถึงขั้นดีกว่าจนต้องเปรียบถึง หรือที่มีปรากฎในตำราอาหารเล่มแรกของไทยอย่าง แม่ครัวหัวป่าก์ (ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ พ.ศ.2451) ที่มีการใช้ในเมนูอาหารถึง 12 รายการซึ่งท่านยังได้กล่าวถึงรสชาติที่มีความเฉพาะเอาไว้ในเมนูปูพล่า กับแกงหมูหองฯ ว่า “… น้ำปลายี่ปุ่น ถ้าไม่ชอบจะไม่ใส่ก็ได้ …” ถ้ามันคือน้ำปลาธรรมดาๆอะไรคือกลิ่นรสเฉพาะตัว จนท่านผู้หญิงเปลี่ยนต้องเตือนให้ยั้งมือ?

ภาพหนังสือตำราแม่ครัวหัวป่าก์ พิมพ์ครั้งที่7 สำนักพิมพ์ต้นฉบับ และภาพท่านผู้หญิงเปลี่ยน กับ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค)
ขอบคุณภาพจาก เว็บไซต์ต้นฉบับศิลปวัฒนธรรม : https://www.silpa-mag.com/history/article_10466

        ในงานศึกษาเรื่องลองลิ้มชิมน้ำปลา ของ กฤช เหลือลมัย (Way Magazine 2017) นักประวัติศาสตร์ด้านอาหารชื่อดังให้ข้อสงสัยต่อน้ำปลาญี่ปุ่นไว้ว่าอาจจะเป็นไปได้ที่อาจจะไม่ใช่เครื่องปรุงในลักษณะที่เรียกว่าน้ำปลาหรืออาจจะเป็นโชยุก็ได้ และท่านยังเป็นผู้ที่เคยชิมน้ำปลาที่ทำจากการหมักปลากับเกลือจากประเทศญี่ปุ่นให้ความเห็นว่าก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากน้ำปลาไทยดีๆนี้เอง แต่ในงานเขียนเรื่องน้ำปลาญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ญี่ปุ่นมีน้ำปลาด้วยเหรอ? โดย สุริวัสสา กล่อมเดช (นิตยสารครัวออนไลน์ CRUA.CO) ให้ทัศนะสอดคล้องตามงานวิจัยกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานฯ ของ ศ.ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต ว่าเครื่องปรุงต้องสงสัยชนิดนี้น่าจะเป็นน้ำปลาชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นที่เรียกว่า น้ำปลา shottsuru (塩魚汁) ที่ผลิตขึ้นใน จังหวัดอากิตะ แถบภาคตะวันออกของญี่ปุ่นที่อาจถูกนำเข้ามากับเรือสินค้าช่วงรัตนโกสินทร์ก็เป็นได้ โดยให้ข้อมูลของน้ำปลาชนิดนี้ไว้อย่างน่าสนใจ


ภาพน้ำปลา ที่ผลิตในจังหวัดอากิตะ ประเทศญี่ปุ่น
ขอบคุณภาพจาก Jnn : https://th.wikipedia.org/wiki/ชตสึรุ

        ผมลองสืบทวนค้นหารายการสินค้าเข้า-ออกทั้งจากหลักฐานญี่ปุ่นและจีนในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์กลับไม่พบว่ามีการนำเข้าน้ำปลาจากประเทศญี่ปุ่นแต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะตกหล่นไม่ได้บันทึกไว้เพราะเป็นสินค้าที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรหนัก แต่กลับพบหลักฐานเก่าที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมีบันทึกเรือสำเภาสินค้าสยามได้นำสินค้าออกจากเมืองท่านางาซากิ ช่วงปลายสมัยอยุธยา พ.ศ. 2225 พบรายการสินค้าเบ็ดเตล็ดที่น่าสนใจอย่าง มิโซะ และซีอิ๊ว(โชยุ) มากับเรือสินค้าด้วยทำให้น่าคิดว่าถ้าถึงขั้นจะต้องนำเข้ามาก็อาจเป็นไปได้ว่าของชนิดนี้เป็นที่รู้จักมีความต้องการเเละเป็นที่นิยมมาจนถึงช่วงรัตนโกสินทร์ก็ได้ ผมขอย้อนกลับมาที่สูตรอาหารอีกสักนิดตลอดเวลาที่ผ่านมาเรามองน้ำปลาญี่ปุ่นผ่านมิติการเป็นเครื่องปรุงในสูตรอาหารไทยเลยทำให้มันดูจะเป็นของวิเศษน่าค้นหาหรือเปล่า? แน่นอนมันเป็นอย่างนั้น แต่จากตำราอาหารที่ผมได้ค้นพบกลับเป็นคนละเรื่องนอกจากน้ำปลาญี่ปุ่นจะไม่ได้อยู่แค่เฉพาะในอาหารไทยแล้วมันยังทำหน้าที่เป็นทั้งเครื่องปรุงและเครื่องจิ้ม ในอาหารที่หลากหลายทั้งสูตรไทย จีน ญี่ปุ่น ดังที่ปรากฎในตำราอาหารของเหล่าแม่ครัวฝีมือเอกร่วมสมัย เช่น  พบเมนูไข่ญี่ปุ่น  ในหนังสืออาหารของโปรด (หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิสกุล พ.ศ.2495) , พบเมนูเนื้อบูรพาหรือซูกี้ยากี้  ข้าวผัดเนื้อซอสวูสเตอร์ ในหนังสืออาหารว่างและอาหารพิเศษ (หม่อมหลวงปอง มาลากุล พ.ศ.2498) ,  และพบเมนูสุกี้ยากี้ โอเด้ง ซาชิมิ ในสูตรอาหารญี่ปุ่น (คุณอุบล หทยีช พ.ศ. 2517) เมื่อลองหันกลับมามองเครื่องปรุงชนิดนี้ในอาหารญี่ปุ่นอย่างสุกี้ยากี้ ควบคู่กับวัฒนธรรมการกินของคนในแถบเอเชียตะวันออกอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี  คงจะปฏิเสธความเป็นซีอิ๊วหรือโชยุได้ยาก

ภาพหม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิสกุล  ทรงประกอบอาหาร , รายการอาหารไข่ญี่ปุ่น ที่ปรากฏการใช้น้ำปลาญี่ปุ่น
ขอบคุณภาพจาก หนังสืออาหารของโปรด ของหม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิสกุล 
คลังสารสนเทศดิจิทัล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/ 

ภาพหนังสือตำรับอาหารว่างและอาหารพิเศษ , รายการอาหารเนื้อบูรพา (ซูกียากี้)
ขอบคุณภาพจาก หนังสือตำรับอาหารว่างและอาหารพิเศษ ของหม่อมหลวงปอง มาลากุล
คลังสารสนเทศดิจิทัล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/

        ถึงอย่างนั้นการจะยืนยันว่าน้ำปลาญี่ปุ่นเป็นโชยุเอาเสียดื้อๆก็ออกจะรวบรัดเกินไปหากไม่ได้มีอะไรเสนอเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากรูปแบบของอาหารเลย ช่วงเวลาเดียวกันผมศึกษาสภาพแวดล้อมของสังคมในช่วงที่น้ำปลาญี่ปุ่นปรากฎตัวอยู่เพื่อค้นหามุมมองอื่นๆที่อาจเป็นประโยชน์ จนไปพบเข้ากับฉากหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ คือช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองยาวมาจนถึงยุคของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ห้วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ประเทศไทยพยายามสร้างชาติพัฒนาตนเองให้ทันต่อโลกสมัยใหม่โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบสำคัญ ทุกท่านคงคิดว่าแล้วมันมีความเค็มของน้ำปลาญี่ปุ่นซ่อนตัวอยู่ตรงไหนกันใช่ไหมครับ? ในหนังสือตามรอยอาทิตย์อุทัย: แผนสร้างชาติไทยสมัยคณะราษฎร (ณัฐพล ใจจริง พ.ศ.2563) ฉายภาพให้เห็นว่าช่วงเวลานี้มีการเดินทางไป-มาประเทศญี่ปุ่นของเหล่านักการเมืองและชนชั้น ทั้งไปท่องเที่ยว ศึกษาดูงาน หรือไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่นกันอย่างคึกคัก แน่นอนว่าพลวัตเป็นของควบคู่กับวรรณกรรมเสมอผมค้นหางานเขียนต่างๆที่เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นของเหล่านักเดิน จนบังเอิญไปค้นพบหนังสือชิ้นหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในเอกสารที่น้อยคนจะหยิบขึ้นมาอ่านอย่างหนังสืองานศพ เรื่องแนะนำการไปญี่ปุ่น เขียนโดย คุณอมร เจริญภัณฑารักษ์ ที่จัดทำไว้เป็นอนุสรณ์งานณาปนกิจหลวงเจริญภัณฑารักษ์ผู้เป็นบิดาช่วงพ.ศ. 2510 หนังสือฉบับนี้ได้ให้ความรู้การไปใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นอย่างง่ายๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นกับงานเขียนเล่มนี้นั่นคือ มันปรากฏคำเรียกของ"...น้ำปลาญี่ปุ่น..." เอาไว้ว่า “...โชยุ...”  

        เพื่อที่จะยืนยันความถูกต้องของข้อมูลที่ค้นพบ ผมศึกษาแง่มุมในด้านภาษาศาสตร์ระหว่างไทย-ญี่ปุ่นในทันทีจนไปพบกับหนังสือ        น่าสนใจอีกเล่มที่เทียบได้กับพจนานุกรมภาษาญี่ปุ่นเล่มแรกๆ นั่นคือ หนังสือสนทนาไทย-ญี่ปุ่น แต่งโดยนายวัฒนา ตรีพฤกษพันธ์ เอส.มิ กี้ (พ.ศ. 2485) ในหนังสือเล่มนี้ปรากฎคำศัพท์ในลำดับที่ 43 เขียนด้วยอักษรคันจิ  酱油 และอักษรฮิรางานะ しょうゆ ろ ซึ่งแปลเป็น คำไทยว่า น้ำปลา  หากมองผ่านๆก็คงจะเออออห่อหมกไปว่ามันคงเป็นน้ำปลาที่ทำจากปลากับเกลือนั้นแหละ แต่ที่ผมบอกว่ามันน่าสนใจเพราะรากศัพท์ของอักษรทั้งสองประเภท กลับไม่ได้มีความหมายอย่างนั้น ทั้ง  酱油 และ しょうゆ  อ่านออกเสียงว่า โชยุ (Shoyu) ที่หมายถึง เครื่องปรุงรสที่หมักจากถั่วเหลือง มีสีดำ และให้รสเค็ม 

ภาพหนังสือแนะนำการไปญี่ปุ่น หน้า 50 ระบุคำแปลของ น้ำปลาญี่ปุ่น ว่าเป็น โชยุ
ขอบคุณภาพจาก หนังสือแนะนำการไปญี่ปุ่น ของ อมร เจริญภัณฑารักษ์
คลังสารสนเทศดิจิทัล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ : https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/ 

ภาพหนังสือสนทนาไทย-ญี่ปุ่น หน้า 106 ระบุคำแปลของ โชยุ ไว้ในลำดับที่ 43
ขอบคุณภาพจาก หนังสือสนทนาไทย-ญี่ปุ่น ของ นายวัฒนา ตรีพฤกษ์พันธ์ (เอส.มิ กี้)
ห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติ : http://mobile.nlt.go.th/read_all/384221

        อาจเป็นไปได้ว่าคนไทยยุคก่อนน่าจะเรียกเครื่องปรุงรสเค็มที่มีลักษณะคล้ายกับน้ำปลาพื้นถิ่นว่าเป็นน้ำปลาไปเสียหมด เพราะจากที่ค้นพบในตำราอาหารก็มีเครื่องปรุงอื่นๆที่เรียกในทำนองคล้ายๆกันอย่าง น้ำปลาซีอิ๊วใส, น้ำปลาเจ๊ก, น้ำปลาจีน การเติมคำสร้อยต่อท้ายคงเพื่อจำแนกรสชาติพิเศษของวัตถุนั้นๆเพื่อไม่ให้สับสนในการใช้งาน น้ำปลาญี่ปุ่นหรือโชยุก็คงจะเป็นในทำนองเดียวกันซึ่งกลิ่นและรสชาติที่พิเศษจนย้ำยวนใจน่าจะเกิดจากเทคนิคการหมักถั่วเหลือง ข้าวสาลีกับโคจิ(เชื้อราดี)อันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องปรุงชนิดนี้  และท้ายที่สุดและไม่ว่าน้ำปลาญี่ปุ่นจะมีทัศนะความเชื่อในแบบใดก็ตามบทความฉบับนี้ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปรุงประวัติศาสตร์ให้ครบรสยิ่งขึ้น

        เชิงอรรถ :  นายวัฒนา ตรีพฤกษพันธ์ (เอส.มิ กี้ )หรือ MIKI Sakae (ค.ศ1884-1966 ) ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ารับราชการในประเทศไทยช่วงปี พ.ศ.2472 ในตำแหน่งรองอำมาตย์โท ทำหน้าที่ครูช่างรัก สังกัดศิลปากร ในขณะที่พำนักในสยามท่านได้เปลี่ยนสัญชาติเป็นคนไทยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2482 และนอกจากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลงรักงานเคลือบพื้นผิวชนิดต่างๆแล้ว ท่านยังมีความเชี่ยวชาญในด้านงานเขียนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นที่เผยแผ่ในสยามยุคแรกๆ  เช่น หนังสือญี่ปุ่นประเทศอาทิตย์อุทัย พ.ศ. 2483 และหนังสือสนทนาไทย-ญี่ปุ่น พ.ศ. 2485(ที่พบคำแปลน้ำปลาญี่ปุ่น) หลังจากนั้นนายวัฒนา ตรีพฤกษพันธ์ (เอส.มิ กี้ )หรือ MIKI Sakae ได้ลาออกจากราชการและขอสละสัญชาติไทยเพื่อเดินทางกลับไปพำนักถาวรยังประเทศญี่ปุ่น

เนื้อหาโดย : ภาณุ ภาณุวัฒน์
อ้างอิงจาก:
- เนื่อง นิลรัตน์, หม่อมหลวง. (2557). ชีวิตในวัง. กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์แจ่มใส
- ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต. (2552). กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน กาพย์เห่นิราศแรมร้าง. กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- อิชิอิ โยเนะโอะ, โยชิกาวะ โทชิฮารุ. (2542). ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น 600 ปี . (พิมพ์ครั้งที่2). (พลับพลึง คงชนะมารศรี มียาโมโต, อาทร ฟุ้งธรรมสาร, แปล). กรุงเทพฯ:มูลนิธิโครงการตำราทางสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์.
- ตำรับสายเยาวภา. (2478). พระนคร :โรงพิมพ์กรุงเทพบรรณาคาร. (หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท
- อาหารท่านเป้า. (2527). กรุงเทพฯ : วัชรินทร์การพิมพ์. (หนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพท่านหญิงเราหินาวดี ดิศกุล)
- ปอง มาลากุล, หม่อมหลวง. (2498) ตำรับอาหารว่างและอาหารพิเศษ (พิมพ์ครั้งที่4). พระนคร:โรงพิมพ์พระจันทร์.
- สารภี นันทาภิวัฒน์. (2507). กับข้าว. พระนคร:ม.ป.พ. (ที่ระลึกงานญาปนกิจคุณมัลลิกา ปันยารชุน)
- บุญสม โอวัฒนา. (2511). วิธีปรุงอาหารส สิ่งละอันพันละน้อย. พระนคร:โรงพิมพ์อักษรประเสริฐ. (ที่ระลึกงานญา
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
History of siam's profile


โพสท์โดย: History of siam
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
9 VOTES (4.5/5 จาก 2 คน)
VOTED: kullanat, tlsong
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชนทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจายเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?""ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบวิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัลทหารกัมพูชา อาบนํ้ามนต์ ก่อนไปรบ📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำรู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่ปิดตำนาน 10 ปี "น้องคะน้า หรือ โมโมโนกิ คานะ" อำลาวงการทั้งน้ำตาเกาหลีแฉเอง! จีนเมินช่วยกัมพูชา ทัพฟ้าไทยจัดเต็มบินถล่มรังลับในเขมร
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ปิดตำนาน 10 ปี "น้องคะน้า หรือ โมโมโนกิ คานะ" อำลาวงการทั้งน้ำตานักร้องเคป็อประดับตำนานเผย "ผมไม่ค่อยชอบเพลงฮิตอย่าง APT ของโรเซ่"Body Gratitude การกล่าวขอบคุณร่างกาย ที่ให้เราได้ใช้ร่างกายในการดำเนินชีวิต โดยไม่ได้จำกัดแค่ความงาม เพื่อลดการเปรียบเทียบกับผู้อื่น และ สุขภาพจิตที่ดีขึ้น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
“ทำไมคนขยันหลายคนยังไม่ประสบความสำเร็จ? ความจริงที่ไม่มีใครบอกคุณ”ทึ่งทั่วโลก : "ทะเลสาบเพโท" ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แสนสดใสที่มองจากมุมสูงแล้วมีรูปร่างเหมือน "หัวสุนัขจิ้งจอก" ด้วยน๊าจะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?ทึ่งทั่วไทย : "สะพานท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย" (Bali Hai Pier) ในยามค่ำคืน
ตั้งกระทู้ใหม่