วัดคิชู ลาคัง (Kyichu Lhakhang)วัดที่เก่าแก่ที่สุดในภูฏาน
คิชู ลาคัง (หรือที่รู้จักกันในชื่อ เกียรชู เท็มเปิล (Kyerchu Temple) หรือ โล เกียรชู (Lho Kyerchu)) เป็นวัดพุทธแบบหิมาลายันที่สำคัญ ตั้งอยู่ในเขตลางโก เกว็อก (Lango Gewog) ของเมืองปาโร (Paro Dzongkhag) ประเทศภูฏาน
ประวัติ
วัดโจโวแห่งคิชู (Jowo Temple of Kyichu) ถือเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภูฏาน เดิมสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 โดยจักรพรรดิ ซงเซ็น กัมโป (Songtsen Gampo) กษัตริย์ลำดับที่ 33 แห่งราชวงศ์ยาร์ลุง (Yarlung dynasty) ผู้ปกครองทิเบตในช่วงแรกของสหัสวรรษแรก วัดนี้ถือเป็นหนึ่งในวัด 108 แห่งที่จักรพรรดิสร้างขึ้นเพื่อ “ปราบปรามพรมแดน” ตามคติทางศาสนา
ในศตวรรษที่ 8 วัดแห่งนี้ได้รับการเยือนจาก พระปัทมสมภวะ (Padmasambhava) ซึ่งเชื่อกันว่าท่านได้ซ่อนสมบัติทางจิตวิญญาณไว้ที่นี่จำนวนมาก
เจ เค็นโป เชรัป เกียลเช็น (Je Khenpo Sherab Gyaltshen) เขียนไว้ว่า ในช่วงศตวรรษที่ 12 วัดแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของนิกายลาภา กาจู (Lhapa Kagyu) และในศตวรรษที่ 13 ได้ส่งมอบต่อให้กับลูกหลานของ ฟาโจ ดรูคอม ชิกโป (Phajo Drugom Zhigpo) ผ่านทางบุตรของเขาชื่อ นีมา (Nyima)
ในหนังสือ The Nyingma School of Tibetan Buddhism: Its Fundamentals and History ของ จิกดรัล เยเช ดอร์เจ (Jigdral Yeshe Dorje) หรือที่รู้จักกันในนาม ทุดจอม รินโปเช องค์ที่สอง (2nd Dudjom Rinpoche) ได้บันทึกไว้ว่า วัดโจโวแห่งคิชู เคยไม่สามารถมองเห็นได้ และ เพมา ลิงปะ (Pema Lingpa) (พ.ศ. 1993–2064) ได้ค้นพบวัดนี้ และบูรณะให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ในปี ค.ศ. 1644 วัดนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ งาวัง นัมเกล (Ngawang Namgyal)
ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1836 ถึง 1838 ได้มีการบูรณะและประกอบพิธีสมโภชโดย เจ เค็นโป องค์ที่ 25 เชรัป เกียลเช็น
ในปี ค.ศ. 1971 สมเด็จพระราชินีเคซัง โชเด็น วังชุก (Kesang Choden Wangchuck) พระราชินีของพระราชา จิกมี ดอร์จิ วังชุก (Jigme Dorji Wangchuck) ได้สร้างวัดคุรุ (Guru Temple) ถัดจากวัดโจโวเดิม และได้รับการสมโภชโดย ท่านดิลโก เคียนเซ (Dilgo Khyentse)
ตั้งแต่นั้นมา ได้มีการจัดพิธีกรรมประจำปีที่เรียกว่า “พิธีบรรลุธรรมขั้นสูง” เพื่อถวายแด่พระโพธิสัตว์วัชรสัตว์ (Vajrasattva), พระปาลเช็น เฮรุกา (Palchen Heruka) และพระวัชรกีละยะ (Vajrakilaya) เพื่อความผาสุกของประเทศ ภายใต้การอุปถัมภ์ของสมเด็จพระราชินีเคซัง โชเด็น วังชุก
ต้นส้มที่ออกผลตลอดปี: สัญลักษณ์แห่งชีวิตนิรันดร์
ลักษณะพิเศษและมีเสน่ห์ของวัด Kyerchu คือ ต้นส้มที่เจริญเติบโตได้ดีในลานภายใน ตามตำนานเล่าว่า พระครูรินโปเช ผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนาพุทธเป็นผู้ปลูกต้นไม้ต้นนี้ และที่น่าสังเกตคือ ต้นส้มนี้ ให้ผลตลอดทั้งปี เป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิตชีวาทางจิตวิญญาณ ที่ยั่งยืนของวัด และวัฏจักรแห่งชีวิต ความตาย และการเกิดใหม่
วัตถุประสงค์
วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น เพื่อปราบปีศาจเพศหญิงชื่อ ซิน โม (Sin Mo) โดยเชื่อกันว่าวัดทั้ง 108 แห่งได้ถูกสร้างขึ้นในวันเดียวกันเพื่อตรึงร่างของนางและส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา วัดคิชู ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองปาโร ใช้เวลาขับรถประมาณ 5 นาทีจากตัวเมือง
ตำนานการสร้างวัดเหล่านี้ โดยกษัตริย์ทิเบต เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในหมู่ชาวภูฏาน และตามที่นักประวัติศาสตร์ คาร์มา พุนโช (Karma Phuntsho) กล่าวไว้ ประวัติศาสตร์ของภูฏาน เริ่มต้นจากเหตุการณ์นี้
เชื่อกันว่าวัดคิชู ลาคัง มีขนาดเล็กกว่านี้ ในอดีต เมื่อจักรพรรดิซงเซ็น กัมโปสร้างขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 659 แต่ต่อมา ได้รับการต่อเติมโดยพระอาจารย์ และนักบุญทางพุทธศาสนาจำนวนมาก จนกลายเป็นวัดอันงดงามดังที่เห็นในปัจจุบัน
วัดนี้ตั้งอยู่ระหว่าง สำนักชีเท็นเชิน โชเอลิง (Tenchen Choeling nunnery), ถ้ำตักซัง (Taktsang) และ ซังโชกอร์ (Sangchoekhor)
จิตรกรรมฝาผนังของวัดคิชู ลาคัง
– เป็นจิตรกรรมทางพุทธศิลป์ ที่ประดับผนังภายในวัด แสดงถึงเทพเจ้าและพระพุทธรูปต่าง ๆ ตามคติความเชื่อของพุทธศาสนาทิเบต
จารึกแผ่นทองเหลืองที่วัดคิชู ลาคัง
– เป็นจารึกข้อความศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์และศาสนา
ฮวงจุ้ยและตำแหน่งทางพลังจักรวาล (Geomancy)
วัดแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายวัดจำนวน 12 แห่งที่จัดวางรอบ วัดโจคัง (Jo-khang Temple) ในเมืองลาซา ประเทศทิเบต วัดทั้งหมดถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ซงเซ็น กัมโป โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปักหมุด “ฮวงจุ้ยพลังจักรวาล” และป้องกันสิ่งชั่วร้าย











