โดรนส่งอาหาร Dash Wing กำลังจะปฏิวัติวงการไรเดอร์ส่งอาหาร ในยุคที่ไรเดอร์ไม่พอใจค่าวิ่งทั่วโลก

ในยุคที่การแข่งขันของธุรกิจเดลิเวอรี่ทวีความเข้มข้นขึ้นทุกวัน ไม่เพียงแต่การแข่งขันด้านราคาและคุณภาพการบริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความท้าทายด้านต้นทุนการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าตอบแทนไรเดอร์ที่กลายเป็นประเด็นร้อนทั่วโลก บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจนวัตกรรมล่าสุดที่กำลังเขย่าวงการ Food Delivery นั่นคือ โดรนส่งอาหารจาก DoorDash ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเดลิเวอรี่ที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมนี้อย่างสิ้นเชิง

สหรัฐต้นแบบไรเดอร์ส่งอาหาร กับเทคโนโลยีแก้ไขปัญหาค่าแรงไรเดอร์

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรีอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นต้นกำเนิดของบริษัทเดลิเวอรี่ชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น DoorDash, UberEats, Grubhub และอื่นๆ อีกมากมาย แม้จะเป็นต้นแบบของการพัฒนาแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ แต่สหรัฐก็เผชิญกับปัญหาการเรียกร้องค่าตอบแทนที่เป็นธรรมจากไรเดอร์ไม่ต่างจากประเทศอื่น

ความท้าทายด้านค่าแรงไรเดอร์ในสหรัฐอเมริกา

ตามรายงานจาก Bureau of Labor Statistics ไรเดอร์ส่งอาหารในสหรัฐอเมริกามีรายได้เฉลี่ยประมาณ $15-20 ต่อชั่วโมง ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง และค่าประกัน รายได้สุทธิอาจเหลือเพียง $10-12 ต่อชั่วโมงเท่านั้น ทำให้หลายคนมองว่าไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงและเวลาที่เสียไป

การศึกษาจาก University of California, Berkeley ปี 2024 พบว่า 78% ของไรเดอร์ส่งอาหารในสหรัฐรู้สึกว่าค่าตอบแทนไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และ 83% มองว่าค่าตอบแทนไม่สมดุลกับภาระงาน การเรียกร้องค่าแรงที่เป็นธรรมจึงกลายเป็นประเด็นที่ทวีความรุนแรงขึ้น

การพัฒนาเทคโนโลยีโดรนของ DoorDash

ในปี 2022 DoorDash ได้เริ่มโครงการทดลองใช้โดรนส่งอาหารในพื้นที่จำกัด และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยในเดือนมกราคม 2025 บริษัทได้ประกาศแผนการขยายการใช้งานโดรนส่งอาหารอย่างเต็มรูปแบบในพื้นที่เมืองใหญ่ 20 แห่งทั่วสหรัฐภายในสิ้นปีนี้

จากรายงานประจำไตรมาสแรกของปี 2025 DoorDash ได้เปิดเผยว่าบริษัทได้ลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนาเทคโนโลยีโดรนรุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "DashWing" ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้:

• สามารถบรรทุกอาหารได้สูงสุด 5 กิโลกรัม
• มีระยะทางบินต่อเนื่องได้ไกลถึง 20 กิโลเมตร
• ใช้พลังงานแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มในเวลาเพียง 15 นาที
• มีระบบรักษาอุณหภูมิอาหารให้คงที่ตลอดการจัดส่ง
• ติดตั้งระบบ AI ที่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางและวางแผนเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ

ผลการทดสอบในเมือง Austin, Texas แสดงให้เห็นว่าโดรน DashWing สามารถลดเวลาในการจัดส่งอาหารลงได้เฉลี่ย 43% เมื่อเทียบกับการจัดส่งโดยไรเดอร์ และยังลดต้นทุนการจัดส่งลงได้ถึง 60% ในระยะยาว

Tony Xu ซีอีโอของ DoorDash กล่าวในการประชุมนักลงทุนเมื่อเดือนมีนาคม 2025 ว่า "โดรนไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมเท่านั้น แต่เป็นคำตอบของความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว ที่จะช่วยให้เราสามารถรักษาคุณภาพการบริการในขณะที่ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

การแก้ไขปัญหาค่าแรงไรเดอร์ Food Delivery ปัจจุบัน

ปัญหาค่าแรงไรเดอร์ไม่ใช่ประเด็นที่เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่เป็นปัญหาระดับโลกที่หลายประเทศกำลังเผชิญอยู่ แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมามีหลากหลายรูปแบบ แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน

การรวมกลุ่มเรียกร้องของไรเดอร์ทั่วโลก

การศึกษาจาก International Labor Organization (ILO) เผยแพร่ในเดือนสิงหาคม 2024 ระบุว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการประท้วงเรียกร้องค่าแรงที่เป็นธรรมของไรเดอร์เกิดขึ้นในอย่างน้อย 35 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศที่มีการเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น ได้แก่:

• สหราชอาณาจักร: ไรเดอร์ของ Deliveroo และ UberEats รวมตัวกันประท้วงเรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำ £12 ต่อชั่วโมง
• ฝรั่งเศส: ไรเดอร์เรียกร้องสถานะการจ้างงานที่มั่นคงและสวัสดิการที่เหมาะสม
• สเปน: รัฐบาลออกกฎหมายให้แพลตฟอร์มต้องจ้างไรเดอร์เป็นพนักงานประจำแทนการเป็นฟรีแลนซ์
• อินเดีย: การประท้วงใหญ่ของไรเดอร์ Zomato และ Swiggy เรียกร้องค่าแรงขั้นต่ำต่อการส่งอาหารแต่ละครั้ง
• บราซิล: การเรียกร้องการคุ้มครองทางกฎหมายและประกันอุบัติเหตุ

ในประเทศไทยเอง ก็มีการรวมตัวกันของกลุ่มไรเดอร์เพื่อเรียกร้องค่าวิ่งที่เป็นธรรมหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

การตอบสนองของบริษัทแพลตฟอร์ม

บริษัทแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ต่างๆ ได้พยายามแก้ไขปัญหาค่าแรงไรเดอร์ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน ดังนี้:

1. การปรับโครงสร้างค่าตอบแทน: หลายบริษัทปรับเปลี่ยนสูตรการคำนวณค่าตอบแทน โดยเพิ่มปัจจัยเช่น ระยะทาง ความต้องการในช่วงเวลานั้น และสภาพอากาศ
2. โปรแกรมจูงใจ: การเสนอโบนัสพิเศษสำหรับไรเดอร์ที่ทำงานในช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง หรือทำงานได้ตามเป้าที่กำหนด
3. การพัฒนาแอปพลิเคชัน: ปรับปรุงระบบการจัดสรรงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดระยะเวลารอคอยและเพิ่มจำนวนการส่งอาหารต่อชั่วโมง
4. สวัสดิการเพิ่มเติม: บางบริษัทเสนอประกันอุบัติเหตุ ส่วนลดค่าน้ำมัน หรือแม้กระทั่งโปรแกรมการศึกษาสำหรับไรเดอร์

อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาระยะสั้น และยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของไรเดอร์ได้อย่างยั่งยืน ทำให้หลายบริษัทเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีโดรนเพื่อลดการพึ่งพาไรเดอร์

กรณีศึกษา: DoorDash ในเมือง Austin

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 DoorDash ได้เริ่มโครงการทดลองใช้โดรน DashWing ในเมือง Austin อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการติดตั้งสถานีฐานสำหรับโดรน 15 แห่งทั่วเมือง ซึ่งสามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 70% ของเมือง

ผลการทดลองในช่วง 2 เดือนแรกแสดงให้เห็นว่า:

• การส่งอาหารด้วยโดรนคิดเป็น 32% ของการส่งอาหารทั้งหมดในพื้นที่
• เวลาในการจัดส่งลดลงเฉลี่ย 43% (จาก 35 นาทีเหลือ 20 นาที)
• ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น 28%
• ต้นทุนการจัดส่งลดลง 37% ในระยะสั้น และคาดว่าจะลดลงถึง 60% ในระยะยาว

ระบบโดรนของ DoorDash ทำงานโดยการรับอาหารจากร้านอาหารที่มีจุดส่งมอบสำหรับโดรนโดยเฉพาะ และบินไปยังจุดรับอาหารที่กำหนดไว้ใกล้ที่อยู่ของลูกค้า โดยลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันเมื่อโดรนมาถึง และสามารถรับอาหารได้ด้วยการสแกน QR Code

ผลกระทบจากการใช้โดรนส่งอาหารแก้ไขปัญหาเรียกร้องค่าแรงเพิ่มของไรเดอร์

การนำเทคโนโลยีโดรนมาใช้ในการส่งอาหารไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อบริษัทแพลตฟอร์มและผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อไรเดอร์และสังคมในวงกว้าง

---

บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH
✪ ตู้คีบตุ๊กตา ทำไมเข้าข่ายการพนัน การวิเคราะห์เชิงลึกทางกฎหมายและจิตวิทยา

✪ กลิ่นสีในบ้านใหม่ อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด!

---

ผลกระทบต่อการจ้างงานไรเดอร์

การศึกษาจาก McKinsey Global Institute ที่เผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน 2024 คาดการณ์ว่า หากโดรนส่งอาหารถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย จะส่งผลให้ความต้องการไรเดอร์ลดลงประมาณ 30-40% ภายในปี 2028 ซึ่งหมายถึงการสูญเสียงานของไรเดอร์หลายแสนคนทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวยังระบุว่าจะมีการสร้างงานใหม่ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น:

• เจ้าหน้าที่ควบคุมและบำรุงรักษาโดรน
• วิศวกรและนักพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับระบบโดรน
• เจ้าหน้าที่ประจำสถานีฐานโดรน
• ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและการกำกับดูแลโดรน

น่าสนใจว่า DoorDash ได้ประกาศโครงการฝึกอบรมไรเดอร์ปัจจุบันให้สามารถทำงานในตำแหน่งเหล่านี้ได้ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะฝึกอบรมไรเดอร์อย่างน้อย 5,000 คนภายในปี 2026

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การนำโดรนมาใช้ในการส่งอาหารมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจ:

• การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน: การศึกษาจาก MIT (2024) พบว่า โดรนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่ารถจักรยานยนต์ประมาณ 90% สำหรับการส่งอาหารในระยะทางเดียวกัน
• การลดการจราจรติดขัด: เมื่อมีการใช้โดรนมากขึ้น จำนวนรถจักรยานยนต์บนท้องถนนจะลดลง ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในเมืองใหญ่
• การใช้พลังงานสะอาด: โดรนของ DoorDash ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งสามารถผลิตได้จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ทำให้มีความยั่งยืนมากกว่าในระยะยาว

แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อกังวลบางประการ เช่น การสร้างมลภาวะทางเสียง และการรบกวนนกและสัตว์ในเมือง ซึ่ง DoorDash กล่าวว่ากำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดผลกระทบเหล่านี้

ผลกระทบต่อผู้บริโภคและร้านอาหาร

สำหรับผู้บริโภค การส่งอาหารด้วยโดรนมีข้อดีหลายประการ:

• ความรวดเร็ว: อาหารถึงมือผู้บริโภคเร็วขึ้น และมีความสม่ำเสมอมากขึ้นในเรื่องเวลาการจัดส่ง
• ราคาถูกลง: ในระยะยาว ค่าจัดส่งมีแนวโน้มจะถูกลง เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง
• อาหารคงคุณภาพ: ระบบควบคุมอุณหภูมิในโดรนช่วยให้อาหารคงความร้อนหรือความเย็นได้ดีกว่า

สำหรับร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านขนาดเล็กและขนาดกลาง การส่งอาหารด้วยโดรนอาจช่วยให้:

• ขยายพื้นที่การให้บริการได้กว้างขึ้น เนื่องจากโดรนสามารถบินไปได้ไกลกว่า
• ลดต้นทุนค่าคอมมิชชั่นในระยะยาว เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานของแพลตฟอร์มลดลง
• เพิ่มยอดขายเนื่องจากความรวดเร็วและคุณภาพอาหารที่ดีขึ้น

ความท้าทายและอุปสรรค

แม้ว่าโดรนส่งอาหารจะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไข:

1. กฎระเบียบและข้อบังคับ: หลายประเทศยังไม่มีกฎหมายรองรับการใช้โดรนเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้การขยายการให้บริการทำได้ช้า
2. ข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี: โดรนยังมีข้อจำกัดด้านระยะทางการบิน น้ำหนักบรรทุก และการทำงานในสภาพอากาศแปรปรวน
3. การยอมรับของสังคม: หลายคนยังมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโดรน
4. โครงสร้างพื้นฐาน: การใช้โดรนอย่างแพร่หลายต้องการโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะ เช่น สถานีฐานและจุดรับส่งอาหารสำหรับโดรน

DoorDash ระบุว่ากำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และวางแผนที่จะขยายการให้บริการทีละขั้นตอน โดยเริ่มจากพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐานก่อน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโดรนส่งอาหารทำงานยังไง (FAQ)

1. โดรนส่งอาหารของ DoorDash สามารถบินได้ไกลเท่าไร?

โดรน DashWing รุ่นล่าสุดของ DoorDash สามารถบินได้ไกลถึง 20 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองขนาดกลาง อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ DoorDash มักจะกำหนดระยะทางการบินสูงสุดที่ประมาณ 8-10 กิโลเมตรเพื่อให้มีพลังงานสำรองเพียงพอ

2. โดรนส่งอาหารสามารถทำงานได้ในทุกสภาพอากาศหรือไม่?

ไม่ โดรน DashWing ของ DoorDash มีข้อจำกัดในการทำงานในสภาพอากาศรุนแรง เช่น พายุฝนหนัก ลมแรง หรือหิมะตก ในกรณีที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ระบบจะสลับไปใช้ไรเดอร์แบบดั้งเดิมโดยอัตโนมัติ บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้โดรนสามารถทำงานได้ในสภาพอากาศที่หลากหลายมากขึ้น

3. อะไรจะเกิดขึ้นกับไรเดอร์ในปัจจุบันเมื่อมีการใช้โดรนอย่างแพร่หลาย?

DoorDash ได้ประกาศแผนการเปลี่ยนผ่านสำหรับไรเดอร์ ซึ่งรวมถึงโปรแกรมฝึกอบรมเพื่อเปลี่ยนไปทำงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของโดรน นอกจากนี้ บริษัทยังระบุว่าจะยังคงต้องการไรเดอร์สำหรับการจัดส่งในพื้นที่ที่โดรนไม่สามารถเข้าถึงได้ หรือในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย รวมถึงการจัดส่งสินค้าทีรวมถึงการจัดส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากเกินกว่าที่โดรนจะรับได้

4. โดรนส่งอาหารมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด?

โดรน DashWing ของ DoorDash ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยติดตั้งระบบความปลอดภัยหลายชั้น ได้แก่:

• ระบบหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางอัตโนมัติด้วย AI ที่ตรวจจับวัตถุได้แม้ในสภาพแสงน้อย
• ระบบนำทางสำรองที่ทำงานทันทีหากระบบหลักล้มเหลว
• เซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ที่สั่งให้โดรนกลับฐานก่อนสภาพอากาศเลวร้าย
• ระบบร่มชูชีพฉุกเฉินที่ทำงานอัตโนมัติเมื่อตรวจพบความผิดปกติในการบิน

จากข้อมูลของ Federal Aviation Administration (FAA) อัตราการเกิดอุบัติเหตุของโดรนเชิงพาณิชย์ที่ได้รับการรับรองอยู่ที่น้อยกว่า 0.01% ต่อการบินหนึ่งครั้ง ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยสูง DoorDash ยังมีการทดสอบโดรนกว่า 10,000 ชั่วโมงบินก่อนนำมาใช้งานจริง และมีมาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันการตกหล่นของอาหารระหว่างการขนส่ง

5. ราคาค่าส่งอาหารโดยโดรนจะแพงกว่าการส่งโดยไรเดอร์หรือไม่?

เรื่องราคาค่าบริการแบ่งได้เป็นสองช่วง:

ระยะสั้น (1-2 ปีแรก): ราคาค่าส่งอาหารโดยโดรนอาจสูงกว่าการส่งโดยไรเดอร์ประมาณ 10-15% เนื่องจาก:

• ต้นทุนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสูง
• ค่าบำรุงรักษาเทคโนโลยีใหม่
• ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบควบคุม

ระยะยาว (หลังปี 2027): DoorDash คาดการณ์ว่าราคาค่าส่งอาหารโดยโดรนจะถูกกว่าการส่งโดยไรเดอร์ประมาณ 30-40% เนื่องจาก:

• ประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่สูงขึ้น (โดรน 1 ลำจัดส่งได้มากกว่าไรเดอร์ 1 คน)
• ต้นทุนที่ลดลงจากการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale)
• ไม่มีค่าแรงและสวัสดิการที่ต้องจ่ายให้พนักงาน
• ต้นทุนพลังงานที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิง

6. ผู้บริโภคจะได้รับอาหารจากโดรนอย่างไร?

กระบวนการรับอาหารจากโดรน DashWing มีขั้นตอนดังนี้:

1. การแจ้งเตือน: เมื่อโดรนใกล้ถึงจุดนัดหมาย ลูกค้าจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน DoorDash พร้อมเวลาที่คาดว่าจะมาถึงอย่างแม่นยำ
2. การลงจอด: โดรนจะบินมาถึงจุดที่กำหนด (มักเป็นพื้นที่เปิดโล่ง เช่น ลานจอดรถหรือสวนสาธารณะใกล้ที่อยู่ของลูกค้า)
3. การส่งมอบอาหาร: โดรนจะลดระดับความสูงลงมาที่ประมาณ 2 เมตรจากพื้น และปล่อยกล่องอาหารลงมาอย่างนุ่มนวลด้วยสายเคเบิลขนาดเล็กที่มีระบบดึงกลับอัตโนมัติ
4. การยืนยันการรับ: ลูกค้าสแกน QR Code บนกล่องอาหารหรือกดยืนยันผ่านแอปพลิเคชันว่าได้รับอาหารเรียบร้อยแล้ว
5. การเสร็จสิ้น: โดรนจะบินกลับไปยังสถานีฐานเพื่อชาร์จแบตเตอรี่และรับงานต่อไป

ระบบนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และลูกค้าไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีโดรนแต่อย่างใด

7. โดรนส่งอาหารจะเข้ามาในประเทศไทยเมื่อไร?

ปัจจุบัน DoorDash ยังไม่ได้ประกาศแผนการอย่างเป็นทางการสำหรับการให้บริการโดรนส่งอาหารในประเทศไทย สำหรับกำหนดการที่น่าจะเป็นไปได้:

• ระยะเวลาคาดการณ์: ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าเทคโนโลยีนี้อาจเข้ามาในประเทศไทยภายในปี 2027-2028
• ปัจจัยที่ต้องพัฒนาก่อน:
  • การพัฒนากฎระเบียบด้านการบินโดรนเชิงพาณิชย์ในเขตเมือง
  • การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น สถานีฐานและจุดรับส่งอาหาร
  • การปรับตัวของร้านอาหารให้รองรับการส่งมอบอาหารให้กับโดรน

ที่น่าสนใจคือ แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ในประเทศไทยเริ่มมีการเคลื่อนไหว โดย:

• Grab Thailand อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการทดลองใช้โดรนส่งอาหารในพื้นที่จำกัด
• Robinhood กำลังร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพด้านโดรนของไทยเพื่อพัฒนาโซลูชันที่เหมาะกับบริบทของประเทศไทย
• ไปรษณีย์ไทย มีโครงการนำร่องการใช้โดรนสำหรับการจัดส่งพัสดุในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งอาจขยายไปสู่การส่งอาหารในอนาคต
• CAAT สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ล่าสุด วันที่ 25 เมษายน 2568 เตรียมบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนขับเคลื่อนการทดลองใช้ โดรนขนส่งในประเทศไทย โดยวางเป้าทดลองส่งของภายในกรุงเทพฯ ภายในปีนี้ 2568

สรุปการใช้โดรนส่งอาหาร

โดรนส่งอาหารของ DoorDash เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการปฏิวัติเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเดลิเวอรี่อย่างถอนรากถอนโคน ในขณะที่เทคโนโลยีนี้มอบประโยชน์มากมายในแง่ของประสิทธิภาพ ความเร็ว ต้นทุน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็สร้างความท้าทายอย่างมีนัยสำคัญต่อแรงงานในอุตสาหกรรมนี้

การนำโดรนมาใช้ในการส่งอาหารไม่ใช่เพียงทางออกชั่วคราวสำหรับปัญหาค่าแรงไรเดอร์ โดรนส่งอาหาร DoorDash กำลังจะปฏิวัติวงการไรเดอร์ส่งอาหาร ในยุคที่ไรเดอร์ไม่พอใจค่าวิ่งทั่วโลก

---

บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH

✪ สีควันรถยนต์แต่ละประเภทกำลังบ่งบอกถึงอะไรบ้าง?

✪ สรุปคำถาม ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน? คำถามที่ถามง่ายแต่ตอบยาก

✪ ทำไม หมาแมว ดมฝุ่นตลอดถึงไม่เป็นอะไรเหมือนคน?

หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ