เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ การดูดเลือดของยุง
ยุงเป็นแมลงขนาดเล็กในอันดับ Diptera และอยู่ในวงศ์ Culicidae ปัจจุบันพบมากกว่า 4,000 ชนิดทั่วโลก 🦟 ยุงบางชนิดมีบทบาทสำคัญในฐานะพาหะนำโรคมาสู่ทั้งมนุษย์และสัตว์ โดยยุงลาย เช่น Aedes aegypti และ Ae. albopictus เป็นตัวการสำคัญในการแพร่กระจายโรคไข้เลือดออก (Dengue haemorrhagic fever) ขณะที่ยุงรำคาญบางชนิดอย่าง Culex tritaeniorhynchus เป็นพาหะนำโรคไข้สมองอักเสบ (Encephalitis) ส่วนยุงก้นปล่องมีชื่อเสียงในฐานะตัวนำโรคมาลาเรีย (Malaria) และยุงเสือเป็นพาหะของโรคฟิลาเรีย หรือโรคเท้าช้างที่พบในมนุษย์เช่นกัน
และไม่เพียงแต่ในคนเท่านั้น ยุงยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อสัตว์อีกด้วย ยุงบางชนิด เช่น Culex quinquefasciatus มีบทบาทในการนำพยาธิหัวใจมาสู่สุนัข และยังเป็นพาหะนำโรคมาลาเรียในนก ยุงบางชนิดที่ชื่นชอบการกัดวัวก็สามารถทำให้น้ำหนักของวัวลดลงและส่งผลให้ผลผลิตน้ำนมลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ยุงยังเป็นอันตรายต่อสัตว์เลือดเย็น เช่น สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์เลื้อยคลานอีกด้วย ดังนั้นแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ยุงก็มีอิทธิพลต่อสุขภาพของสิ่งมีชีวิตนานาชนิดอย่างกว้างขวางทีเดียว
การดูดเลือดของยุงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและน่าทึ่งกว่าที่หลายคนคิด เพราะไม่ได้เป็นแค่การเจาะผิวหนังอย่างหยาบ ๆ แล้วดูดเลือดขึ้นมาเท่านั้น แต่ยุงใช้เครื่องมือเฉพาะที่วิวัฒนาการมาอย่างดีสำหรับงานนี้
เมื่อยุงตัวเมียเป็นตัวที่ต้องการเลือดเพื่อใช้สร้างไข่—เกาะลงบนผิวหนังของเหยื่อ มันจะใช้ปากที่เรียกว่า proboscis ซึ่งดูภายนอกเหมือนเข็มเล็ก ๆ แทงลงไปใต้ผิวหนัง Proboscis นี้ไม่ได้เป็นแท่งตัน แต่ประกอบด้วยชิ้นส่วนย่อยหลายส่วนที่ทำงานร่วมกัน เหมือนกับชุดเครื่องมือช่างขนาดจิ๋ว
ภายใน proboscis มีโครงสร้างที่เรียกว่า stylet ซึ่งมีลักษณะคล้ายเข็มแหลม ๆ หลายเล่มเรียงกัน โดยยุงจะใช้ stylet เจาะผ่านผิวหนัง และค้นหาเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ จากนั้นมันจะเริ่มปล่อยน้ำลายผ่านท่อหนึ่งใน stylet เข้าไปในแผล น้ำลายของยุงมีสารพิเศษหลายชนิด เช่น สารป้องกันการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) เพื่อทำให้เลือดไหลได้อย่างต่อเนื่อง และสารที่ช่วยลดการอักเสบหรือทำให้เหยื่อไม่รู้สึกเจ็บในทันที เปรียบได้กับการที่หัวขโมยใช้สเปรย์ยาสลบก่อนขโมยของ
และเมื่อเลือดเริ่มไหล ยุงจะดูดเลือดผ่านท่ออีกเส้นหนึ่งใน proboscis กลับเข้าสู่ร่างกาย คล้ายการใช้หลอดดูดน้ำจากแก้ว การดูดเลือดใช้เวลาประมาณไม่กี่วินาทีถึงหนึ่งนาที ขึ้นอยู่กับขนาดของยุงและปริมาณเลือดที่มันต้องการ เมื่ออิ่มแล้ว ยุงก็จะถอน proboscis ออกและบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ในบางชนิด เช่น ยุงก้นปล่องที่นำโรคมาลาเรีย น้ำลายของมันยังมีปรสิตอยู่ด้วย ซึ่งสามารถเข้าสู่กระแสเลือดของเหยื่อในขณะที่ยุงกำลังดูดเลือด เป็นเหตุให้โรคต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดได้ง่ายเพียงแค่การกัดครั้งเดียวนั่นเอง

















