โรค "เวสต์ซินโดรม" ใช้ยาอะไรรักษา?
โรค "เวสต์ซินโดรม" เป็นโรคลมบ้าหมูชนิดหนึ่ง ที่ส่งผลกระทบต่อทารก และ มีความเกี่ยวข้องกับโครโมโซม X เป้าหมายของการรักษาอาการนี้ คือ การระงับและควบคุมอาการกระตุก และ รักษาสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังเพื่อบรรเทาอาการ...
1. โรคเวสต์ซินโดรม คืออะไร?
โรค "เวสต์ซินโดรม" เป็นโรคลมบ้าหมูชนิดหนึ่ง ที่เริ่มในวัยเด็ก โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ และ พบได้บ่อยในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง โรคนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อาการกระตุกของทารก"
ทารกที่เป็นโรคนี้จะมีอาการกระตุกและชักตลอดเวลา และ มีความสามารถในการรับรู้และพัฒนาการที่บกพร่อง การหดตัวจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน รวดเร็ว และสั้น ใช้เวลาประมาณ 5-10 วินาที แต่จะมาแบบกระตุกๆอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างที่เกิดอาการชัก เด็กมักจะมีอาการเกร็งและหมดสติ
แม้ว่าจะพบได้น้อย คือ มีเพียง 6 ใน 10,000 เด็กเท่านั้น แต่กลุ่มอาการนี้ค่อนข้างอันตราย หากไม่ตรวจพบและรักษาอย่างทันท่วงที โรคนี้สามารถส่งผลต่อพัฒนาการทางกาย ก่อให้เกิดปัญหาทางระบบประสาท และ อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายอื่นๆ ได้อีกมากมาย
2. โรคเวสต์ซินโดรมรักษาอย่างไร?
2.1 การรักษาด้วยยา : โรคนี้รักษาโดยใช้ยา เพื่อยับยั้งและควบคุมอาการกระตุกเป็นหลัก หากมีสาเหตุให้รักษาที่สาเหตุเพื่อบรรเทาอาการ แพทย์อาจใช้ยาหลายชนิดเพื่อรักษาเด็ก เช่น...
- การบำบัดด้วยฮอร์โมน "อะดรีโนคอร์ติโคโทรปิกเอซีทีเอช" ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมใต้สมองเอซีทีเอช ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายตอบสนอง ต่อความเครียด การหลั่งของเอซีทีเอช จะไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้ผลิต "คอร์ติซอล" ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด ในการรักษาโรคเวสต์ซินโดรม ฮอร์โมนเอซีทีเอช จะถูกฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อของเด็กโดยตรงหรือใต้ผิวหนัง เพื่อลดความถี่และความรุนแรงของอาการกระตุก ซึ่งใช้ต่อเนื่องได้ 6 สัปดาห์
- วิกาบาตริน = เป็นยาต้านโรคลมบ้าหมู ใช้ในรูปแบบของเหลว สำหรับทารกและเด็ก
- สเตียรอยด์ = ยา "เพรดนิโซน" รับประทานทางปาก เป็นฮอร์โมนคอร์ติโคสเตียรอยด์ รูปแบบสังเคราะห์ ซึ่งผลิตโดยต่อมหมวกไต ยาชนิดนี้มักใช้ทดแทนฮอร์โมนเอซีทีเอช ได้
- ยาอื่นๆ = หากการรักษาด้วยยาข้างต้นไม่ได้ผล แพทย์อาจสั่งยาอื่นๆให้ เช่น เบนโซไดอะซีพีน, โทพิราเมต, โซนิซามายด์, กรดวัลโพรอิก, รูฟินาไมด์, วิตามินบี 6 [หากอาการเวสต์ซินโดรมเกิดจากการขาดวิตามินบี]
2.2 การรักษาอื่นๆ : ในกรณีที่คนไข้ไม่ตอบสนองต่อยาดี แพทย์จะสั่งทางเลือกการรักษาอื่นๆ ให้ตามความรุนแรงของโรค ได้แก่...
- อาหารคีโต = เป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ไขมันสูง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาอาการกล้ามเนื้อกระตุกในทารก อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารเช่นนี้อาจทำให้เกิดผลเสีย เช่น อาการท้องผูก นิ่วในไต ภาวะขาดน้ำ ดังนั้น จำเป็นต้องดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด หากทารกยังกินนมแม่ คุณแม่จะต้องรับประทานอาหารคีโตด้วย ในกรณีที่รุนแรงเด็กอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและสามารถปรับการรับประทานอาหารของเด็กได้ในโรงพยาบาล
- การผ่าตัด = หากผลการวินิจฉัยทางคลินิกและพาราคลินิก แสดงให้เห็นว่า "สมองได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เด็กจะต้องได้รับการผ่าตัด ในกรณีส่วนใหญ่ต้องได้รับการผ่าตัดแยกสมองเพื่อเอา "คอร์ปัส คัลโลซัม" [แถบเส้นใยประสาทที่เชื่อมระหว่างซีกสมองทั้ง 2 ซีก] ออกเพื่อหยุดสัญญาณอาการชัก หลังจากผ่าตัด บุตรหลานของคุณอาจยังคงมีอาการชักอยู่ แต่โดยปกติแล้วจะไม่รุนแรง
- การฟื้นฟู = หากเด็กมีความล่าช้าทางพัฒนาการ อันเนื่องมาจากโรคเวสต์ซินโดรม แพทย์จะแนะนำให้ทำการฟื้นฟูและกายภาพบำบัด
นอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลที่บ้านยังสามารถช่วยควบคุมอาการกระตุกของทารกได้ เช่น การนวด การฝังเข็ม และการรักษาโรคกระดูกสันหลังแบบอื่นๆ
3. ข้อควรปฏิบัติในการรักษาอาการเวสต์ซินโดรม
เด็กประมาณ 2 ใน 3 คนที่รับการบำบัดด้วยฮอร์โมนเอซีทีเอช หรือ ยาแก้ชัก "วิกาบาทริน" อาจมีอาการชักรุนแรงมากขึ้น และ อาจต้องใช้เวลา 1-2 วัน ก่อนที่การรักษาเหล่านี้ จะเห็นผล ยาต่างๆ เช่น เอซีทีเอช, วิกาบาทริน และสเตียรอยด์ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ ดังนั้นแพทย์จะพิจารณาข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบ เมื่อแนะนำคุณเกี่ยวกับการให้ยาแก่บุตรหลานของคุณ
ผลข้างเคียงของยาเหล่านี้ มีดังนี้...
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ความดันโลหิตสูง
- อาการผิดปกติของระบบย่อยอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปวดท้อง
- หงุดหงิดง่าย
- น้ำตาลในเลือดต่ำ
- ค่าสายตาเปลี่ยนตลอดไป
- ง่วงตลอดเวลา
อาการชักกระตุกในเด็ก ในกลุ่มอาการเวสต์มักรักษาได้ยาก และ อาจต้องได้รับการรักษาซ้ำหลายครั้ง ในระหว่างการรักษา จำเป็นต้องทำการทดสอบสมองอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบกิจกรรมของสมอง และ ประเมินการตอบสนองต่อการรักษาด้วย
โดยทั่วไปอาการชักแบบเวสต์ซินโดรม จะหยุดลงเมื่ออายุ 4 ขวบ แต่เด็กส่วนใหญ่ที่เป็นโรคเวสต์ซินโดรม จะเกิดโรคลมบ้าหมูบางประเภทเมื่อโตขึ้น โรคเวสต์ซินโดรมสามารถส่งผลต่อพัฒนาการและความสามารถ ในการคิดของเด็กได้ หากเด็กได้รับการวินิจฉัยและรักษาในระยะเริ่มต้น พวกเขาอาจยังคงการทำงานของสมองไว้ หรือ มีความพิการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น




