ไม่รอด! “เอ็ม เอกชาติ” ถูกตำรวจไซเบอร์รวบที่บ้านจันทบุรี เอี่ยวฟอกเงินเว็บพนัน

ตำรวจไซเบอร์รวบ "เอ็ม เอกชาติ" อินฟลูเอนเซอร์สายรถแข่ง เอี่ยวฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หรือที่รู้จักกันในนาม ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ สอท. ได้เข้าทำการจับกุม นายเอกชาติ มีพร้อม หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เอ็ม เอกชาติ" อินฟลูเอนเซอร์สายมอเตอร์ไซค์และรถแข่งชื่อดัง โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ บ้านพักในจังหวัดจันทบุรี ตามหมายจับของศาล หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ ขบวนการฟอกเงินจากเว็บพนันออนไลน์

การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากตำรวจไซเบอร์ได้ทำการสืบสวนและติดตามพฤติกรรมทางการเงินของนายเอ็ม เอกชาติ พบว่ามีธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับ ขบวนการฟอกเงินจากเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาล และเข้าปิดล้อมจับกุมได้สำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่อยู่ในเครือข่ายของนายเอ็มอีก 6 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม

สืบขยายผล อาจโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์

หลังจากการจับกุม ตำรวจ สอท. ได้ควบคุมตัวนายเอ็ม เอกชาติ ไปสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขยายผลว่ามีความเกี่ยวข้องกับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศหรือไม่

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า

 "ขณะนี้เราได้หลักฐานเชื่อมโยงว่า นายเอกชาติ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ การฟอกเงินจากเว็บพนันออนไลน์ แต่เรายังต้องสืบสวนเพิ่มเติมว่า มีความเกี่ยวข้องกับ ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงประชาชน หรือไม่ โดยจะทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด"

เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์กำลังเร่งตรวจสอบ บัญชีธนาคาร ทรัพย์สิน และข้อมูลดิจิทัล ที่เกี่ยวข้องกับนายเอ็ม เอกชาติ และเครือข่ายของเขา ซึ่งคาดว่าอาจพบเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับขบวนการฟอกเงินในวงการอินฟลูเอนเซอร์

รู้จัก "เอ็ม เอกชาติ" อินฟลูเอนเซอร์สายรถแข่ง

สำหรับ "เอ็ม เอกชาติ" หรือ นายเอกชาติ มีพร้อม เป็นที่รู้จักในวงการออนไลน์ในฐานะ คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายมอเตอร์ไซค์และรถแข่ง เขาโด่งดังจากการทำคอนเทนต์รีวิวรถแข่ง การขับขี่ความเร็วสูง และชาเลนจ์สุดท้าทายบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้มีผู้ติดตามจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม เขาเคยตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อ วันที่ 26 ธันวาคม 2567 กรณี "แบงค์ เลสเตอร์" เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นเกิดจากการที่นายเอ็ม เอกชาติ ได้ ว่าจ้างให้แบงค์ เลสเตอร์ ดื่มแอลกอฮอล์แลกกับเงิน จนเป็นเหตุให้เกิดอาการช็อกและเสียชีวิต

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ จนนำไปสู่การจับกุมนายเอ็ม เอกชาติ ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างการสอบสวน โดยใช้หลักทรัพย์ 200,000 บาท และมีเงื่อนไขให้ ติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) เพื่อติดตามตัว

ตรวจสอบเส้นทางการเงิน อินฟลูเอนเซอร์เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์

จากการสอบสวนเบื้องต้น ตำรวจไซเบอร์พบหลักฐานทางการเงินที่เชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์หลายแห่ง โดยนายเอ็ม เอกชาติ อาจมีบทบาทเป็น นายหน้าฟอกเงิน หรือ ใช้บัญชีของตัวเองเป็นช่องทางในการหมุนเงินของกลุ่มเว็บพนัน

พฤติกรรมที่ถูกสงสัย ได้แก่:

1. รับโอนเงินจากบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน แล้วทำการถอนหรือโอนต่อไปยังบัญชีอื่น

2. ใช้ชื่อและบัญชีของตัวเองเปิดธุรกิจบังหน้า เพื่อเป็นช่องทางในการฟอกเงิน

3. มีการใช้จ่ายเงินสดจำนวนมากอย่างผิดปกติ ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายได้จากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์

เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เอกสารธุรกรรมการเงินย้อนหลัง รวมถึง บัญชีธนาคาร ทรัพย์สิน และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฟอกเงิน

มาตรการกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์

การจับกุมนายเอ็ม เอกชาติ เป็นส่วนหนึ่งของ ปฏิบัติการกวาดล้างเว็บพนันออนไลน์ ที่ตำรวจไซเบอร์กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ โดยที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงินจากเว็บพนันหลายราย

ตำรวจไซเบอร์ย้ำว่า เว็บพนันออนไลน์และการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย โดยเฉพาะเมื่อมีอินฟลูเอนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า

 "เราขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงต้องตรวจสอบข้อมูลของอินฟลูเอนเซอร์ที่ติดตาม เพราะบางคนอาจมีเบื้องหลังที่ไม่โปร่งใส"

ข้อกล่าวหาและโทษทางกฎหมายที่นายเอ็ม เอกชาติอาจเผชิญ

ขณะนี้ นายเอ็ม เอกชาติ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เบื้องต้น อาจถูกตั้งข้อหาดังต่อไปนี้

- ร่วมกันฟอกเงิน มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับสูงสุด 200,000 บาท

- สนับสนุนหรือร่วมดำเนินการเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ มีโทษจำคุก 2-5 ปี หรือปรับสูงสุด 500,000 บาท

- มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (หากพบหลักฐานเพิ่มเติม) ซึ่งอาจถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนและความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์