การตัดหัว: บทลงโทษอันโหดเหี้ยมในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น การตัดหัวเป็นหนึ่งในวิธีการประหารชีวิตที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในยุคเอโดะ (1603–1868) ซึ่งเป็นยุคที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด อาชญากรที่ถูกตัดสินประหารชีวิตจะต้องคุกเข่าบนเสื่อซึ่งวางอยู่หน้าหลุมสี่เหลี่ยมลึกประมาณ 2–3 ฟุต เขามักถูกปิดตาและยืดคอไปเหนือหลุมเพื่อให้เพชฌฆาตลงดาบได้อย่างแม่นยำ
เพชฌฆาตมีบทบาทสำคัญในกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่น แม้ว่าจะเป็นอาชีพที่หลายคนรังเกียจ แต่ก็เป็นอาชีพที่มีรายได้พอสมควร โดยเพชฌฆาตที่มีชื่อเสียงสามารถได้รับค่าจ้างถึง 7 อิชิโบต่อหัว ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.30 ดอลลาร์ในยุคนั้น บางคนสามารถตัดหัวนักโทษได้มากถึง 350 คนภายในระยะเวลาเพียง 12 เดือน
การตัดหัวในญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเพียงการลงโทษอาชญากรทั่วไปเท่านั้น แต่ยังใช้กับซามูไรที่กระทำความผิดร้ายแรง รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกบฏต่อโชกุน การประหารซามูไรมักจะทำในพิธีกรรมที่เรียกว่า เซ็ปปุกุ หรือการคว้านท้อง ซึ่งมีเพชฌฆาตรออยู่เพื่อทำ ไคชาคุนิน (การตัดหัวเพื่อให้พ้นจากความเจ็บปวด)
แม้ว่าการตัดหัวจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบกฎหมายญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน แต่ภายหลังได้ถูกยกเลิกไปในช่วงการปฏิรูปสมัยเมจิ (1868–1912) ซึ่งเปลี่ยนแปลงระบบกฎหมายและโทษประหารให้มีมนุษยธรรมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของเพชฌฆาตและการลงโทษด้วยการตัดหัว ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่สะท้อนถึงความเข้มงวดของกฎหมายและความเปลี่ยนแปลงของสังคมญี่ปุ่นตลอดยุคสมัย

















