พระเอกคนดังเปิดใจครั้งแรกไม่ต่อสัญญาช่องใหญ่แล้ว
เข้ม หัสวีร์ เปิดใจครั้งแรก! จากชีวิตเด็กเกเรสู่ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวกับแม่ ก่อนกลับมาเข้าใจกันอีกครั้ง
เข้ม หัสวีร์ พระเอกหนุ่มมากฝีมือที่กำลังเป็นกระแส ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต ไม่ต่อสัญญากับช่อง 7 และก้าวสู่การเป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว เพื่อค้นหาความท้าทายใหม่ ๆ หลังอยู่ในวงการบันเทิงภายใต้สังกัดเดิมมานานกว่า 8 ปี แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนตกใจยิ่งกว่า คือเรื่องราวในอดีตของเขาที่เต็มไปด้วยความดราม่า โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่แตกร้าวกับแม่ของตัวเอง ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเคยเกลียดแม่ ถึงขั้นไม่คุยกันนานถึง 5-6 ปี
จากเด็กเกเรสู่ช่วงเวลาสำคัญที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด
เข้มเผยว่า ในอดีตเขาเป็นเด็กเกเรหนัก ถึงขั้นมีเรื่องชกต่อยทั้งในและนอกโรงเรียน จนสุดท้ายครอบครัวต้องตัดสินใจส่งเขามาอยู่ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 15 ปี เพื่อดัดนิสัยและสร้างอนาคตใหม่ให้ตัวเอง แม้ว่าภายนอกเขาจะดูเป็นหนุ่มมาดเข้ม แต่ในช่วงเวลานั้น กลับต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก
เจ้าตัวเล่าว่า เคยทำงานหนักจนร่างกายทรุดโทรมถึงขั้นปัสสาวะเป็นเลือด และที่หนักที่สุดคือช่วงที่ขาดอาหารติดต่อกัน 2-3 วัน จนรู้สึกว่าตัวเองอาจไม่รอดชีวิต ซึ่งช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้เขากลับมาคิดถึงแม่คนแรก
ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวกับแม่ – "ผมเคยเกลียดแม่"
เข้มสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คุยกับแม่เลยเป็นเวลานานถึง 5-6 ปี ไม่รับโทรศัพท์จากแม่ ไม่แม้แต่จะพูดคุยกันตรง ๆ ทุกครั้งที่แม่พยายามติดต่อเข้ามา เขาจะรับรู้ข่าวสารของแม่ผ่านพี่สาวเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาหันหลังให้แม่ มาจากการที่เขาถูกเลี้ยงดูโดยพ่อ และได้รับอิทธิพลจากคำพูดของพ่อ ทำให้เขาซึมซับความคิดด้านลบเกี่ยวกับแม่มาตลอด
“ตอนนั้นผมไม่ชอบแม่ ไม่อยากคุยกับแม่ ไม่อยากยุ่งเลย ผมอยู่กับพ่อ และพ่อก็ให้เหตุผลบางอย่างที่ทำให้เราคิดไปเองว่าควรเกลียดแม่” เข้มกล่าว
วินาทีที่เปลี่ยนชีวิต – คำพูดจากแม่ที่ทำให้เข้มกลับใจ
แต่แล้ว วันที่เขาเกือบเสียชีวิตจากความอดอยาก กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาตระหนักว่า คนที่รักและห่วงใยเขาที่สุดก็คือแม่ เขานึกย้อนกลับไปถึงความทรงจำวัยเด็กที่แม่คอยดูแล หุงหาอาหารให้กิน และมอบความอบอุ่นให้เสมอ จนทำให้เขารู้ว่า แท้จริงแล้ว ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวเกิดจากความคิดของเขาเอง ไม่ใช่เพราะแม่เป็นคนไม่ดี
“ตอนนั้นแม่โทรมาหาผมจากต่างประเทศ ผมรับสายแล้วบอกแม่ว่า ‘แม่ ผมจะตายแล้ว’ พอแม่ได้ยินเสียงผม แม่ร้องไห้เลย แล้วแม่ก็บอกว่า ‘ลูกไปขอกินข้าวเถอะ’ ผมบอกว่า ‘ผมขอได้ไง’ แต่แม่ย้ำว่า ‘ไปขอเถอะ เดี๋ยวแม่จะกลับมาหา’”
สุดท้ายเข้มตัดสินใจทำตามคำพูดของแม่ และไปขอข้าวจากคนรู้จักที่เหลือซุปไว้เพียงเล็กน้อยให้เขากิน หลังจากวันนั้น ความคิดของเข้มเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และทำให้เขากลับมาเปิดใจรับแม่อีกครั้ง
จากความเกลียดชังสู่การให้อภัย – "ผมเป็นคนผิดเอง"
เข้มยอมรับว่า ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นเพราะตัวเขาเองที่ปิดกั้นตัวเองจากแม่ เขาเรียนรู้ว่า ครอบครัวของเขาไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายตีตัวออกห่าง
“ผมเป็นคนหันหลังให้ครอบครัวเอง ผมผิดเองที่ไม่เข้าใจแม่”
ปัจจุบัน เข้มได้กลับมาคืนดีกับแม่ และให้ความสำคัญกับครอบครัวมากขึ้น เขาใช้เรื่องราวในอดีตเป็นบทเรียน และอยากถ่ายทอดให้ทุกคนได้ตระหนักว่า อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำลายความสัมพันธ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิต
บทเรียนชีวิตของเข้ม หัสวีร์
เรื่องราวของเข้มสะท้อนให้เห็นว่า บางครั้ง ความเข้าใจผิดและอิทธิพลจากคนรอบข้าง อาจทำให้เรามองเห็นความจริงบิดเบือนไป แต่สุดท้ายแล้ว ความรักของครอบครัวก็ยังคงเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และยั่งยืนที่สุด และไม่ว่าชีวิตจะผ่านอะไรมามากแค่ไหน คนที่พร้อมจะให้อภัยและอยู่เคียงข้างเราตลอด ก็คือ "แม่" นั่นเอง.






