คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า มนุษย์คู่แรกคืออดัมและเอวา แต่มีทฤษฎีว่ามี "ลิลิธ" หญิงปริศนา ซึ่งถูกลบออกจากไบเบิล
คัมภีร์ไบเบิลมีการกล่าวถึงอดัมและเอวาเป็นมนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าสร้างขึ้น แต่ก็มีทฤษฎีและตำนานบางประการที่กล่าวถึง "ลิลิธ" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นภรรยาคนแรกของอดัม ก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องราวที่ถูกลบออกจากคัมภีร์ในบางฉบับหรือบางเวอร์ชันของศาสนา
ตามตำนานในบางแหล่ง เช่น คัมภีร์ที่ไม่เป็นที่ยอมรับในศาสนาคริสต์หลัก (เช่น "The Alphabet of Ben Sira") ลิลิธเป็นหญิงที่ถูกสร้างจากดินเหมือนกับอดัม แต่เธอมีความต้องการที่จะเท่าเทียมกับอดัมและไม่ยอมยอมตามคำสั่งของเขา ซึ่งนำไปสู่การแยกทางกัน ในบางตำนานลิลิธกลายเป็นปีศาจหญิงหรือวิญญาณที่ทรงพลัง
เรื่องราวของลิลิธยังคงมีการถกเถียงกันในวงการศาสนาและมีการตีความที่หลากหลายมากมาย แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นทางการของคริสเตียนทุกนิกายค่ะ
การพูดถึงลิลิธในเชิงตำนานและศาสนานั้น เป็นการตีความที่แตกต่างจากเรื่องราวของอดัมและเอวาในคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นที่ยอมรับในคริสต์ศาสนา ซึ่งในคัมภีร์ไบเบิลภาคเก่า (พระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม) บทที่ 1 ของหนังสือปฐมกาลกล่าวถึงการสร้างมนุษย์ว่า "พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์ สร้างชายและหญิง" (ปฐมกาล 1:27) ซึ่งในตอนนี้ไม่กล่าวถึงลิลิธเลย
ในขณะที่ในบางตำนานที่ไม่เป็นทางการหรือคัมภีร์ที่ไม่ถูกยอมรับในศาสนาคริสต์หลัก (เช่น "The Alphabet of Ben Sira" หรือ "The Zohar" ในคติยิว) มีการพูดถึงลิลิธว่าเป็นภรรยาคนแรกของอดัมก่อนที่จะเป็นเอวา ในตำนานเหล่านี้ ลิลิธถูกสร้างจากดินเหมือนกับอดัม และมีความต้องการที่เท่าเทียมกับเขา ไม่ยอมยอมรับการเป็นฝ่ายที่ต้องเชื่อฟังหรือเชื่อในอำนาจของอดัม ดังนั้นจึงเกิดการทะเลาะกันจนลิลิธเลือกที่จะจากไปจากอดัมและออกจากสวนเอเดนไป
ตามบางตำนาน ลิลิธได้หนีไปที่ทะเลแดงและกลายเป็นปีศาจหญิงที่มีพลัง ซึ่งสามารถทำร้ายเด็กทารกและผู้หญิงในระหว่างการคลอด หรือบางครั้งก็ถือว่าเธอเป็นผีร้ายหรือวิญญาณที่คอยล่อลวงชายให้ทำความผิดทางศีลธรรม
ในหลายๆ วัฒนธรรม ลิลิธถือเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านหรือความเท่าเทียมทางเพศ โดยบางกลุ่มเห็นว่าเธอเป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพของผู้หญิงที่ไม่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ภายใต้การควบคุมของชาย
แม้ว่าตำนานลิลิธจะไม่ได้ถูกบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลที่เป็นทางการ แต่ก็มีการพูดถึงเธอในวงการศาสนาและวรรณกรรมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งบางทีก็มีการตีความในเชิงสัญลักษณ์หรือเชิงจิตวิญญาณที่มีอิทธิพลในวัฒนธรรมตะวันตกและวรรณกรรมต่อมา
ในส่วนของการที่ "ลิลิธ" ถูกละทิ้งจากคัมภีร์ไบเบิลหลักนั้น หลายทฤษฎีเชื่อว่าเหตุผลที่ทำให้เธอไม่ได้รับการยอมรับหรือถูกลบออกจากเนื้อหาอาจเกี่ยวข้องกับการสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของผู้หญิงในสังคมยุคนั้น บทบาทของผู้หญิงในคัมภีร์ไบเบิลหลักมักจะอยู่ในกรอบของการเป็นผู้สนับสนุน หรือภรรยาของผู้ชาย และในกรณีของเอวา เธอถูกสร้างขึ้นจากซี่โครงของอดัม ทำให้การรับบทบาทของผู้หญิงมีความสัมพันธ์กับการสนับสนุนการดำรงอยู่ของชาย ซึ่งมีนัยว่า "ผู้หญิง" ควรจะยอมรับการเป็น "ผู้ช่วย" หรือ "ผู้ติดตาม" ของผู้ชายในภายหลัง
ในทางกลับกัน ลิลิธมีลักษณะที่โดดเด่นในฐานะที่ไม่ยอมจำนนต่อการยึดครองหรือการควบคุมของอดัม ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ยอมแพ้หรือการปฏิเสธบทบาทที่ถูกกำหนดให้กับผู้หญิงในสังคมยุคนั้น การที่ลิลิธไม่ยอมเชื่อฟังอดัมและเดินจากไปจึงทำให้เรื่องราวของเธอกลายเป็นเรื่องที่ไม่เป็นที่ต้องการในคัมภีร์ที่มุ่งเน้นการสอนคำสั่งหรือการเชื่อฟังพระเจ้าผ่านทางผู้ชาย
อีกหนึ่งการตีความที่น่าสนใจคือแนวคิดในคติยิวหรือศาสนายูดาย ซึ่งลิลิธบางครั้งถูกมองว่าเป็นตัวแทนของ "ผู้หญิงที่อิสระ" หรือ "ผู้หญิงที่เป็นอิสระจากการควบคุม" บางคนมองว่าเธอคือผู้หญิงที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเป็นปัจเจกบุคคล ซึ่งมีการทบทวนในแง่บวกเกี่ยวกับความเป็นอิสระของผู้หญิงในการเลือกทางชีวิตที่ตัวเองต้องการ
นอกจากนี้ ลิลิธยังปรากฏตัวในงานวรรณกรรมและศิลปะในศตวรรษที่ 20 และ 21 ในฐานะที่เป็นตัวละครที่ท้าทายทัศนคติทางสังคมและศาสนาเกี่ยวกับผู้หญิง หลายครั้งที่เธอถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงที่มีอำนาจเหนือโชคชะตาของตัวเอง เช่นในวรรณกรรมบางเรื่องที่มีการพรรณนาเธอเป็นหญิงที่มีความลึกลับและทรงพลัง
ในสมัยใหม่ ลิลิธกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางเพศและการแสดงออกถึงความเป็นอิสระของผู้หญิงในหลายๆ ด้าน รวมถึงการต่อสู้กับการกดขี่ทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมายาวนาน
ท้ายที่สุดแล้ว ตำนานของลิลิธอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิลหลัก แต่กลับกลายเป็นแหล่งที่มาของการถกเถียงและการตีความที่หลากหลาย ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับความคิดเกี่ยวกับการแสดงออกถึงอำนาจและสิทธิของผู้หญิงในประวัติศาสตร์และสมัยปัจจุบัน















