ความหมายที่แท้จริงของ Soulmates (คู่แท้) อาจไม่ใช่อย่างที่คุณคิด

ความหมายที่แท้จริงของ Soulmates (คู่แท้) อาจไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!

เคยสงสัยไหมว่าคู่รักในปัจจุบันคือ “เนื้อคู่” ที่แท้จริงของคุณหรือไม่?

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคู่ของคุณคือ “คนไหน” ?

        แม้ว่าคุณจะพึงพอใจกับความสัมพันธ์ในปัจจุบันของคุณแล้ว แต่หลายคนอาจเคยฉุกคิดถึงคำถามนี้ขึ้นมา แม้ตอนนี้ใครที่ยังโสดอยู่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับใครบางคนก็อาจเคยคิดถึงคำถามนี้ในใจ แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่กำลังคบอยู่คือ “เนื้อคู่ของคุณ” หรือคุณแค่ยอมรับใน "ความสัมพันธ์ที่ใกล้เคียง" เท่านั้น

        ก่อนอื่นขออธิบายเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง “เนื้อคู่” ก่อนค่ะว่ามันไม่ได้มีแค่รูปแบบเหมือนในภาพยนตร์ฮอลลีวูด เป็นภาพจำอันน่าประทับใจที่คุณและเขาตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขร่วมกันตลอดชีวิตเพียงเท่านั้น ทว่าในความเป็นจริงมันมีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น แต่รู้หรือไม่คะว่าแท้จริงแล้วคุณทั้งคู่ต่างทำข้อตกลงกันเพื่อจะมาพบกันและรับใช้ซึ่งกันและกันในเส้นทางการเติบโตของจิตวิญญาณค่ะ

        การพบกันและอยู่ร่วมกันก็เพื่อท้าทายเราทั้งคู่ เปรียบดังบททดสอบกระตุ้นเราให้เผชิญหน้ากับส่วนที่อยู่ลึกล้ำ ซ่อนเร้น และเจ็บปวดภายในตัวเราเองซึ่งต้องการความสนใจและใส่ใจมากที่สุดค่ะ เพราะคู่แท้สามารถเป็นทั้งตัวเร่งปฏิกิริยาและเพื่อนร่วมชะตาบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้

        นี่แหละค่ะคือความหมายของ “เนื้อคู่”  มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นวาบหวาม แม้ว่าประสบการณ์ที่สวยงามและเปี่ยมสุขเหล่านั้นควรเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตรักของคุณก็ตาม แต่คุณควรตระหนักถึงความเป็นจริงที่ว่าช่วงเวลาแห่งความหลงใหลนั้นไม่อาจคงอยู่ตลอดไป เพราะเมื่อช่วงแรกของความตื่นเต้นนั้นผ่านพ้นไปแล้ว ความสบายใจและความเป็นเพื่อนจะเข้ามาแทนที่ค่ะ

        ถ้าพวกคุณคือ “เนื้อคู่ของกันและกัน” คุณจะพบว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณได้พัฒนาไปอีกขั้น จนถึงระดับที่เปิดโอกาสให้เกิดความหลงใหล ความตื่นเต้น และการสร้างสรรค์อย่างไม่มีขีดจำกัด ถ้าคุณทั้งคู่เป็นเนื้อคู่ตัวจริงละก็ คุณจะพบว่าความผูกพันของคุณไม่ใช่แค่เรื่องของความเข้ากันได้ทางร่างกายและอารมณ์เท่านั้น แต่จะพบว่าความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณจะช่วย "ยกระดับ" ชีวิตรักและชีวิตทางเพศของคุณด้วยค่ะ

จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณพบเนื้อคู่ของคุณแล้ว?

นี่คือสัญญาณที่จะช่วยให้คุณพิจารณาได้ง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ

1 . คุณรู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน 

        “ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง” แม้จะเพิ่งพบกันได้ไม่นานแต่เขาทำให้คุณรู้สึกสงบสบายใจราวกับคุณทั้งคู่รู้จักกันมานานแสนนาน ไม่เพียงเท่านั้นทั้งคุณและเขาอาจเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาหรือลักษณะเฉพาะที่หายากร่วมกัน

2. คุณรู้สึกเหมือนได้ "กลับบ้าน" มากกว่าจะนั่งรถไฟเหาะ

        “ผีเสื้อบินในท้อง” คืออาการวูบโหวงในท้อง ท้องไส้ปั่นป่วนหวิวๆ  นั่นแหละค่ะคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือนหากเขาทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะ แม้ว่าบางครั้งความหลงใหลและความตื่นเต้นจะเป็นประสบการณ์ที่ดี แต่การใช้ชีวิตร่วมกันไม่ควรทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังกระโดดออกจากเครื่องบิน เพราะสิ่งที่ควรให้ความสำคัญที่สุดคือความรู้สึกปลอดภัยและการได้รับการสนับสนุนจากอีกฝ่าย ไม่ใช่สถานการณ์ที่ควบคุมอะไรไม่ได้ ซึ่งบ่อยครั้งคนที่ได้พบกับเนื้อคู่พวกเขาจะรู้สึกเหมือนได้เดินทางกลับบ้าน ดังนั้น จงระวังความตื่นเต้นและดราม่ามากเกินไป เพราะความสนุกสนานและความหลงใหลในตอนแรกอาจแปรเปลี่ยนเป็นเพียงไฟที่มอดดับอย่างรวดเร็วและเผาไหม้คุณในเวลาเดียวกัน

3. คุณทั้งคู่ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน

        บางทีคู่ของคุณอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนและจัดระเบียบ ส่วนคุณอาจชอบทำอะไรตามกระแสแล้วแต่อารมณ์นำพาไป หรือบางทีคู่ของคุณอาจไม่ถนัดงานครัวเอาเสียเลย แต่คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร และบางทีคู่ของคุณอาจมีครอบครัวใหญ่ แต่คุณเป็นลูกคนเดียวที่เติบโตมาพร้อมกับความปรารถนาที่จะมีสมาชิกครอบครัวเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องใหญ่ๆ คู่ของคุณอาจจะมีทักษะและคุณสมบัติที่ตรงกันข้ามกับคุณโดยสิ้นเชิง แต่ถึงกระนั้นลักษณะความเป็นตัวตนของพวกเขากลับนำมาซึ่งความสมดุลที่สวยงาม เปรียบดังจิ๊กซอว์ที่ช่วยเติมเต็มและกลายมาเป็นครอบครัวของคุณอย่างสมบูรณ์  

4. คุณต่างผลักดันซึ่งกันและกัน

        เขาควรทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย สบายใจ และมั่นคง แต่ต้องไม่มองข้ามการให้พื้นที่ส่วนตัวแก่กันสำหรับการเติบโตและเยียวยาตัวเอง แม้ว่าคู่ของคุณไม่ควรจะควบคุมหรือใจร้ายกับคุณ แต่บางครั้งพวกเขาอาจผลักคุณให้ต้องเผชิญหน้ากับด้านต่างๆ ของตัวคุณเองและมันอาจเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบที่สุดก็เป็นได้ เช่น คุณอาจจะเบื่อหน่ายเรื่องการสูบบุหรี่ของเขาเต็มทน หรืออาจจะเริ่มขาดความไว้วางใจในตัวเขา เหตุการณ์นี้อาจช่วยผลักดันให้คู่ของคุณพยายามแก้ไขความนับถือตนเองต่ำให้สูงขึ้น หรือลดอัตตาของเขาที่ไม่สามารถกล่าวคำขอโทษได้ แต่พึงตระหนักเสมอว่าพฤติกรรมเหล่านั้นควรเป็นวงจรแห่งความดีงามที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของคุณทั้งคู่และต่างต้องพร้อมรับคำติชมโดยไม่มีใครรู้สึกว่าถูกควบคุมหรือวิพากษ์วิจารณ์ด้วยค่ะ

5. เขาเต็มใจที่จะเติบโตไปพร้อมกับคุณ

        คนส่วนใหญ่ไม่ชอบความท้าทายไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแม้แต่เรื่องของความสัมพันธ์ แต่รู้หรือไม่คะว่าคู่ชีวิตควรมีการท้าทายเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางจิตวิญญาณของกันและกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรกระทำเช่นนั้นโดยไม่ยินยอมให้คุณทำแบบนั้นเช่นเดียวกันกับเขา ทั้งคุณและเขาควรมีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันและเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตไปเป็นตัวตนที่ดีที่สุดของตัวเอง เพราะหากเส้นทางในการดำเนินชีวิตของคุณต้องเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่คู่รักของคุณกลับปฏิเสธที่จะเติบโตไปพร้อมกับคุณ บางครั้งมันอาจเป็นชนวนนำไปไปสู่ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรืออาจถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันได้ค่ะ

6. เขาท้าทายระบบครอบครัวของคุณ

        ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเกลียดครอบครัวของคุณหรือพยายามทำให้คุณเกลียดพวกเขา แต่เขาอาจมีภูมิหลังหรือความเชื่อที่ท้าทายต่อความเชื่อหรือพฤติกรรมที่ยึดถือกันมายาวนานในครอบครัวของคุณ เช่น เขาอาจนับถือศาสนาอื่นหรือมาจากชนชั้นที่แตกต่างกับคุณ หรือคุณอาจมีคู่เป็นเพศเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันครอบครัวของคุณกลับต่อต้านสิทธิของ LGBTQ+ มาโดยตลอด หรือบางทีเขาอาจแสดงออกถึงความหลงใหลในบางสิ่งอย่างชัดเจนและไม่กลัวที่จะพูดในสิ่งที่คิดออกมาทันที ตรงกันข้ามกับครอบครัวของคุณที่มักจะเก็บตัว ในบางครั้งคู่รักของคุณไม่เพียงแต่ช่วยจุดประกายการเติบโตของจิตวิญญาณของคุณเท่านั้น แต่ยังท้าท้ายต่อระบบครอบครัวของคุณด้วยค่ะ

7. คุณและเขามีภาษาของตัวเอง

        เป็นเรื่องปกติของการสื่อสารระหว่างเนื้อคู่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดเสมอไป บางครั้งอาจสร้างความประหลาดใจให้คนรอบข้างว่าพวกคุณสามารถสื่อสารกันด้วยถ้อยคำเพียงสั้น ๆ ได้อย่างไร หรือบางครั้งยังพูดไม่ทันจบประโยคก็สามารถเข้าใจกันได้ในทันที ไม่เพียงเท่านั้นยังรวมถึงการล่วงรู้ความคิดของกันและกันด้วย และนั่นแหละค่ะคือสัญญาณว่าพวกคุณรู้จักกันมานานมากแล้ว

        สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่การเสาะหาว่าใครคือ “คู่แท้ของคุณ” แต่จงฟังเสียงจากภายในของคุณอันเป็นสัญชาตญาณของตัวคุณซึ่งมาจากภูมิปัญญาที่มีแต่ดั้งเดิม เชื่อเถอะค่ะ มันจะคอยนำทางคุณเสมอเพียงแค่คุณเปิดใจยอมรับข้อความเหล่านั้นและปล่อยให้สัญชาตญาณนำทางไป แล้วคุณจะประหลาดใจว่าคำแนะนำจากภายในของคุณนั้นฉลาดและแม่นยำเพียงใด