“อาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม” เพราะ “สายตาต้องจ้องหน้าจอ” จึงไม่สบายดวงตาเมื่อต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม Computer Vision Syndrome (CVS) คือ กลุ่มอาการที่ผิดปกติที่เกิดจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว ยังหมายความรวมถึงการใช้งานอุปกรณ์ดิจิตอลที่มีหน้าจอมอนิเตอร์อื่น ๆ เช่น แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน โดยระดับความรุนแรงของอาการจะเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้สายตาอยู่หน้าจอที่นานขึ้น และพบว่าพฤติกรรมการใช้งานหน้าจอที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมากที่สุด ได้แก่ การใช้งานหน้าจอติดต่อกันนานเกิน 2 ชั่วโมง หรือ การทำงานที่ต้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกวัน
อาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม Computer Vision Syndrome (CVS)
- ปวดเมื่อยตา
- ตาแห้ง
- แสบตา เคืองตา
- ตาพร่ามัว โฟกัสการมองได้ช้าลง
- ตาสู้แสงไม่ได้
- ปวดกระบอกตา
- ปวดศีรษะ บางครั้งอาจมีอาการปวดหลัง ไหล่ หรือ ต้นคอ ร่วมด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอาการ คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม Computer Vision Syndrome (CVS)
- ขณะจดจ่อกับการจ้องจอคอมพิวเตอร์จะมีการกระพริบตาน้อยลง ทำให้เกิดอาการตาแห้งง่ายขึ้น
- แสงสว่างภายในห้องไม่เหมาะสม
- มีแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์
- การที่ตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์ไม่เรียบคมชัดเท่าตัวพิมพ์บนหน้าหนังสือ หรือ มีความไม่นิ่งของสัญญาณในจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องพยายามโฟกัสมากขึ้นจึงก่อให้เกิดอาการตาเมื่อยล้าได้ง่ายขึ้น
- ระยะห่างจากหน้าจอ กับ ระดับสายตาในการมองจอคอมพิวเตอร์ ที่ไม่เหมาะสมทำให้ต้องเพ่งหน้าจอมากขึ้น
- ท่าทางในการในการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม
การป้องกัน คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม Computer Vision Syndrome (CVS)
1.ปรับระดับการมองเห็น และ ปรับท่านั่งการทำงานให้เหมาะสม
- จุดศูนย์กลางของจอคอมพิวเตอร์ควรห่างจากตาประมาณ 20 – 28 นิ้ว และควรให้จุดกึ่งกลางของหน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา (หรือต่ำกว่าระดับสายตาในแนวราบประมาณ 4-5 นิ้ว)
- แป้นพิมพ์ควรวางอยู่ระดับต่ำกว่าจอ โดยให้ข้อมือ และ แขนขนานไปกับพื้น ข้อศอกตั้งฉาก ไม่อยู่ในลักษณะเอื้อมไปข้างหน้า
- ปรับระดับเก้าอี้ โดยให้ฝ่าเท้าวางราบไปกับพื้น เข่าตั้งฉาก ต้นขาขนานกับพื้น อาจมีที่วางข้อศอกและแขนเพื่อลดอาการล้าที่หัวไหล่ แขน ข้อมือ
- เอกสารสิ่งพิมพ์ หรือ หนังสือ ควรวางอยู่ในระดับและระยะเดียวกับจอ เพื่อไม่ต้องขยับหรือหันศีรษะ และ เปลี่ยนการปรับโฟกัสมากเกินไป
2.ปรับแสงสว่างจากภายนอกและจากจอคอมพิวเตอร์
- ไฟเพดานในห้องทำงาน โคมไฟบนโต๊ะทำงาน หรือ แสงสว่างจากหน้าต่างในห้องทำงาน ไม่ควรสว่างมากเกินไปปิดม่านหน้าต่าง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีแสงแดด หรือ แสงสว่างจากภายนอกส่องกระทบจอคอมพิวเตอร์ แสงภายในห้องทำงานที่สว่างเกินไปก่อให้เกิดแสงสะท้อนที่จอได้ง่าย จะทำให้รู้สึกไม่สบายตา
- อาจใช้แผ่นกันแสงสะท้อนติดหน้าจอภาพ หรือ อาจใช้กระจกกันแสงสะท้อนติดที่หน้าจอ เพื่อลดแสงสะท้อนเข้าดวงตา
- ปรับความสว่างของหน้าจอ และ ความแตกต่างของสีระหว่างพื้นจอ ตัวอักษร ให้มองเห็นได้คมชัด สบายตาที่สุด ไม่สว่างมากจนเกินไป
3.พักสายตาระหว่างการทำงาน
- ควรพักการใช้สายตาเป็นระยะ โดยการละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุก ๆ 20 นาที แล้วมองไปที่วัตถุที่อยู่ไกลอย่างน้อย 20 ฟุต นานประมาณ 20 วินาที เรียกง่าย ๆ ว่า “สูตรการพักสายตา 20-20-20”
- ทุก 2 ชั่วโมง ควรพักสายตาหรือลุกจากโต๊ะทำงานเพื่อเป็นการผ่อนคลายเป็นเวลาอย่างน้อย 15 – 20 นาที
- ขณะทำงานหน้าจอ ควรกระพริบตาให้บ่อยขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวดวงตา โดยในคนปกติจะมีการกระพริบตาเฉลี่ยประมาณ 14-16 ครั้งต่อนาที แต่พบว่าการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์จะทำให้ความถี่ของการกระพริบลดลงเหลือเพียง 1 ใน 4 ของความถี่ปกติซึ่งเป็นผลให้เกิดอาการตาแห้งและแสบตาได้ง่าย
อาการคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม Computer Vision Syndrome (CVS) สามารถป้องกันได้ง่าย เพียงปรับพฤติกรรมการทำงานให้เหมาะสม ก็จะทำให้สะดวก มีความสุขในการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ และ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อดวงตาหรือการมองเห็น ที่อาจเป็นปัญหารบกวนการทำงาน หรือ การใช้ชีวิตประจำวันได้

