ศาลตัดสิน! "สมรักษ์ คำสิงห์" จำคุก 2 ปี 13 เดือน คดีขืนใจเด็ก 17 ปี
คดีใหญ่สะเทือนวงการ ศาลขอนแก่นพิพากษาจำคุก "สมรักษ์ คำสิงห์" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก คดีพรากผู้เยาว์และอนาจารเด็กสาววัย 17 ปี
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 เวลา 09.45 น. ศาลจังหวัดขอนแก่นได้มีคำพิพากษาคดีสำคัญที่สร้างความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศ โดยมี นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก และ นายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือ เป๊กโก้ เพื่อนสนิทของนายสมรักษ์ ตกเป็นจำเลยในคดีที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาววัย 17 ปี ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2566 ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง
ข้อกล่าวหาและคำพิพากษา
คดีนี้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องทั้งสองในข้อหาหลายประการ ได้แก่
1. ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์จะเต็มใจไปด้วย
2. ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้บุคคลนั้นจะยินยอม
3. พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
4. กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย
จากการพิจารณาหลักฐานและคำเบิกความของผู้เสียหาย ศาลมีคำพิพากษาว่า นายสมรักษ์ คำสิงห์ มีความผิดจริง โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ ได้แก่
คำเบิกความของผู้เสียหายที่สอดคล้องกับผลการชันสูตรร่างกาย
บาดแผลที่พบ เช่น ร่องรอยความรุนแรงบริเวณเต้านมและมุมปากช่องคลอด ซึ่งเกิดจากการพยายามข่มขืนโดยใช้กำลัง
คำตัดสิน
จำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ศาลลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน
ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติผู้เสียหายจำนวน 50,000 บาท และแก่ผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่กระทำผิด
จำเลยที่ 2 (นายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา): ศาลมีคำสั่งยกฟ้องเนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่เชื่อมโยงว่ามีการกระทำผิดร่วมกัน
ศาลระบุว่าข้อแก้ตัวของนายสมรักษ์ที่กล่าวว่า ผู้เสียหายยินยอม ขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยเฉพาะคำเบิกความของผู้เสียหายที่บอกเล่าข้อเท็จจริงได้อย่างละเอียดและมีความเชื่อมโยงกับหลักฐานทางการแพทย์ เช่น
- ร่องรอยบาดแผลจากการใช้กำลังที่ยืนยันว่าผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม
- พฤติกรรมของจำเลยที่ใช้กำลังประทุษร้าย แม้จะไม่สามารถกระทำชำเราสำเร็จก็ตาม
ศาลยังชี้ให้เห็นว่า การที่ผู้เสียหายเดินตามจำเลยไปไม่ได้หมายความว่าเธอจะยินยอมให้มีเพศสัมพันธ์ และไม่มีหลักฐานที่บ่งบอกถึงการค้าประเวณีหรือการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ จากเหตุการณ์นี้
หลังฟังคำพิพากษา นายสมรักษ์ คำสิงห์ ยังคงยิ้มและกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ต้องสู้ต่อ" ขณะที่ นายอิทธิศักดิ์ อัฒกรณ์วิกรม ทนายความของจำเลยเปิดเผยว่า ยังมีข้อเท็จจริงอีกมากที่ต้องวินิจฉัยเพิ่มเติม และอาจมีการยื่นอุทธรณ์คำตัดสินในอนาคต
กรณีของ นายสมรักษ์ คำสิงห์ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการกีฬาไทยและประชาชนทั่วไป เนื่องจากเขาเคยเป็นนักกีฬาฮีโร่ผู้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยจากการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก อย่างไรก็ตาม คดีนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความรุนแรงทางเพศในสังคมไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรได้รับการแก้ไขและให้ความสำคัญอย่างจริงจัง














