รีวิวหนังสือ ยกหิน 10 ตัน ออกจากอก ด้วยคำพูดเปลี่ยนชีวิต
ทุกคนมีความทุกข์คล้ายกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะคลี่คลายมันได้เอง เรื่องนี้ฟังดูเป็นเรื่องง่ายที่ตัวเองต้องหาทางจัดการกันเอง แต่ยอมรับความจริงเถอะว่าชีวิตแต่ละคนอยู่ในเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละคนไม่สามารถพาตัวเองไปพบทางออกของปัญหาได้เหมือนกันทุกคน
คาบาซาวะ ชิอน จิตแพทย์ชาวญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีจะมาจับเข่าคุยถึงเรื่องความทุกข์เพื่อตีแผ่ให้เรายอมรับ ปรับสภาพจิตใจแล้วหาวิธีรับมือด้วยคำพูดเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุข
ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์
- ได้เรียนรู้ว่าคนที่มีความทุกข์ จะไม่รู้ ทำควรทำอย่างไร เขาจึงไม่สบายใจและตื่นตระหนก ถ้าเขามีวิธีรับมือที่ชัดเจน แค่ลงมือทำก็เพียงพอแล้ว เราไม่จำเป็นต้องแก้ไขสาเหตุของความทุกข์ ปล่อยสาเหตุไว้อย่างนั้น สิ่งสำคัญคือสะสางเรื่องที่เราทำไปได้ทีละน้อย
- ได้เรียนรู้ว่าช่างมัน แล้วทำเรื่องที่มีความสุขหลังเลิกงาน (เพิ่มความสุขอื่นนอกเหนือจากเรื่องงาน)ออกกำลังกายเรียกเหงื่อ ลดฮอร์โมนความเครียด (จัดการชีวิต ออกกำลังกาย) เดินตอนเช้า เพิ่มฮอร์โมนเซโรโทนินทำให้อารมณ์ คงที่ (จัดการชีวิต)
- ได้เรียนรู้ว่าแม้จะทำงานอย่างเดียวกันในเวลาเดียวกัน ถ้ารู้สึกว่าควบคุมได้ ความเครียดก็จะลดลงสบายใจมากขึ้น ความรู้สึกว่า ควบคุมอะไรไม่ได้ จะทำให้เครียดมากขึ้น ทรมานและทุกข์ใจมากขึ้น แม้ยังไม่ได้กำจัดสาเหตุของความทุกข์ออกไป แต่ถ้าเรารู้สึกว่าตัวเองควบคุมบางอย่างได้ ความรู้สึก ที่ว่า “ต้องมีสักทาง” จะผุดขึ้นมาและจะเกิดพลังที่ช่วยผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า
- ได้เรียนรู้ว่าถ้าพูดว่า “ทำอะไรไม่ได้แล้ว มันจบแล้ว”แสดงว่ากำลังจนมุมสุดๆ แต่ถ้าเปลี่ยนไปพูดว่า“มีสักทางสิ” ได้ ความทุกข์ก็จะคลี่คลายลงไปได้
- ได้เรียนรู้ว่าการพึมพำว่า “ต้องมีสักทาง” ทำให้ความตื่นตัวของอะมิกดาลา สงบลง และช่วยให้ความกังวลเบาบางลงได้ ถ้านิ่มนำไปหลายๆ ครั้ง ก็จะช่วยให้จิตใจสงบขึ้นได้อีก
- ได้เรียนรู้ว่าคำว่า “ไม่ได้หรอก” นับเป็นคำต้องห้ามโดยเด็ดขาด วินาทีที่พูดว่า “ไม่ได้หรอก”ถือว่าเราได้เปิดสวิตซ์เข้าสู่วงจร “ทำไม่ได้แล้ว”สมองก็จะหยุดพยายาม หรือ สู้ต่อไม่มากไปกว่านี้ในทันที มันเป็นคำที่จะปิดเบรกเกอร์ของสมอง คำว่า “ไม่ไหวแล้ว”ก็เช่นกัน คำพูด จะฟื้นความรู้สึกว่าตัวเองควบคุมได้กลับมา เช่น : ต้องมีสักทางสิ / ไม่ต้องห่วง ยิ้มเข้าไว้ / ฉันทำได้ / อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด / ทำเท่าที่จะทำได้
- ได้เรียนรู้ว่าสมมุติว่าความสัมพันธ์ของคุณกับเพื่อนร่วมงานย่ำแย่ คุณไม่อยากเจอหน้าเขา แต่ตอนนี้ เขาก็ไม่ได้มาอยู่ตรงหน้าคุณ...แล้วคุณกำลังคิดถึงเขาที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น คุณกำลังอารมณ์ไม่ดี เพราะตัวคุณเอง ที่กำลังรื้อฟื้นความทรมานให้กับตนเอง
- ได้เรียนรู้ว่าบนโลกนี้ มีคนที่อยากเปลี่ยนคนอื่นอยู่ถึงประมาณ 40% พลังงานของพวกเขา เปลืองไปกับการพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้
- ได้เรียนรู้ว่าคนส่วนมากจะไม่โยนลูกบอลให้กับคนที่เกลียด เราจึงสื่อสารกันไม่มากพอ ความสัมพันธ์ที่เคยเย็นชา ต่อกัน สุดท้ายก็จะเย็นชาอย่างนั้นต่อไป เมื่อเราโยนเล่นรับลูกบอลกัน ร่างกายเราจะค่อยๆอุ่นขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราได้ออกแรง ความสัมพันธ์ของมนุษย์ก็จะอุ่นมาขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเกลียด หรือช่องอีกฝ่ายเมื่อสื่อสารออกไป ความสัมพันธ์เราก็จะดีขึ้น ตัวอย่างของการเล่นโยนรับลูกบอล เช่น พูดคุยกันให้มากขึ้น หมั่นบอกความคืบหน้าของงาน คุยสัพเพเหระให้มากขึ้นเข้าร่วมงานสังสรรค์ ลองนั่งข้างคนที่เกลียดใจดีกับอีกฝ่าย
- ได้เรียนรู้ว่าความผิดพลาด หรือ ปัญหาเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้เราเปลี่ยนแปลงความจริงนั้นไม่ได้ แค่เราไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีกก็ดีแล้ว แล้วอย่าลืมหาวิธีป้องกันไว้ด้วยแล้วข้อผิดพลาดนั้นจะเป็นบันไดให้เราได้เติบโตขึ้น
- ได้เรียนรู้ว่าเวลาที่มนุษย์เราถูกต้อนจนมุม เรามักจะจมอยู่กับความคิดเดียว จนไม่คิดถึงสิ่งรอบตัว นี่เรียกว่าการจมอยู่กับตัวเอง
- ได้เรียนรู้ว่าเมื่อเราจมอยู่กับตัวเอง เราจะมองไม่เห็นเรื่องรอบตัวเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เรื่องธรรมดาอย่างการไปปรึกษาคนอื่น หรือ ถ้าอ่านหนังสือแล้วคงแก้ไขปัญหาได้ เราก็จะนึกไม่ถึงเลย
- ได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่ทุกข์ คุณไม่ใช่คนเดียวที่โชคร้าย ที่จริงแล้วคุณปกติมาก และอยู่ในคนหมู่มากด้วยซ้ำดังนั้น “อย่าโทษตัวเองเลย”ถ้าเข้าใจได้จริงๆว่า “ทุกคนก็มีทุกข์อย่างเดียวกัน ความรู้สึกด้านลบของคุณก็จะหายไปได้มากเลย
- ได้เรียนรู้ว่าถ้านั่งติดต่อกัน 1 ชั่วโมง อายุขัยเราจะสิ้นลง 22 นาที แล้วถ้านั่งไปเรื่อยๆ การทำงานของสมองก็จะลดลง ในทางกลับกัน แค่เรายืนขึ้น สมองก็จะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยา แล้ว ถ้าออกกำลังกาย สมองก็จะได้รับการกระตุ้นอย่างมาก
- ได้เรียนรู้ว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อสมองล้า เราจะควบคุมอารมณ์ได้ยาก มีแนวโน้มที่จะหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย และมักคิดลบจะคิดอย่างมีเหตุผลก็ไม่ได้ก็จะยิ่งแย่ลง คุณจะได้รับการปฏิบัติที่ย่ำแย่จากผู้อื่นมากกว่าเดิม ความสัมพันธ์กับผู้อื่นจะเลวร้ายลงมากและจะจัดการไม่ได้อีกต่อไป
- ได้เรียนรู้ว่าคนที่นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง เท่ากับทำงานแบบอดหลับอดนอนทุกวัน แล้วถ้าเราคิด จมกับความทุกข์ในสภาพเหมือนอดนอนมาทั้งคืน เราจะหาวิธีรับมือดีๆไม่ได้ เราต้องมีร่างกายและจิตใจที่พร้อม จึงจะคลายทุกข์ได้
- ได้เรียนรู้ว่าช่วยให้สมองล้าน้อยลง คือการจัดการ ร่างกายและจิตใจ นอนอย่างมีคุณภาพให้ได้มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน การออกกำลังกาย ลองเดินเร็ว 20 นาทีต่อวัน หรือออกกำลังกายแบบเหงื่อออกเบาๆ อย่างน้อย 45 นาที 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เดินเล่นในตอนเช้าเพื่อกระตุ้นเซโรทินและเพื่อปรับนาฬิกาชีวิต
คำพูดเปลี่ยนชีวิต มีอยู่จริง แต่เรามักได้ยินคำพูดแง่ลบเสียเป็นส่วนใหญ่จากโรงเรียน จากครอบครัว จากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า ซึ่งเป็นคำพูดที่มาจากโทสะตัดความรำคาญ...มันทำให้เรามีความคิดที่พาตัวเองตกต่ำอย่างไม่รู้ตัว
อย่างที่เราทราบกันดี การจะมีสุขภาพจิตที่ดี พ้นจากความหนักใจจะต้องมีสุขภาพกายที่ดีด้วย กายและจิตจึงเป็นสิ่งที่ต้องบูรณาการหาทางรักษาความสมดุลเอาไว้ให้ได้ มิฉะนั้น หลักจิตวิทยาเพียงอย่างเดียวอาจไม่มีประสิทธิภาพมากพอ
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
สงครามยาเสพติดเวอร์ชันทรัมป์
มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียแบบ “มหาศาล” ของทรัมป์ จะเขย่ามอสโกแค่ไหนและคำตัดสินใจของจีนกับอินเดียคือหมากชี้ขาด
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
4 พันธุ์ไม้ "นักดูดฝุ่น" ฟอกอากาศขั้นเทพที่ควรมีติดบ้าน
เมื่อวิทยาศาสตร์อธิบายวินาที "กระดูกร้าวถึงหัก" บนสังเวียนของตะวันฉาย
IO เขมรปั่นหนัก! ใช้ AI สร้างพาสปอร์ตปลอม อ้าง “บัวขาว” เป็นคนกัมพูชา ไม่ใช่คนไทย
โรงแรมในเกียวโตลดราคาเหลือ 3,000 เยนต่อคืน หลังไม่มีนักท่องเที่ยวจีน
สงครามยาเสพติดเวอร์ชันทรัมป์







