เตือน! 6 พฤติกรรมเสี่ยงสมองพังโดยไม่รู้ตัว
สมองถือเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายของเรา เนื่องจากมันมีบทบาทในการควบคุมการทำงานของร่างกายทั้งหมด รวมถึงการคิด การตัดสินใจ ความจำ และอารมณ์ การดูแลสมองจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการมีชีวิตที่มีคุณภาพและยืนยาว อย่างไรก็ตาม มีพฤติกรรมหลายอย่างที่อาจเสี่ยงทำลายสมองโดยที่เราไม่รู้ตัว หรือไม่ค่อยให้ความสำคัญ ซึ่งบางพฤติกรรมเหล่านี้อาจสะสมไปเรื่อยๆ จนทำให้สมองเสื่อมสภาพในระยะยาว
1. การนอนน้อยหรือไม่ได้นอนเลย
การนอนหลับที่เพียงพอและมีคุณภาพเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการฟื้นฟูสมองในแต่ละวัน ระหว่างการนอนหลับ สมองจะทำการเก็บข้อมูลและลบข้อมูลที่ไม่จำเป็นเพื่อให้สมองพร้อมรับสิ่งใหม่ๆ ในวันถัดไป อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ยังคงละเลยการนอนหลับที่เพียงพอ โดยบางคนอาจนอนน้อยหรือนอนดึกจนเกินไป
ผลกระทบจากการนอนน้อยหรือการนอนหลับไม่เพียงพอคือสมองจะได้รับการฟื้นฟูไม่เต็มที่ ทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการจดจำ ความสามารถในการเรียนรู้ และอารมณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมในอนาคต เช่น ภาวะอัลไซเมอร์ การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพสมองที่ดี
2. การบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสมอง
อาหารที่เรารับประทานสามารถมีผลต่อสมองได้โดยตรง อาหารที่มีไขมันทรานส์สูง น้ำตาล และโซเดียมในปริมาณมากสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพสมองได้ การทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงสามารถทำให้สมองขาดพลังงานและเกิดการอักเสบ ซึ่งสามารถทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง
อาหารที่มีสารอาหารที่ดีต่อสมองควรมีทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน หรือถั่วต่างๆ รวมถึงผักและผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยในการฟื้นฟูสมอง อาหารที่ดีต่อสมองจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซลล์สมอง และช่วยป้องกันความเสื่อมของสมองในระยะยาว
3. ความเครียดสะสม
ความเครียดที่ไม่สามารถควบคุมได้สามารถส่งผลเสียต่อสมองได้อย่างรุนแรง เมื่อเรามีความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะถูกปล่อยออกมาในปริมาณสูง ซึ่งหากมีความเครียดอย่างต่อเนื่อง ฮอร์โมนนี้สามารถทำลายเซลล์สมองในส่วนของฮิปโปแคมปัส ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดเก็บข้อมูลและความจำ
ความเครียดเรื้อรังสามารถลดประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง ทำให้สมองทำงานช้าลงและเกิดปัญหาเกี่ยวกับความจำ การหาวิธีจัดการกับความเครียด เช่น การฝึกสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการใช้เทคนิคการผ่อนคลายจะช่วยบรรเทาความเครียดและช่วยรักษาสุขภาพสมอง
4. การขาดการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ดีต่อร่างกาย แต่ยังดีต่อสมองด้วยเช่นกัน การออกกำลังกายสามารถกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในสมอง และช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์สมอง ซึ่งส่งผลให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
การออกกำลังกายที่เป็นประจำยังช่วยเพิ่มการสร้างสารเคมีในสมองที่เรียกว่า “บีดีเอฟ” (Brain-Derived Neurotrophic Factor) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการสร้างเซลล์สมองใหม่และช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ได้รับความเสียหาย ดังนั้นการออกกำลังกายอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์จึงมีความสำคัญต่อการรักษาสมองให้แข็งแรงและฟื้นฟูสมองได้อย่างเต็มที่
5. การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์มากเกินไป
การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสมองโดยตรง แอลกอฮอล์และสารเสพติดสามารถทำให้สมองได้รับความเสียหายในระยะยาว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์และความคิด
การใช้สารเสพติดสามารถทำให้เกิดการทำลายสมองจากภายใน โดยลดการทำงานของระบบประสาทและการสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง สารบางประเภทอาจส่งผลต่อความจำ การคิด และการตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความคิดและความสามารถในการเรียนรู้
6. การละเลยการฝึกสมอง
การฝึกสมองและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องมีความสำคัญต่อการคงความสามารถในการคิดและการจำ การละเลยการฝึกสมองโดยไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือไม่ทำกิจกรรมที่กระตุ้นการคิดสามารถทำให้สมองหยุดพัฒนาและเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น
การฝึกสมองสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การอ่านหนังสือ การเล่นเกมที่กระตุ้นสมอง หรือการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เช่น การเรียนภาษาใหม่หรือการเล่นเครื่องดนตรี การทำเช่นนี้จะช่วยรักษาความสามารถในการคิดและประมวลผลข้อมูลของสมอง