เจาะลึกกลโกง แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงอย่างไร ทำไมถึงตกเป็นเหยื่อ
ข่าวการที่ "ชาล็อต มิสแกรนด์" ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงไปเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท สร้างความสะเทือนใจและตื่นตระหนกให้กับสังคมเป็นอย่างมาก เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าแม้แต่บุคคลที่มีชื่อเสียงก็ยังสามารถตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ได้ ทำให้เราต้องตระหนักถึงภัยคุกคามที่อยู่ใกล้ตัว และหาวิธีป้องกันตัวเองให้มากขึ้น แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ใช้วิธีการที่หลากหลายและซับซ้อนในการหลอกลวงเหยื่อ โดยอาศัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และความกลัวของผู้คน ทำให้หลายคนสูญเสียเงินทองและทรัพย์สินไปอย่างน่าเสียดาย บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงกลวิธีที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกลวง รวมถึงวิธีการป้องกันตัวเองให้พ้นจากภัยคุกคามนี้ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องทรัพย์สินและข้อมูลส่วนตัวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลอกลวงให้ตกใจ
กลยุทธ์ยอดฮิตที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้ในการหลอกลวงเหยื่อ คือ การสร้างความตกใจให้เหยื่อ เช่น การแจ้งว่าบัญชีธนาคารถูกอายัด เกี่ยวข้องกับคดีความ หรือมีคนนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ผิด ทำให้เหยื่อเกิดความกลัวและรีบทำตามคำสั่งของมิจฉาชีพโดยไม่ทันได้คิด
แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่
วิธีการหลอกลวงนี้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์นิยมใช้บ่อยที่สุด โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ธนาคาร ตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐบาล เพื่อให้เหยื่อเกิดความน่าเชื่อถือและรีบทำตามที่มิจฉาชีพสั่ง การแอบอ้างในลักษณะนี้มักจะมาพร้อมกับคำขู่หรือสร้างความหวาดกลัว เพื่อเร่งให้เหยื่อตัดสินใจโอนเงินโดยไม่ทันไตร่ตรอง เช่น แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าบัญชีธนาคารถูกแฮ็ก หรือมีการใช้บัตรเครดิตผิดปกติ ต้องรีบโอนเงินเพื่อตรวจสอบ หรือแจ้งว่ามีโปรโมชั่นพิเศษ แต่ต้องทำตามขั้นตอนที่แจ้ง แอบอ้างเป็นตำรวจโทรแจ้งว่าเกี่ยวข้องกับคดีความ หรือมีหมายจับ ต้องโอนเงินเพื่อประกันตัว หรือแจ้งว่ามีการนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ผิด ต้องรีบแจ้งความ หรือแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐแจ้งว่าได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาล แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือแจ้งว่ามีการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ต้องดำเนินการตามที่แจ้ง
เร่งให้ตัดสินใจ
กลยุทธ์นี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงิน เป็นการเร่งให้เหยื่อตัดสินใจโดยเร็วที่สุด โดยมิจฉาชีพจะสร้างสถานการณ์ให้เหยื่อรู้สึกกดดัน กลัว และไม่มีเวลาคิดไตร่ตรอง ซึ่งจะทำให้เหยื่อหลงเชื่อและทำตามคำสั่งของมิจฉาชีพไปโดยง่าย เช่น ข่าวเกี่ยวกับการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมิจฉาชีพจะโทรมาแจ้งว่าเหยื่อเกี่ยวข้องกับคดีความ และหากไม่โอนเงินค่าปรับหรือค่าดำเนินการ จะถูกจับกุมทันที โดยมักจะกำหนดเวลาให้เหยื่อตัดสินใจภายในเวลาอันสั้น เช่น ภายใน 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมง หรือข่าวเกี่ยวกับการหลอกลวงให้โอนเงินคืน เนื่องจากโอนผิดบัญชี โดยมิจฉาชีพจะโทรมาอ้างว่าโอนเงินผิดบัญชีให้เหยื่อ และขอให้เหยื่อโอนเงินคืนกลับไปโดยเร็วที่สุด โดยมักจะอ้างว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนและหากไม่โอนเงินคืนจะเกิดปัญหาตามมา
ใช้คำพูดที่น่าเชื่อถือ
แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้วิธีการนี้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ตกหลุมพราง โดยอ้างถึงบุคคล หรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ ธนาคาร หรือบริษัทใหญ่ ๆ ตัวอย่างคำพูดที่น่าเชื่อถือที่มักใช้ เช่น "นี่คือเจ้าหน้าที่จากธนาคาร...บัญชีของคุณมีปัญหา" ซึ่งมิจฉาชีพจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างความตื่นตระหนกให้เหยื่อรีบดำเนินการตามที่บอก "คุณได้รับเลือกให้เป็นผู้โชคดีจากบริษัท...ต้องชำระค่าธรรมเนียมก่อน" เป็นการหลอกล่อเหยื่อด้วยรางวัลใหญ่ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อและยอมโอนเงิน "มีหมายเรียกจากศาล คุณต้องชำระค่าปรับ" เพื่อสร้างความกลัวให้เหยื่อเชื่อว่ามีคดีความ และต้องเร่งชำระเงินเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย
แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นภัยคุกคามที่เราทุกคนต้องเผชิญหน้า การป้องกันตัวเองให้พ้นจากมิจฉาชีพกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เราควรระมัดระวังในการรับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้กับบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ และหากสงสัยว่าเป็นการหลอกลวงให้รีบติดต่อธนาคารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อตรวจสอบข้อมูลและขอความช่วยเหลือ หากเราทุกคนร่วมมือกันในการป้องกันและแจ้งเบาะแส แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะลดจำนวนลงได้