ทำไม กระดังงาลนไฟ ถึงได้หอมยิ่งนักแล
ทำไมดอกกระดังงาลนไฟถึงหอม?
เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมเวลาเราเอา ดอกกระดังงาไปลนไฟ กลับทำให้กลิ่นหอมของดอกไม้นั้นเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด? คำตอบนั้นซ่อนอยู่ในโครงสร้างและคุณสมบัติของดอกไม้ชนิดนี้นี่เองค่ะ
ความลับอยู่ที่ต่อมน้ำมันหอมระเหย
ดอกกระดังงามีต่อมเล็กๆ ที่บรรจุ น้ำมันหอมระเหย ไว้เป็นจำนวนมาก น้ำมันหอมระเหยชนิดนี้เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของดอกไม้ เมื่อเราเอาดอกกระดังงาไปสัมผัสกับความร้อนจากไฟ ต่อมเล็กๆ เหล่านี้จะได้รับความร้อนและแตกออก ทำให้น้ำมันหอมระเหยที่อยู่ภายในไหลออกมาได้อย่างรวดเร็วและเต็มที่
ความร้อนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
นอกจากจะทำให้ต่อมน้ำมันแตกออกแล้ว ความร้อนยังช่วยเร่งให้ โมเลกุลของน้ำมันหอมระเหย เคลื่อนที่และกระจายตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย ทำให้กลิ่นหอมของดอกกระดังงาฟุ้งกระจายไปทั่วได้อย่างรวดเร็ว และเราสามารถรับรู้กลิ่นหอมได้อย่างชัดเจนและรวดเร็วขึ้นนั่นเองค่ะ
ประโยชน์ของการนำดอกกระดังงามาลนไฟ
การนำดอกกระดังงามาลนไฟเป็นวิธีการดั้งเดิมที่คนไทยเรานำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มความหอมของดอกไม้ชนิดนี้ และนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น
- การอบขนม: กลิ่นหอมของดอกกระดังงาลนไฟจะช่วยให้ขนมมีกลิ่นหอมน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
- การทำน้ำหอม: น้ำมันหอมระเหยจากดอกกระดังงาที่ได้จากการลนไฟ สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำหอมธรรมชาติได้
- การไล่แมลง: กลินหอมของดอกกระดังงามีสรรพคุณในการไล่แมลงบางชนิดได้
เคล็ดลับการลนดอกกระดังงาให้หอม
- เลือกดอกกระดังงาที่สด: ควรเลือกดอกกระดังงาที่สดใหม่และบานเต็มที่ เพื่อให้ได้น้ำมันหอมระเหยที่มีคุณภาพ
- ใช้ไฟอ่อนๆ: การใช้ไฟแรงเกินไปอาจทำให้ดอกกระดังงาไหม้และกลิ่นหอมเสียได้ ควรใช้ไฟอ่อนๆ และค่อยๆ ลนไปเรื่อยๆ
- ลนบริเวณโคนดอก: เนื่องจากต่อมน้ำมันหอมระเหยส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณโคนดอก การลนบริเวณนี้จะช่วยให้ได้กลิ่นหอมออกมาอย่างเต็มที่
จากความรู้ที่ได้นี้ เราจะเห็นได้ว่า การนำดอกกระดังงามาลนไฟนั้นไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มความหอมให้กับดอกไม้เท่านั้น แต่ยังเป็นการนำความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย