4 วิธีเบิร์นแคลอรี่ง่ายๆ! ไม่ต้องออกกำลังกาย!
4 เคล็ดลับง่ายๆ ในการเผาผลาญแคลอรี โดยไม่ต้องไปยิม!
หากคุณอยากเผาผลาญแคลอรีให้ได้ผล ให้เน้นทำอย่างชาญฉลาด ไม่ใช่หนักจนเกินไป โค้ชฟิตเนส DH (@dhfitinc) ได้แนะนำวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน 4 ข้อ ที่ช่วยให้คุณรักษาภาวะขาดแคลอรี (calorie deficit) เพื่อการลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องเดินทางไปฟิตเนส
เปลี่ยนการเดินธรรมดาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าคุณชอบเดิน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาเป็นการวิ่งที่เหนื่อยล้าหรือใช้ลู่วิ่งแทนการเดินด้วยความเร็วปานกลางถึงเร็วสามารถช่วยพัฒนาความจำ การนอนหลับ การทำงานของสมอง และยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้ แต่หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ลองเปลี่ยนการเดินธรรมดาให้เป็น การเดินแบบ “rucking” โดยการสะพายเป้ที่มีน้ำหนักเพื่อเพิ่มความเข้มข้น Rucking เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ (low impact) มีต้นแบบมาจากการฝึกของทหาร ซึ่งช่วยเพิ่มการใช้พลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ โดยไม่ต้องเร่งความเร็วการเดินเริ่มต้นได้ง่ายๆเช่นใช้กระเป๋าเป้ธรรมดาหรือเป้ที่ออกแบบมาสำหรับ rucking หรือใส่วัตถุหนัก เช่น ขวดน้ำ หนังสือ กระป๋องอาหาร หรือก้อนหิน งานวิจัยพบว่าการ rucking ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เสริมความอึด และเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าการเดินธรรมดา 30-45%
การพักผ่อนที่เพียงพอมีบทบาทสำคัญในการควบคุมฮอร์โมนความหิว ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และส่งเสริมระบบเผาผลาญ งานวิจัยพบว่าคนที่นอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืนมักมีพฤติกรรมการกินที่ไม่เป็นระเบียบ มีโอกาสหลุดไดเอต และดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าขีดจำกัดประจำสัปดาห์DH กล่าวว่าการนอนหลับช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีประมาณ 30-40 แคลอรีต่อชั่วโมง และหากขาดการพักผ่อน อาจทำให้กินอาหารมากเกินไปและพลังงานลดลงสำหรับการออกกำลังกายพยายามเข้านอนเร็วขึ้นวันละ 30 นาที คุณจะรู้สึกพักผ่อนเต็มที่ และยังเพิ่มโอกาสเผาผลาญแคลอรีในขณะนอนได้
โปรตีนไม่ได้ช่วยแค่เสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังมี “thermic effect” สูง ซึ่งหมายความว่าร่างกายใช้พลังงานมากขึ้นในการย่อยโปรตีนเมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรตหรือไขมันโปรตีนช่วยให้อิ่มนานขึ้น เพราะใช้เวลาย่อยนานกว่า และช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมวลกล้ามเนื้อสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่าไขมันแหล่งโปรตีนที่ควรเลือกมีเนื้อไก่ ปลา ไข่ เต้าหู้ และกรีกโยเกิร์ต
ถึงแม้ว่าการออกกำลังกายจะยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แต่คุณไม่จำเป็นต้องมีสมาชิกยิมราคาแพง DH แนะนำให้กำหนดเวลาออกกำลังกายให้ชัดเจน เช่น 20-30 นาทีต่อวัน เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและช่วยให้คุณมุ่งมั่นมากขึ้น
การออกกำลังกายที่ใช้แค่น้ำหนักตัว เช่น วิดพื้น สควอท และแพลงก์ สามารถทำได้ง่ายที่บ้าน และให้ผลลัพธ์ที่ดีพอๆ กับการออกกำลังกายในยิม
งานวิจัยล่าสุดพบว่าคนที่ไปยิมใช้เวลาเฉลี่ยถึง 4 ชั่วโมงต่อครั้ง รวมเวลารอและการเตรียมตัว ในขณะที่การออกกำลังกายจริงๆ ใช้เวลาเพียง 47 นาทีเท่านั้น ปรับใช้ 4 เคล็ดลับเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน แล้วคุณจะสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นอย่างง่ายดาย!
ที่มา: The mirror Uk