รีเซ็ตชีวิต คิดใหม่ ทำใหม่
รีเซ็ตชีวิต คิดใหม่ ทำใหม่
#อักษราลัย
"คุณดุจดาว ความดันของคุณสูงกว่าปกติ ผลเลือดก็บ่งชี้ว่าคุณมีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน" เสียงของหมอในการตรวจสุขภาพประจำปีของบริษัทยังก้องอยู่ในหัว "ถ้าคุณไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตตอนนี้ อีกไม่กี่ปีคุณอาจจะต้องกินยาประจำ และความดันสูงอาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้ยังอยู่แค่ปริ่ม ๆ แต่ก็ไม่แน่นะคะ" หมอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สีหน้านั้นกลับจริงจัง จนดุจดาวรู้สึกหวั่น
ดุจดาวนั่งอยู่หน้ากระจกในห้องนอน สายตาจับจ้องที่ภาพสะท้อนของตัวเองในคืนส่งท้ายปีเก่า เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะจากงานเฉลิมฉลองของเพื่อนบ้านลอยแว่วมาตามสายลม ภาพของพ่อที่จากไปเพราะโรคเบาหวานตอนเธออายุสิบห้าผุดขึ้นในความทรงจำ และนั่นคือสาเหตุที่เธอปฏิเสธคำชวนไปปาร์ตี้ของแก้ว เพื่อนสนิทที่เคยเที่ยวด้วยกันทุกสัปดาห์
"เธอเปลี่ยนไปนะ" แก้วบ่นก่อนวางสาย แต่ดุจดาวรู้ดีว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น
"ปีหน้า ฉันจะเป็นคนใหม่" เธอพูดกับตัวเอง พลางหยิบสมุดเล่มเล็กสีฟ้าที่แม่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดขึ้นมาเปิด หน้าแรกของสมุดถูกเขียนด้วยตัวอักษรตัวโต "The Best Version of Me" เธอนึกรายการสิ่งที่อยากเปลี่ยนแปลง หยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มเขียน
"1. ตื่นเช้าทุกวัน 5.30 น.
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- กินอาหารที่มีประโยชน์ ลดของทอด ของหวาน
- เก็บออมเงิน 30% ของรายได้
- อ่านหนังสืออย่างน้อยเดือนละ 1 เล่ม
- โทรหาแม่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง"
ดุจดาวรู้ดีว่าตลอดปีที่ผ่านมา เธอปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเคยชิน ตื่นสาย ทำงานแบบขอไปที ใช้เงินฟุ่มเฟือยกับการช้อปปิ้งออนไลน์ แถมยังละเลยสุขภาพของตัวเอง จนน้ำหนักขึ้นไป 7 กิโลกรัมในปีเดียว แม้แต่แม่ที่อยู่ต่างจังหวัด เธอก็แทบไม่ได้คุยด้วย นอกจากส่งสติ๊กเกอร์ทักทายในไลน์
เช้าวันแรกของปีใหม่ ดุจดาวตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า แม้จะง่วงจนตาพร่า เธอสวมชุดวิ่งที่ซื้อเก็บไว้นานแล้วแต่ไม่เคยได้ใช้ ก้าวแรกบนลู่วิ่งในฟิตเนสใกล้บ้านรู้สึกยากเย็นเหลือเกิน เหงื่อไหลท่วมใบหน้าหลังวิ่งได้เพียงห้านาที ขาสั่นจนก้าวแทบไม่ออก นึกอยากลงจากลู่วิ่งแทบจะทุกวินาที แต่เธอบอกกับตัวเองว่า "เริ่มต้นมันยากเสมอ ฉันจะไม่ยอมแพ้"
ที่ฟิตเนส เธอได้รู้จักกับกลุ่มคนที่มาออกกำลังกายเป็นประจำ พี่นกมาวิ่งลู่ทุกเช้าคอยให้คำแนะนำเรื่องการวิ่งและโภชนาการ ทำให้เธอมีกำลังใจมากขึ้น
วันเวลาผ่านไป จากการวิ่งได้แค่ห้านาทีในวันแรก เธอค่อย ๆ เพิ่มเป็นสิบนาที ยี่สิบนาที และในที่สุดก็วิ่งได้ครึ่งชั่วโมง ร่างกายที่เคยอ่อนแอเริ่มแข็งแรงขึ้น จิตใจที่เคยท้อแท้ก็เริ่มเข้มแข็ง กระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเธอมองกระจก เสื้อผ้าตัวเก่าเริ่มหลวม รอยยิ้มบนใบหน้าก็ดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ที่ทำงาน เธอเริ่มจดบันทึกเป้าหมายประจำวัน จัดลำดับความสำคัญของงาน และตั้งใจทำงานมากขึ้น แทนที่จะเสียเวลาไปกับการเม้าท์มอยกับเพื่อนร่วมงานหรือเลื่อนหน้าโซเชียลมีเดียอย่างไร้จุดหมาย เพื่อนร่วมงานเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง น้องในทีมหลายคนเริ่มมาขอคำปรึกษาเรื่องงานมากขึ้น และหัวหน้างานถึงกับเรียกเธอเข้าไปชมเรื่องผลงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับเสนอให้เธอรับผิดชอบงานสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงไม่ได้ราบรื่นเสมอไป มีหลายครั้งที่เธอพลาด เช่นคืนที่เธออดนอนดูซีรีส์จนดึก ทำให้ตื่นสายและพลาดการออกกำลังกายในเช้าวันรุ่งขึ้น หรือวันที่เธอใจอ่อนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมลดราคา ทั้งที่ตั้งใจจะเก็บเงิน แก้วยังคงส่งข้อความมาชวนไปเที่ยวเป็นระยะ และบางครั้งเธอก็รู้สึกเหงาจนแทบทนไม่ไหว
เมื่อถึงตอนที่เธอท้อแท้ เสียงของพ่อที่เคยบอกว่า "ลูกทำได้ทุกอย่าง ถ้าลูกตั้งใจจริง" จะดังก้องในหัวเสมอ การสูญเสียพ่อไปตั้งแต่เด็กทำให้เธอเห็นคุณค่าของสุขภาพและเวลา แต่กว่าจะตระหนักได้ก็ต้องรอให้ถึงจุดเปลี่ยนในครั้งนี้
หกเดือนผ่านไป ดุจดาวในวันนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เธอกลายเป็นคนมีระเบียบวินัย ใส่ใจสุขภาพ และมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น บัญชีออมทรัพย์ของเธอเริ่มมีเงินเก็บ เพราะเลือกซื้อของเฉพาะที่จำเป็น และงดออกไปดื่มเหล้า ร่างกายแข็งแรงขึ้น และงานก็ก้าวหน้า แม้แต่แก้วที่เคยบ่นว่าเธอเปลี่ยนไป ก็เริ่มเข้าใจและหันมาขอคำแนะนำเรื่องการออกกำลังกาย
วันหนึ่ง ขณะที่เธอนั่งจิบกาแฟด้วยกัน แก้วถามขึ้นมาว่า "ทำไมเธอถึงเปลี่ยนแปลงตัวเองได้มากขนาดนี้"
ดุจดาวยิ้ม "ฉันเพิ่งเข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากความกลัวหรือความรู้สึกผิด แต่เกิดจากความรักและความเข้าใจ... รักตัวเองมากพอจนอยากให้ชีวิตดีขึ้น เข้าใจว่าทุกการกระทำในวันนี้จะส่งผลต่อชีวิตในวันหน้า"
คืนนี้ ขณะนั่งเขียนบันทึกประจำวันบนระเบียงคอนโดที่มองเห็นแสงไฟเรืองรองของเมือง เธอเปิดดูภาพเก่า ๆ ของพ่อในโทรศัพท์ พลางยิ้มอย่างอบอุ่น ข้อความในโทรศัพท์แจ้งเตือนว่าพรุ่งนี้มีนัดวิ่งกับกลุ่มเพื่อนใหม่จากฟิตเนส และมีข้อความจากแม่ที่บอกว่าภูมิใจในตัวเธอ
"บางทีการเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงภายนอก แต่เป็นการเติบโตจากภายใน" เธอเขียนลงในบันทึก
"มันคือการเรียนรู้ที่จะรักและให้อภัยตัวเอง กล้าที่จะออกจาก comfort zone เข้าใจว่าความล้มเหลวคือส่วนหนึ่งของการเติบโต และที่สำคัญที่สุด คือการตระหนักว่าทุกวันเป็นโอกาสที่จะทำให้ชีวิตของเราและคนที่เรารักดีขึ้น ถึงพ่อจะไม่ได้อยู่เห็นความเปลี่ยนแปลงของหนูในวันนี้ แต่หนูเชื่อว่าพ่อคงภูมิใจ"
………. >> ……….