"หลวงพ่อใหญ่" แห่งร้อยเอ็ด : เงาแห่งความเมตตาที่ทอดไกล
ณ ใจกลางเมืองร้อยเอ็ด ดินแดนแห่งทุ่งกุลาร้องไห้ ปรากฏภาพอันสง่างามของ "หลวงพ่อใหญ่" พระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่ ที่ยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความเมตตา ด้วยความสูงตระหง่านถึง 59.20 เมตร จากพระเศียรจรดพระบาท และเมื่อรวมฐานประดิษฐานด้วยแล้ว ความสูงนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 67.75 เมตร ทำให้หลวงพ่อใหญ่กลายเป็นรูปปั้นที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย เป็นรองเพียงพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในจังหวัดอ่างทอง ลพบุรี และกรุงเทพมหานคร
ชื่ออย่างเป็นทางการของหลวงพ่อใหญ่คือ "พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี" แต่ด้วยความคุ้นเคยและเคารพรัก ชาวร้อยเอ็ดจึงนิยมเรียกขานพระองค์ด้วยนามอันเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหมายว่า "หลวงพ่อใหญ่" นามนี้สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ ความเมตตา และความคุ้มครองที่แผ่ไพศาลไปทั่วทุกสารทิศ
หลวงพ่อใหญ่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดบูรพาภิราม วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองร้อยเอ็ด การเดินทางมาสักการะหลวงพ่อใหญ่จึงเป็นการเดินทางสู่ศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง และเป็นโอกาสที่จะได้สัมผัสกับความสงบและร่มเย็นภายในวัด
ภาพของหลวงพ่อใหญ่ที่ยืนเด่นเป็นสง่า ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม เป็นภาพที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในพื้นที่หรือนักท่องเที่ยวจากแดนไกล แสงแดดที่สาดส่องลงมากระทบกับองค์พระ ทำให้เกิดประกายสีทองอร่าม เป็นภาพที่งดงามราวกับภาพวาด
แต่ความสำคัญของหลวงพ่อใหญ่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ความสูงหรือความงดงามทางกายภาพ หลวงพ่อใหญ่เป็นมากกว่ารูปปั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธา เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
การมาเยือนหลวงพ่อใหญ่จึงเป็นการเดินทางเพื่อค้นหาความสงบภายในจิตใจ เป็นการเติมพลังศรัทธา และเป็นการรับพรแห่งความเมตตาจากพระพุทธองค์
นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบวัดบูรพาภิรามยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ สถาปัตยกรรมของวัดที่ผสมผสานศิลปะหลากหลายรูปแบบ และบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ทำให้วัดแห่งนี้เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้และพักผ่อนจิตใจ
การมาสักการะ "หลวงพ่อใหญ่" ที่วัดบูรพาภิราม จึงเป็นการเดินทางที่ครบถ้วน ทั้งการชื่นชมความงดงามทางศิลปะ การสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น และการเติมเต็มจิตวิญญาณด้วยธรรมะ เป็นประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การจดจำและบอกเล่าสืบไป