เคบาย่า ยูเนสโกจัดให้ รวมพลัง 5 ประเทศ อาเซียนสามัคคีเพื่อมรดกโลก
สวัสดีครับ ล่าสุด ยูเนสโก เพิ่งจะประกาศให้ ต้มยำกุ้ง ของไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เราก็ว่า “เอ้อ! ดีใจไทยแลนด์ปัง!” แต่เดี๋ยวก่อน! แค่ไม่กี่วันถัดมา ยูเนสโกก็ทำเซอร์ไพรส์อีกแล้ว เพราะเขาประกาศขึ้นทะเบียน “ชุดเคบาย่า” ชุดพื้นเมืองที่โดดเด่นเรื่องความสวยงามสุดปัง เป็นมรดกร่วมกันของถึง 5 ประเทศ ในอาเซียน! ว่าแต่ 5 ประเทศนี้มีใครบ้าง? แล้วมาร่วมกันได้ยังไง? เดี๋ยววันนี้เราจะพาไปเจาะลึกแบบสนุก ๆ ชาวบ้านฟังง่ายกันเลย!
ชุดเคบาย่าคืออะไร? ทำไมถึงพิเศษขนาดนี้
สำหรับคนที่ยังนึกไม่ออกว่าชุดเคบาย่าคืออะไร ให้จินตนาการถึงเสื้อผ้าผ่าหน้าประดับลูกไม้ ปักลวดลายแบบปราณีตสุด ๆ พอใส่คู่กับผ้าถุงหรือสโร่งแล้วบอกเลยว่าสวยสง่าราวกับเจ้าหญิง! ที่สำคัญชุดนี้ไม่ได้ใส่เล่น ๆ นะ เพราะมันเป็นเครื่องแต่งกายที่อยู่ในชีวิตประจำวันของสาว ๆ มานานแล้ว ตั้งแต่ใส่ไปตลาด ไปงานวัด ยันออกงานใหญ่ระดับพิธีการเลยทีเดียว
และที่สำคัญที่สุดคือ...มันไม่ได้อยู่แค่ในประเทศเดียว! ชุดเคบาย่ากระจายอยู่ในหลากหลายพื้นที่ในอาเซียน ทั้ง อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน และ ทางภาคใต้ของไทย อย่างปัตตานี ยะลา นราธิวาส หรือแม้แต่ภูเก็ตก็ยังมีคนใส่ชุดนี้ไปทำบุญที่วัด!
ทำไมถึงขึ้นทะเบียนร่วมกัน? ใครเป็นหัวหอก
เอาจริง ๆ จะให้พูดว่าประเทศไหนรักชุดเคบาย่าที่สุดก็อาจจะเถียงกันไม่จบ เพราะแต่ละประเทศก็รักชุดนี้กันทั้งนั้น! แต่ถ้าจะถามว่าใครเริ่มชวนรวมทีม งานนี้ต้องยกเครดิตให้ มาเลเซีย ที่ออกไอเดียก่อนในปี 2565 พวกเขาชวนเพื่อนบ้านทั้ง บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และ ไทย มานั่งจับมือกันเพื่อยื่นเรื่องไปยังยูเนสโก
ซึ่งกระบวนการมันก็ไม่ง่ายนะ เพราะแต่ละประเทศต้องช่วยกันเขียนเอกสาร ตัดต่อวิดีโออธิบายให้ยูเนสโกเห็นว่าชุดเคบาย่ามันคือ “ตัวแทนความหลากหลายและความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของคนในภูมิภาคนี้” และที่สำคัญคือมันไม่ได้เป็นสมบัติของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่มันเป็นมรดกร่วมกัน!
ยูเนสโกว่ายังไง?
เมื่อทีมอาเซียนส่งเอกสารไป ยูเนสโกถึงกับปรบมือรัว! เขาชมว่าทั้ง 5 ประเทศนี้ทำงานร่วมกันได้ดีสุด ๆ และชุดเคบาย่าก็สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ความหลากหลาย และความผูกพันของผู้คนในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง การขึ้นทะเบียนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่น แต่มันคือการแสดงให้เห็นถึง “ความสามัคคี” ของคนในอาเซียนที่ไม่ค่อยเห็นกันบ่อย ๆ
เสียงจากชาวอาเซียน: แต่ละประเทศคิดยังไงกับเรื่องนี้?
เอาล่ะ! พูดมาขนาดนี้ จะไม่ฟังความคิดเห็นชาวอาเซียนก็คงไม่ได้ เราไปดูกันว่าเขามีมุมมองยังไงเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนชุดเคบาย่ากันบ้าง:
-
ชาวอินโดนีเซีย:
- “เคบาย่าคือหัวใจของวัฒนธรรมอินโดนีเซีย! ยายของฉันใส่ชุดนี้ทุกวัน และฉันก็ภูมิใจที่ชุดนี้ได้รับการยอมรับระดับโลก!”
- “ถ้ามาเที่ยวบาหลี คุณจะเห็นคนใส่เคบาย่าเต็มไปหมดเลยนะ มันสวยจริง ๆ!”
-
ชาวมาเลเซีย:
- “เคบาย่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเรามานาน ผู้หญิงมาเลเซียใส่กันมาตั้งแต่รุ่นย่ารุ่นยาย อย่ามองข้ามเคบาย่าของพวกเราล่ะ!”
-
ชาวสิงคโปร์:
- “ดูแอร์โฮสเตสของสายการบินสิงคโปร์แอร์สิ พวกเธอสวมชุดเคบาย่ากันทุกคน! มันช่างสง่างามมาก!”
- “คนสิงคโปร์ควรภูมิใจในชุดเคบาย่า อยากให้ผู้หญิงใส่ชุดนี้มากขึ้น เพราะมันสวยและมีเสน่ห์เหลือเกิน!”
-
ชาวไทย:
- “แม่ฉันที่ภูเก็ตก็มีชุดเคบาย่าหลายชุดเหมือนกัน ฉันเห็นคนแก่ใส่ชุดนี้ไปวัดแล้วมันดูมีเสน่ห์มาก!”
-
ชาวบรูไน:
- “ชุดเคบาย่าเป็นเอกลักษณ์และเหมาะกับงานทุกโอกาส! การที่มันกลายเป็นมรดกร่วมถือเป็นเรื่องที่ดีมาก!”
เคบาย่า มรดกแห่งสามัคคี
จากการขึ้นทะเบียนชุดเคบาย่าครั้งนี้ เราไม่ได้เห็นแค่ความสวยงามของวัฒนธรรม แต่เรายังได้เห็น “มิตรภาพ” ที่น่าประทับใจของประเทศในอาเซียน ที่ร่วมมือร่วมใจกันทำเรื่องดี ๆ แบบนี้ มันแสดงให้เห็นว่า...
- ถึงแม้จะมีเรื่องให้แข่งขันกันบ้างในบางที
- แต่เมื่อเป็นเรื่องของมรดกร่วม เราก็จับมือกันแน่นมาก
การที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนชุดเคบาย่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ 5 ประเทศในอาเซียน นอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจแล้ว มันยังตอกย้ำถึงความหลากหลายและความสวยงามของภูมิภาคเราได้เป็นอย่างดี เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสก็อย่าลืมหาโอกาสไปชม หรือถ้าอยากสวมชุดนี้สักครั้งก็จัดไปเลย! เคบาย่าไม่ได้เป็นแค่ชุด แต่เป็นเรื่องราวของภูมิภาคนี้ แล้วพบกันใหม่ครับ