โกฐสองใบ
โกฐสองใบ
โดย #อักษราลัย
แสงแดดยามเย็นสาดส่องผ่านหน้าต่างบ้านไม้หลังเก่า ไม้กระดานผุกร่อนส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดเมื่อมีคนเดินผ่าน กลิ่นอายของกาลเวลาแทรกซึมอยู่ในทุกซอกทุกมุม ในห้องนอนที่เคยเป็นของแม่ กลิ่นยาหอมจาง ๆ ยังคงติดอยู่ตามผ้าม่านและเครื่องนอน เหมือนร่องรอยสุดท้ายที่แม่ทิ้งไว้ให้
ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศทั้งหมด มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนเดินติ๊ก ๆ เป็นจังหวะ นาฬิกาลูกตุ้มเรือนนี้แม่เคยบอกว่าซื้อมาตั้งแต่วันแต่งงาน มันเป็นพยานรู้เห็นความสุขและความทุกข์ในบ้านหลังนี้มานานหลายสิบปี เสียงของมันดังก้องในความเงียบราวกับนับถอยหลังชีวิตของคนที่ยังอยู่
"จำได้มั้ย ตอนเราเด็ก ๆ" พี่ชายพูดขึ้นลอย ๆ ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าข้างเตียง มือลูบผ้าห่มที่แม่เคยใช้ "แม่ชอบนั่งตรงนี้ สอยชายผ้าให้เราใส่ไปโรงเรียน"
เขามองดูโกฐใส่กระดูกสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ มันสะท้อนแสงวูบวาบใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น เขาเพิ่งกลับมาจากร้านเครื่องเซ่นไหว้ในตัวเมือง เจ้าของร้านที่รู้จักกันมานานถึงกับร้องไห้เมื่อรู้ว่าแม่จากไป
"แม่เป็นคนดีนะ" แม่ค้าพูดพลางเช็ดน้ำตา "ทุกครั้งที่มาซื้อของไหว้เจ้า ต้องแวะมาคุยกับป้าทุกที"
ด้วยความตั้งใจจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อม และดีที่สุดสำหรับพิธีศพของแม่ เขาเลือกโกฐใบนี้อย่างพิถีพิถัน
"พี่คะ" เสียงน้องสาวดังมาจากประตู เธอยืนถือโกฐอีกใบหนึ่งที่เหมือนกันไม่มีผิด ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้มาตลอดสามวัน นับตั้งแต่แม่จากไป เธอยังใส่ชุดดำที่แม่เคยซื้อให้เมื่อปีก่อน ตอนนั้นแม่บอกว่า "เผื่อหนูได้ใส่ไปทำงาน" แต่สุดท้าย มันกลับกลายเป็นชุดไว้ทุกข์ให้แม่เสียเอง
"อ้าว..." พี่ชายขมวดคิ้ว "หนูก็ไปซื้อมาเหมือนกันเหรอ"
"ค่ะ หนูคิดว่าพี่คงยุ่ง เลยอยากช่วย" น้องสาววางโกฐลงข้าง ๆ อันแรก มือเธอสั่นเล็กน้อย "หนูไปซื้อที่ร้านหลังวัด เขาบอกว่าเป็นรุ่นที่สวยที่สุด สีขาวแบบที่แม่ชอบ..."
เธอนึกถึงวันที่แม่พาไปวัด แม่มักจะชี้ให้ดูลวดลายแกะสลักบนเจดีย์ บอกว่าสวยเหมือนลายผ้าที่ท่านชอบ
ทั้งสองคนมองโกฐสองใบที่วางเคียงกัน ความเงียบที่เคยธรรมดากลับกลายเป็นความอึดอัด ในความเชื่อของคนเก่าแก่ การมีของใช้ในงานศพเกินจำนวนผู้ตาย ถือเป็นลางไม่ดี เสียงนาฬิกาดังติ๊ก ๆ ราวกับเร่งเร้าให้ตัดสินใจ
"แล้ว...เราจะทำยังไงดีคะพี่" น้องสาวถามเสียงแผ่ว มือกำชายเสื้อแน่น นึกถึงคำสอนของย่าที่เคยเล่าเรื่องลางร้ายให้ฟัง
"เก็บไว้ก็ได้มั้ง" พี่ชายตอบ พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ แต่ความหนักใจฉายชัดบนใบหน้า "เผื่อมีใครต้องใช้"
คำพูดนั้นเหมือนคำสาปที่ไม่มีใครอยากได้ยิน แต่โกฐใบที่สองก็ถูกเก็บไว้ในตู้ไม้เก่าในห้องแม่ ตู้ใบที่เคยเก็บเสื้อผ้าของท่าน ยังมีกลิ่นการบูรจาง ๆ ปะปนกับกลิ่นไม้เก่า ข้าง ๆ มีรูปถ่ายครอบครัวในกรอบไม้ แม่อุ้มน้องสาวตอนยังเด็ก พี่ชายยืนข้าง ๆ ยิ้มกว้าง ทุกคนดูมีความสุข
สามเดือนผ่านไป บ้านไม้หลังเก่าเริ่มดูโทรมลง เหมือนขาดคนดูแล กลิ่นยาหอมในห้องแม่จางหายไปแล้ว เหลือเพียงกลิ่นอับชื้นและฝุ่นไม้
พี่ชายนอนป่วยด้วยไข้หนัก อาการทรุดลงเรื่อย ๆ จนแพทย์บอกว่าไม่มีทางรักษา ผิวของเขาซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาก บนโต๊ะข้างเตียงมียาหลายขนาด เหมือนกับที่เคยวางอยู่ข้างเตียงแม่ น้องสาวนั่งร้องไห้ข้างเตียง มือเย็นเฉียบกุมมือพี่ชายไว้แน่น
เสียงนาฬิกาลูกตุ้มยังคงเดินต่อไป เหมือนนับเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที น้องสาวนึกถึงโกฐใบที่สองที่รอคอยอยู่ในตู้ ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องถูกใช้ เธอรู้สึกผิดที่วันนั้นไม่รอให้พี่ชายจัดการทุกอย่างเอง
"หนูขอโทษนะคะพี่" เธอกระซิบ น้ำตาไหลรินไม่หยุด "หนูไม่น่าซื้อโกฐนั่นมาเลย มันเหมือนเป็นลางบอกเหตุ ถ้าวันนั้นหนูไม่..."
พี่ชายยิ้มบาง ๆ ใบหน้าซีดขาวยังคงอ่อนโยน เหมือนตอนที่เขาปลอบเธอครั้งที่ล้มในสนามเด็กเล่น "ไม่ใช่ความผิดของหนูหรอก" เขาพูดเสียงแผ่ว "บางทีมันอาจเป็นวิถีที่ชีวิตเลือกให้เราก็ได้ อย่างน้อย..." เขาหยุดหายใจเฮือกหนึ่ง "พี่ก็จะได้ไปอยู่กับแม่"
วันที่พี่ชายจากไป น้องสาวเปิดตู้ไม้เก่า หยิบโกฐใบที่สองออกมา มันยังคงขาวสะอาดเหมือนวันแรกที่ซื้อมา เธอลูบมันเบา ๆ น้ำตาไหลรินลงมาบนพื้นผิวเรียบของโกฐ กลิ่นการบูรในตู้จางหายไปแล้ว เหลือเพียงความว่างเปล่า เหมือนห้องที่ไร้เจ้าของ
เธอมองรูปถ่ายในกรอบไม้ ภาพครอบครัวที่มีความสุข บ้านที่เคยอบอุ่น ตอนนี้เหลือเพียงเธอคนเดียว เสียงนาฬิกาลูกตุ้มยังคงเดินต่อไป แต่ไม่มีใครฟังมันนับเวลาอีกแล้ว
สัปดาห์ต่อมา เธอเดินผ่านร้านขายเครื่องเซ่นไหว้ เห็นโกฐใบใหม่วางโชว์อยู่ที่หน้าร้าน ลวดลายสวยงามเหมือนที่แม่เคยชอบ แต่เธอเลือกที่จะเดินผ่านไป บางครั้ง... สิ่งที่เราเตรียมไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ ก็กลายเป็นสิ่งที่ต้องใช้จริง ๆ ในที่สุด และบางที ความบังเอิญก็อาจเป็นเพียงชะตากรรมที่ถูกลิขิตไว้แล้วตั้งแต่ต้น
………. 💀 ……….