สระแห่งเงาสะท้อน
สระแห่งเงาสะท้อน
#อักษราลัย
ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขาสูงตระหง่าน ที่นี่มีสระน้ำโบราณอันเงียบสงบ ผืนน้ำในยามเช้าสาดส่องเป็นประกายระยิบระยับดุจผืนแพรไหมสีคราม ยามสะท้อนแสงอาทิตย์ของรุ่งอรุณ ยามสายผิวน้ำเงาวับราวกระจกเงาบานใหญ่ที่ถูกขัดจนใส ไม่มีแม้คลื่นระลอกเล็ก ๆ มากระเพื่อมให้เสียความงาม รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ใบไม้ต่างไหวพลิ้วเมื่อต้องสายลม ส่งเสียงกระซิบกระซาบราวกับบทเพลงเห่กล่อมอันแผ่วเบา
ชาวบ้านเล่าขานกันว่า สระน้ำแห่งนี้มีความพิเศษ ใครที่มองลงไปในผืนน้ำอันใสสะอาด จะได้เห็นเงาสะท้อนของสิ่งที่ตนปรารถนาที่สุด ข่าวนี้แพร่สะพัดไปไกล จนผู้คนจากทั่วสารทิศต่างเดินทางฝ่าแดดร้อน ลมหนาว มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านแห่งนี้
ทุกเช้าจรดเย็น ริมสระคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาแสวงหาภาพในฝัน พ่อค้าในอาภรณ์หรูหรายืนจ้องมอง เห็นภาพถุงเงินถุงทองมากมายเรียงราย ดวงตาเขาส่องประกายด้วยความรู้สึกภายใน ชาวนาในเสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่าเห็นทุ่งข้าวสีทองอร่ามไสว ต้นข้าวโน้มพลิ้วดั่งคลื่นในสายลม คนหนุ่มสาวในวัยเริ่มต้นความรักเห็นใบหน้าของคู่ครองในฝัน แต่ละคนต่างจมดิ่งอยู่กับภาพเหล่านั้นดั่งต้องมนตร์ จนลืมเลือนโลกแห่งความเป็นจริง จนแม้เวลาผ่านไป พวกเขาก็ยังคงยืนนิ่ง ราวกับถูกสะกด
ยังมีเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งชื่อ "ปลายฝน" เธอสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนมีรอยปะชุน ผมดำยาวรวบเป็นหางม้าสะบัดพลิ้วตามการเคลื่อนไหว ทุกเช้าเธอจะมาที่สระพร้อมถุงผ้าเก่าใบเล็กที่บรรจุอาหารปลา เดินเท้าเปล่าบนหญ้าอ่อนที่ชุ่มด้วยน้ำค้างยามเช้า หย่อนเมล็ดข้าวลงในน้ำทีละน้อย ดวงตากลมโตเป็นประกายด้วยความสุขเมื่อเห็นฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายมารุมล้อม
วันหนึ่ง ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมสระ ยายแก่ผู้นั่งพักเหนื่อย ผมสีขาวของนางรวบเป็นมวยหลวม ๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นแต่แววตาเปี่ยมด้วยเมตตา ยายมองดูปลายฝนที่กำลังให้อาหารปลาด้วยความเอ็นดู ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"หนูไม่อยากรู้หรือว่าความปรารถนาที่แท้จริงของหนูคืออะไร?"
ปลายฝนหันมายิ้ม รอยยิ้มของเธอสดใสดุจดอกไม้เบ่งบาน "หนูว่าความสุขของหนูอยู่ตรงนี้แล้วค่ะ ได้ให้อาหารปลา ได้ฟังเสียงน้ำกระทบฝั่งเบา ๆ ได้ดูใบไม้ไหวในสายลม ได้รู้สึกถึงลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกอย่างช่างวิเศษเหลือเกินค่ะ"
ยายแก่พยักหน้าอย่างพอใจ รอยยิ้มบางเบาผุดขึ้นบนใบหน้า "เธอฉลาดนัก เพราะคนที่มัวแต่จ้องมองหาสิ่งที่ปรารถนาและต้องการในอนาคต มักหลงลืมมีความสุขกับสิ่งที่มีตรงหน้า"
วันเวลาหมุนผ่านไป ดั่งสายน้ำที่ไหลไม่หวนกลับ ผู้คนที่มาดูสระเริ่มทยอยจากไปทีละคน บ้างผิดหวังที่ไม่ได้ดั่งภาพที่เห็น บ้างเสียเวลาชีวิตไปกับการจ้องมองภาพลวงตา มีเพียงปลายฝนที่ยังคงมาที่สระทุกวัน เสียงหัวเราะสดใสของเธอดังก้องในความเงียบ ดูเหมือนเธอมีความสุขที่สุดในหมู่บ้าน
วันนั้น ขณะที่สายลมพัดพาก้อนเมฆขาวลอยผ่าน แสงแดดอ่อน ๆ ส่องลอดผ่านใบไม้ ด้วยความอยากรู้ที่แอบซ่อนอยู่ในใจมานาน ปลายฝนก้มลงมองในสระ แทนที่จะเห็นภาพวาดฝันอันวิจิตร เธอกลับเห็นเพียงเงาสะท้อนของตัวเองที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข ผิวน้ำกระเพื่อมเบา ๆ ราวกับสระน้ำกำลังกระซิบบอกความลับอันล้ำค่า
"ความสุขที่แท้จริงนั้น ไม่ต้องตามหาที่ไหนไกล เพราะมันอยู่ในหัวใจที่รู้จักพอเสมอมา"
...... >> ......