แกะรอย "เมารถ" ทำไมบางคนถึงเมาง่ายกว่าคนอื่น?
อาการเมารถ เมาเรือ หรือเมาเครื่องบิน เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพิสมัย ที่หลายคนคงเคยประสบพบเจอ แต่เคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไมบางคนถึงมีอาการเมารถ รุนแรง และบ่อยครั้งกว่าคนอื่น? วันนี้ เราจะมาไขความลับ เบื้องหลังอาการเมารถ ไปพร้อมๆ กัน
1. สมองสับสน ส่งสัญญาณเตือนภัย!
สาเหตุหลักของอาการเมารถ เกิดจาก "สมอง" ของเรารับรู้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ระหว่าง "สิ่งที่ตาเห็น" กับ "สิ่งที่ร่างกายรู้สึก" เช่น เวลานั่งรถ ตาของเรามองเห็นว่า วิวทิวทัศน์ กำลังเคลื่อนที่ แต่ร่างกายกลับรู้สึกว่า นั่งอยู่กับที่ สมองจึงเกิดความสับสน และส่งสัญญาณเตือนภัย ออกมาในรูปแบบของอาการเมารถ เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน
2. ปัจจัยเสี่ยง ใครบ้าง "เมาง่าย"?
- พันธุกรรม: หากมีประวัติคนในครอบครัว เมารถง่าย เราก็มีแนวโน้ม ที่จะเมารถง่าย เช่นกัน
- อายุ: เด็ก และผู้สูงอายุ มักมีอาการเมารถ มากกว่าวัยรุ่น และผู้ใหญ่
- เพศ: โดยทั่วไป ผู้หญิง มักมีอาการเมารถ มากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะ ในช่วงที่มีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์
- สุขภาพ: ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ไมเกรน โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือโรคเกี่ยวกับหูชั้นใน มักมีอาการเมารถง่ายกว่าคนปกติ
3. พฤติกรรมเสี่ยง ที่ควรหลีกเลี่ยง
- อ่านหนังสือ หรือเล่นโทรศัพท์ บนรถ: การเพ่งมองสิ่งของ ในระยะใกล้ ขณะรถเคลื่อนที่ จะยิ่งทำให้สมองสับสน
- นั่งในตำแหน่งที่มองวิว ไม่ชัดเจน: เช่น เบาะหลัง หรือเบาะกลาง
- กินอาหาร มากเกินไป ก่อนเดินทาง: อาหาร ที่ย่อยยาก จะทำให้อาการเมารถ รุนแรงขึ้น
- ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่: สารเหล่านี้ จะรบกวนการทำงาน ของระบบประสาท
4. เคล็ดลับ รับมือ "เมารถ"
- มองวิว ในระยะไกล: เช่น ท้องฟ้า หรือภูเขา เพื่อให้สมองรับรู้ การเคลื่อนไหว ที่สอดคล้องกัน
- นั่งในตำแหน่ง ที่มองเห็นวิว ได้ชัดเจน: เช่น เบาะหน้า ริมหน้าต่าง
- รับประทานอาหาร เบาๆ ก่อนเดินทาง: เช่น ขนมปัง หรือผลไม้
- ดื่มน้ำขิง หรือจิบน้ำมะนาว: ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้
- ใช้ยาแก้เมารถ: ตามคำแนะนำ ของแพทย์ หรือเภสัชกร
- ฝึกสมาธิ หรือฟังเพลง ผ่อนคลาย: ช่วยลดความวิตกกังวล
แม้ "อาการเมารถ" จะเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่การเข้าใจสาเหตุ และปัจจัยเสี่ยง รวมถึงการปรับพฤติกรรม และใช้เทคนิคต่างๆ จะช่วยให้เรา รับมือ และลดอาการเมารถ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ